"ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง แม่ทัพ "ช้างศึก" ขอบคุณ "บิ๊กตู่" พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ติดตามชมเกมที่ทีมชาติไทย เสมอ อิรัก 2-2 น้อมรับคำบัญชาในการสร้างความสุขให้กับแฟนบอลไทยอย่างต่อเนื่อง เผยเป็นเรื่องดีที่ได้รับรู้จุดด้อยของทีมจากการวิเคราะห์ของสื่อนอก เพื่อนำมาปรับใช้ในอนาคตให้กับทีม ที่สำคัญยังมีหลายส่วนที่ต้องแก้ไขหากว่าทีมจะขึ้นไปอยู่ในระดับต้นของ เอเชีย เล็งหารือกับ "บังยี"วรวีร์ มะกูดี ประมุขบอลไย เพื่อขอเก็บตัว 14 วัน ก่อนจะไปลุย เวียดนาม ในวันที่ 13 ต.ค. นี้

 "ซิโก้"คารวะ "บิ๊กตู่"พร้อมสานภารกิจ

         ความเคลื่อนไหวของทีมชาติไทย ชุดใหญ่ หลังจากที่ลงเล่นในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย กลุ่ม เอฟ ด้วยการเปิดบ้านไล่ตาตีเสมอ อิรัก ไป 2-2 จากจุดโทษของ ธีราทร บุญมาทัน น.80 และ มงคล ทศไกร น.83 เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา ทำให้พวกเขายังครองจ่าฝูงอย่างเหนียวแน่น

         จากผลดังกล่าวทำให้ "บิ๊กตู่" พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมาชื่นชมและได้ให้กำลังใจทีมชาติไทย พร้อมกับอวยพรให้ไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายนำความสุขมาให้กับคนไทยทั้งชาติ ซึ่ง "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ของทีม ได้ออกมาพูดถึงเรื่องดังกล่าวอย่างชื่นมื่นว่า

         "ในนามตัวแทนของสตาฟฟ์โค้ช, นักเตะทีมชาติไทย และบรรดาสโมสรต่างๆ ผมเองต้องขอขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ติดตามผลงานของทีมมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพวกเราทำเพื่อประเทศไทยทุกนัดที่ลงสนาม รวมทั้งจะสร้างความสุขให้กับคนไทยได้ชื่นชมตามที่ท่านได้เอ่ยมาให้ได้"

         รับได้สื่อนอกพูดถึงข้อด้อยของทีม
    

         และจากการที่สื่อต่างประเทศอย่าง อีเอสพีเอ็น ได้ออกมาวิเคราะห์ทีมชาติไทย ที่ยังมีจุดบกพร่องทั้งในเรื่องของเกมรับ ที่ยังมีความผิดพลาดง่ายๆ และต้องเรียนรู้การเพรสซิ่งคู่แข่งให้เร็วกว่าเดิม เนื่องจากเกมดังกล่าว อิรัก แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนในการเข้าแย่งบอลจากขุนพลจากฝั่งเจ้าพระยาอย่างรวด เร็ว

         ซึ่ง "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือทีมชาติไทย ได้ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นนี้ว่า "เป็นข้อดีที่ทีมของเรามีสื่อต่างประเทศที่ติดตามผลงานอยู่ในตอนนี้ และการที่พวกเขาออกมาพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เนื่องจากพวกเขาต้องการให้เราแข็งแกร่งมากกว่าเดิม"

         "อย่างไรก็ตามการที่เราไม่ได้เล่นเพรสซิ่งเร็วในการเจอกับ อิรัก  เนื่องจากนักเตะส่วนใหญ่ของทีมชาติไทย ค่อนข้างที่จะตัวเล็ก หากว่าเราดันขึ้นสูงและเข้าไปประกบเร็ว อาจจะทำให้ความเสี่ยงในการป้องกันเกมรับของทีมเรารั่วก็เป็นไปได้ที่สูงเช่น กัน"

         ชี้ต้องปรับอีกเพื่อก้าวสู่เอเชีย

         พร้อมกันนี้ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ยังพูดถึงสิ่งที่ยังต้องเพิ่มเติมว่า "การเสมอกับ อิรัก ที่เป็นทีมระดับท็อป 10 ของเอเชีย ได้ ทว่าโดยรวมศักยภาพทีมเรายังห่างอยู่พอสมควร เราได้เสียงเชียร์ในบ้านช่วยเป็นกำลังใจ เพราะพวกเขาแสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าจะเล่นในบ้านหรือนอกบ้านก็แข็งแกร่งไม่ต่างกัน ในส่วนของแท็กติกคงไม่หนีกันมาก ฉะนั้นยังมีรายละเอียดต่างๆ ที่ต้องแก้ไข เนื่องจากจะเห็นได้ชัดว่าผู้เล่นที่ขึ้นมาใหม่จากซีเกมส์ หลายคนยังตื่นและผิดพลาดในการเล่นเกมระดับนี้"
   

         หารือ "บังยี"ขอ 2 วีกก่อนไปเหงียน

         ในส่วนของการเตรียมความพร้อมก่อนที่ทีมชาติไทย จะบุกไปเยือน เวียดนาม ในเกมที่สี่ของศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย กลุ่ม เอฟ วันที่ 13 ต.ค.นี้ อดีตกองหน้าจากฝั่งลุ่มน้ำเจ้าพระยาจอมตีลังกา  ได้พูดถึงเรื่องดังกล่าวไว้ว่า

         "ผมเองเตรียมที่จะเข้าหารือกับ คุณวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เพื่อวางแผนเตรียมทีมนัดต่อไป บุกเยือน เวียดนาม คาดว่าน่าจะเป็นช่วงหลังจากงานเลี้ยง คิง ออฟ อาเซียน วันที่ 11 ก.ย.นี้ ซึ่งตามเกณฑ์แล้วเราสามารถเรียกเก็บตัวได้ 7 วัน แต่ทั้งนี้ ในส่วนตัวมองว่า หากได้ราว 10 - 14 วัน ก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะเกมกับเวียดนาม เป็นนัดสำคัญ"

         "หากเราชนะ เวียดนาม ได้ ก็มีโอกาสที่จะผ่านเข้ารอบสูง เนื่องจากเกมถัดจากนั้นเราจะเล่นในบ้านกับไต้หวัน ซึ่งไม่หนักมาก ถ้าเก็บได้ 6 แต้มทั้งสองนัด เกมสุดท้ายที่คาดว่าจะต้องวัดกับ อิรัก เชื่อว่า จะมีลุ้นมากขึ้น เพราะพวกเขาต้องเล่นที่สนามกลาง และจะเป็นประโยชน์ต่อเราที่ไม่โดนกองเชียร์คู่แข่งกดดัน"