โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือ เชลซี ยืนยัน ดีเอโก้ คอสต้า ไม่ควรโดนลงโทษย้อนหลังจากการย่ำใส่ เอ็มเร่ ชาน กองหลัง ลิเวอร์พูล ในเกมแคปิตอล วัน คัพ รอบตัดเชือก นัดสอง เมื่อวันอังคาร พร้อมวอนให้สื่อปล่อยหัวหอกทีมชาติสเปนเล่นฟุตบอลต่อไป อย่าพยายามดึงมาเป็นประเด็นให้นักเตะเสียสมาธิ

โชเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการทีม เชลซี สโมสรยักษ์ใหญ่ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่า ดีเอโก้ คอสต้า ศูนย์หน้าชาวสเปน จะสมควรได้รับบทลงโทษย้อนหลังจากสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) จากจังหวะที่ย่ำใส่ เอ็มเร่ ชาน กองหลัง ลิเวอร์พูล ระหว่างเกมแคปิตอล วัน คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดสอง ที่เปิดรังสแตมฟอร์ด บริดจ์ เฉือนชนะไป 1-0 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ เมื่อวันอังคารที่ 27 มกราคม ที่ผ่านมา

กองหน้าทีมชาติสเปน มีจังหวะเข้าสกัดหนักๆ ตลอดทั้งเกม และโชคดีที่ไม่โดนใบแดงจากจังหวะย่ำใส่ ชาน ในนาทีที่ 12 นอกจากนั้นเขายังมีจังหวะปะทะกับ มาร์ติน สเคอร์เทล และ สตีเว่น เจอร์ราร์ด แต่ มูรินโญ่ เชื่อว่าควรปล่อยให้ คอสต้า ได้เล่นฟุตบอลต่อไป

 เมื่อถามว่าดาวยิงวัย 26 ปี น่าจะโดนลงโทษย้อนหลังหรือไม่ กุนซือชาวโปรตุเกส กล่าวกับสกาย สปอร์ตส์ ว่า "ไม่ พูดถึงคอสต้า และจุดโทษที่เขาไม่ได้รับ ปล่อยคอสต้าเล่นฟุตบอลของเขาไปเถอะ"

 มูรินโญ่ ออกอาการโมโหใส่ผู้ตัดสินตลอดเกม เพราะเขาคิดว่า จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ ลูคัส เลว่า น่าจะโดนใบเหลืองที่ 2 แต่ในการแถลงข่าวหลังเกม เขาปฏิเสธจะวิจารณ์ผู้ตัดสิน โดยกล่าวว่า "ถ้าผมพูด เอฟเอจะลงโทษผมแบบที่พวกเขาทำประจำ ผมจึงคิดว่ามันดีกว่าที่ให้พวกคุณพูดเอง มันชัดเจนมาก มันจึงยอมรับได้ยาก แม้จะชนะ ผมยังต้องถามตัวเองว่าทำไม แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือเราชนะ"

แม้จะเป็นเกมที่ดุเดือด แต่กุนซือ "สิงโตน้ำเงินคราม" ยังกล่าวชื่นชม เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือ ลิเวอร์พูล สำหรับผลทั้ง 2 นัดในรอบตัดเชือกนี้ "ผมคิดว่าในครึ่งหลังวันนี้ เราทำได้ดีกว่าพวกเขา รวมถึงช่วงต่อเวลาพิเศษด้วย แต่ผมต้องการจริงใจและให้เป็นธรรมกับพวกเขา"

"พวกเขาอยู่ตรงนั้นเหมือนกัน พวกเขาเป็นทีมที่ดีมาก เบรนแดนทำงานได้ยอดเยี่ยมที่เปลี่ยนรูปแบบการเล่นได้ เพราะวิธีที่พวกเขาเริ่มต้นฤดูกาลนี้ไม่ใช่ทิศทางที่ถูกต้อง เขาฉลาดพอที่จะสร้างทีมใหม่ได้ พวกเขาเป็นคู่แข่งที่ยากมาก ดังนั้นผมจึงยิ่งมีความสุขที่เราเอาชนะทีมที่ดีมากใน 2 นัดนี้ได้"

กุนซือเลือดโปรตุกีส กล่าวอีกว่า "นักเตะมีความสุข พวกเขาสมควรได้รับมากมาย และกองเชียร์ก็น่าทึ่งมาก นัดชิงชนะเลิศที่เวมบลีย์มีความหมายมากเสมอ มันไม่สำคัญว่าเป็นเอฟเอ คัพ หรือลีกคัพ เวมบลีย์ก็คือเวมบลีย์ เวมบลีย์คือประวัติศาสตร์ และแฟนๆ ชอบไปที่นั่น พวกเขาผลักดันเราให้ทำอย่างนั้น พวกเขายอดเยี่ยม"