โคลอมเบียต่อลมหายใจในการเข้ารอบต่อไปสำเร็จ หลังรวมพลังโค่นบราซิล 1-0 พร้อมกับเป็นชัยชนะเหนือขุนพลแซมบ้าครั้งแรกในรอบ 24 ปี

ศึกโคปา อเมริกา 2015 ของกลุ่มซี นัดที่ 2 ณ สนามเอสตาดิโอ โมนูเมนทัล ดาวิด อาเรลลาโน ระหว่าง บราซิล อดีตแชมป์ 8 สมัย พบ โคลอมเบีย อดีตแชมป์ 1 สมัย ในปี 2001 โดยครั้งสุดท้ายที่ทั้งสองทีมพบกันในรายการนี้ ต้องย้อนไปถึงปี 1997 ซึ่งครั้งนั้นแซมบ้าเอาชนะไปได้ ด้วยสกอร์ 2-0 จากการทำประตูของ คาร์ลอส ดุงก้า และ เอ็ดมุนโด้

คาร์ลอส ดุงก้า เทรนเนอร์คู่บุญของขุนพลแซมบ้า เปลี่ยนแปลงผู้เล่น 2 รายจากเกมนัดแรก ที่เฉือนชนะ เปรู ไปแบบหวุดหวิด 2-1 โดยตัดสินใจดร็อป ดาวิด ลุยซ์ กับ ดิเอโก้ ทาร์เดลลี ไว้ที่ซุ้มม้านั่งสำรองแล้วจัดการส่ง ดิเอโก้ ซิลวา กับ โรเบอร์โต้ เฟอร์มิโน ลงทำหน้าที่แทน 

ด้าน โคลอมเบีย ของกุนซือ โฮเซ เปเกอร์มัน ปรับทัพเพียงรายเดียวเท่านั้นจากเกมนัดแรก ที่พลิกล็อคพ่าย เวเนซูเอลา 0-1 โดยเลือกดร็อป คอร์ลอส บัคคา ดาวยิงจาก เซบีญา ไว้ที่ซุ้มม้านั่งสำรองแล้วจัดการส่ง เตโอฟิโล กูเตียร์เรซ ลงมายืนเป็นกองหน้าคู่กับ ราดาเมล ฟัลเกา แทน

เกมผ่านมาถึงนาทีที่ 21 โคลอมเบียได้โอกาสทักทายก่อน จากลูกที่ ฮวน กิลเยอร์โม กัวดราโด้ ลองสับไกลด้วยขวาจากระยะประมาณ 25 หลา แต่บอลไม่เข้าเป้าเฉี่ยวเสาแรกออกไปอย่างน่าเสียดาย

ถัดมานาทีที่ 30 โคลอมเบียมีลุ้นอีกครั้ง จากลูกที่ การ์ลอส ซานเชซ ห้องเครื่องของ แอสตัน วิลลา ลองยิงไกลกว่า 30 หลา บอลพุ่งไปแฉลบตัว เจา มิรานด้า แนวรับบราซิล เฉี่ยวเสาไกลออกหลังไปนิดเดียว 

กระทั่งนาทีที่ 36 หลังจากบุกอยู่พักใหญ่ในที่สุดโคลอมเบียก็มาทำประตูออกนำไปก่อนจนได้ จากจังหวะที่ การ์ลอส ซานเชซ เปิดฟรีคิกทางริมเส้นฝั่งขวาเข้าไปในเขตโทษ บอลชุลมุนกันอยู่ 2-3 จังหวะ ก่อนหลุดมาเข้าทาง เฮสัน มูริโญ ตวัดแปด้วยซ้ายเข้าไปตุงตาข่าย ช่วยให้โคลอมเบียขึ้นนำ 1-0 พร้อมกับทำให้ มูริโญ กลายเป็นนักเตะโคลอมเบียคนที่ 4 ที่ยิงประตูบราซิลได้ในศึกโคปา อเมริกา

จากนั้นนาทีที่ 42 โคลอมเบียเกือบได้ประตูที่สอง จากจังหวะที่ ฆาเมส โรดริเกวซ เลี้ยงหลุดขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งซ้าย ก่อนปาดเลียดเข้าไปในเขตโทษให้ เตโอฟิโล กูเตียร์เรซ แตะถวายพานย้อนหลังมาตรงบริเวณหัวกระโหลก และเป็น ฮวน กิลเยอร์โม กัวดราโด้ วิ่งมาแปด้วยซ้ายเฉี่ยวเสาไกลออกหลังไป

ถัดมาไม่ถึงนาที บราซิลพลาดโอกาสทองในการได้ประตูตีเสมอไปอย่างน่าเสียดาย เมื่อ ดาเนียล อัลเวส พลิกหนีตัวประกบหลุดมาทางฝั่งขวา ก่อนบรรจงหยอดเข้าไปในกรอบเขตโทษให้ เนย์มาร์ ขึ้นโหม่งจ่อๆไปตรงตัว ดาวิด ออสปินา ก่อนใช้มือซ้ดาบสองก็ยังไปเข้าซองของ ออสปินา อีกครา แต่จังหวะนี้ไม่รอดสายตาผู้ตัดสิน ควักใบเหลืองให้กับ เนย์มาร์ ฐานจงใจใช้มือเล่นบอล ก่อนจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้

กลับมาเล่นในครึ่งหลัง บราซิล จัดการแก้เกมทันที ด้วยการถอดเอา เฟร็ด กองกลางของ ซัคตาร์ โดเน็ทส์ค ออกไปพักที่ข้างสนาม แล้วจัดการส่ง ฟิลิปป์ คูตินโญ จอมทัพจาก ลิเวอร์พูล ลงมาเล่นแทน

โดยครึ่งหลังเป็นแซมบ้าที่โหมบุกกระหน่ำตั้งแต่ต้นเกม  แต่นาทีที่ 50 กลับกลายเป็นโคลอมเบียที่เปิดฉากทักทายก่อน จากจังหวะที่ ฮวน กิลเยอร์โม กัวดราโด้ ลุยเดี่ยวมาทางกราบขวา ก่อนโยกตัดเข้ากลางและซัดด้วยซ้ายเต็มข้อ บอลพุ่งเฉี่ยวเสาไกลออกหลังไปแบบกองเชียร์แซมบ้าใจหายใจคว่ำ

จากนั้นนาทีที่ 57 เป็นโอกาสอีกครั้งที่บราซิลชวดประตูตีเสมอไปอย่างน่าเสียดาย จากจังหวะที่ดูเหมือนไม่มีอะไร เมื่อ เฮสัน มูริโญ เซ็นเตอร์ฮาร์ฟโคลอมเบีย จ่ายคืนหลังให้ ดาวิด ออสปินา แต่นายด่านของ อาร์เซนอล ดันเสียหลักลื่นจนเตะเปิดบอลแป็กไปเข้าทาง โรเบอร์โต้ เฟอร์มิโน แปโล่งๆไม่รู้จะโล่งยังไงแล้วข้ามคานออกไปอย่างเหลือเชื่อ

แม้ช่วงเวลาที่เหลือบราซิลจะโหมบุกกระหน่ำ แต่เจาะเกมรับของโคลอมเบียไม่เข้า แถมหลังจบเกมมีใบแดงเกิดขึ้นถึงสองใบ เมื่อ เนย์มาร์ ตบะแตกเอาหัวไปโขก เฮสัน มูริโญ จนถูก คาร์ลอส บัคก้า วิ่งเข้ามาผลักหลังกระเด็นไปไกล จนเกือบมีเหตุการณ์ตะลุมบอลเกิดขึ้น ก่อนที่สถานการณ์ต่างๆจะคลี่คลาย และผู้ตัดสินเรียก เนย์มาร์ กับ บัคก้า มารับใบแดงไปตามระเบียบ 

จบเกม โคลอมเบีย เฉือนชนะ บราซิล ไปแบบหวุดหวิด 1-0 คว้าสามคะแนนสำคัญ รั้งอันดับสามของกลุ่มซี โดยมีคะแนนเท่ากับ เวเนซูเอลา จ่าฝูง และ บราซืล รองจ่าฝูงที่ 3 คะแนน แต่ว่ามีประตูได้เสียน้อยกว่านั่นเอง 

        รายชื่อผู้เล่น11ตัวจริงทั้งสองทีม
        บราซิล : เจฟเฟอร์สัน - ดาเนียล อัลเวส, ชูเอา มิรันด้า, ติอาโก้ ซิลวา, ฟิลิเป้ ลุยส์ - แฟร์นานดินโญ่, เอลิอาส - วิลเลี่ยน, เฟร็ด , เนย์มาร์ (กัปตันทีม) - โรแบร์โต้ เฟียร์มิโน่

        โคลอมเบีย : ดาวิด ออสปิน่า - ฮวน กามิโล่ ซุนญิก้า, คริสเตียน ซาปาต้า, เฮยซอน มูรีโญ่, ปาโบล อาร์เมโร่ - ฮวน กวาดราโด้, คาร์ลอส ซานเชซ, เอ็ดวิน วาเลนเซีย, ฮาเมส โรดริเกซ - ราดาเมล ฟัลเกา (กัปตันทีม), เตโอฟิโล่ กูเตียร์เรซ