"กิเลนผยอง" เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ประกาศ สู้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์รับรางวัล 5 ล้านบาท ยิงสดเสาร์ที่ 26 ธ.ค.นี้ ทรูสปอร์ต 2, ทรูสปอร์ตเอชดี 2 และทรูโฟร์ยู ขณะที่ผู้ตัดสินอิมพอร์ตจากญี่ปุ่นยกเซต ในส่วนของตั๋วที่วางขายได้ถูกจับจองหมดแล้ว แต่มีตั้งจอยักษ์ให้แฟนลุ้นได้รับชม ยังมีที่ว่างเหลืออีก 300 ใบ กับกาแฟเบอร์ดี้ ที่เตรียมเปิดบูธร่วมกิจกรรมช่วง 14.00 น. ซื้อ 5 กระป๋อง รับตั๋ว 1 ใบ มี 300 ใบให้ได้จับจอง

 ความเคลื่อนไหวของเกมนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วยน็อกเอาต์ "ช้าง เอฟเอ คัพ 2015" ที่จะเป็นการพบกันระหว่าง "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พบ "กิเลนผยอง" เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด วันเสาร์ที่ 26 ธ.ค. 58 ที่สนามศุภชลาศัย เวลา 18.30 น. ถ่ายทอดสดผ่านทางช่องทรูสปอร์ต 2, ทรูสปอร์ต เอชดี 2 และทรูโฟร์ยู

 สำหรับทีมแชมป์ ช้าง เอฟเอ คัพ 2015 รับเงินรางวัล 5 ล้านบาท พร้อมรับสิทธิ์เป็นตัวแทนประเทศไทย เพลย์ออฟในการแข่งขันฟุตบอล เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ส่วนทีมรองแชมป์ รับเงินรางวัล 1 ล้านบาท โดยเป็นที่แน่ชัดแล้ว

ล่าสุดเมื่อเวลา 16.30 น. วันศุกร์ที่ 25 ธ.ค. 58 "กิเลนผยอง" เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ได้เดินทางมาฝึกซ้อมที่สนามแข่งขันจริง ที่สนามศุภชลาศัย ตามโปรแกรมที่กำหนด โดย ดราแกน ทาลายิช กุนซือใหญ่ชาวโครแอตของ "กิเลนผยอง" เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด พร้อมจัดผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดลงบู๊เพื่อหวังประกาศศักดาพาทีมคว้าโทรฟี่ สำคัญในปีนี้ โดยแกนหลักของกิเลนผยองจะนำทัพโดยสุดยอดดาวยิงอย่าง "มุ้ย" ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าคนสำคัญที่พร้อมลงปิดบัญชีบุรีรัมย์ รวมถึงรายของ คลีตัน ซิลวา แนวรุกแซมบ้าที่ซัด 6 ประตูในรายการนี้นำเป็นผู้นำดาวซัลโว ทิ้งห่าง ดีโอโก้ หลุยส์ ซานโต และ อันเดรส ตูเนซ ของบุรีรัมย์ที่ทำ 3 ประตู ส่วนคีย์แมนรายอื่นๆ ของกิเลนผยองยังคงอยู่กันครบครัน ทั้ง กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์, คิม ดอง จิน, มาริโอ ยูรอฟสกี้ ฯลฯ ต่างก็ฟิตสมบูรณ์ทั้งหมด

 ดราแกน ทาลายิช เผยผ่านล่ามว่า "ในรายของ ดัสกร ทองเหลา อาจจะไม่ได้ลงเล่นเป็น 11 ตัวจริง แต่เขาก็พร้อมที่จะลงเล่นในช่วง 20 นาทีสุดท้าย ผมเชื่อว่าทั้งดัสกรและสารัชจะได้ฉลองถ้วยแชมป์พร้อมๆ กันกับเพื่อนร่วมทีมแน่"

ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยของศึกไฟนัลดรีมแมตช์ในครั้งนี้ ทางด้าน "ผู้การหลอ" พันเอกพิเศษ วรวุฒิ ทองศรีงาม เลขาธิการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย กล่าวถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยในเกมนี้ว่า "นี่เป็นแมตช์ที่ยิ่งใหญ่และถือเป็นดรีมแมตช์ที่แฟนบอลชาวไทยทั้งประเทศรอ คอย ซึ่งแน่นอนว่าจะมีแฟนบอลเข้ามาร่วมชมเกมนี้จำนวนหลายหมื่นคน ดังนั้นเราจะต้องกำชับเรื่องของมาตรการรักษาความปลอดภัยให้ดีที่สุด โดยจะมีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่รปภ. และเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมทั้งสิ้นกว่า 250 นาย เพื่อช่วยกันดูแลรักษาความปลอดภัย การันตีว่าเกมนี้จะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ตอนนี้บัตรเข้าชมเกมหมดลงไปตั้งแต่วันแรกที่เปิดจำหน่ายเรียบร้อยแล้ว ซึ่งต้องบอกว่าเป็นกระแสที่แรงเกินคาดสำหรับฟุตบอลแมตช์นี้ อย่างไรก็ตาม ฝ่ายจัดการแข่งขันยืนยันว่าจะมีการติดตั้งจอยักษ์แอลอีดีไว้บริเวณหน้าสนาม 2 จุด เพื่อรองรับแฟนบอลที่ไม่มีตั๋วเข้าชมที่คาดว่าจะเดินทางมาหาตั๋วที่หน้าสนาม อีกราวๆ หลักพันคนเลยทีเดียว พร้อมกันนี้ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลคุมเข้มเรื่องของผู้ขายตั๋วผี หากพบเห็นว่ามีใครนำบัตรเข้าชมการแข่งขันมาโก่งราคาขายที่สูงเกินไป ถือเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค ก็จะให้เจ้าหน้าที่จับตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างแน่นอน"

 ขณะที่ชุดผู้ตัดสินที่เตรียมทำหน้าที่ในเกมนัดชิงครั้งนี้ ทางคณะกรรมการผู้ตัดสินสมาคมฟุตบอลฯ ได้อิมพอร์ตผู้ตัดสินจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีดีกรีระดับฟีฟ่าลงทำหน้าที่ด้วย โดยจะไม่มีการเปิดเผยรายชื่อจนกว่าจะถึงเกมนัดแข่งขันเพื่อป้องกันการโดน เจาะข้อมูล สำหรับผู้ตัดสินที่เคยลงทำหน้าที่นัดชิงฟุตบอลถ้วยเอฟเอ คัพ นับจากปี 2009 ที่นำกลับมาจัดการแข่งขันใหม่นั้น ประกอบด้วย 1. ชัยยะ มหาปราบ-ปี 2009 การท่าเรือฯ ชนะจุดโทษ บีอีซี เทโรศาสน สกอร์รวม 6-5, 2. สุระ ศรีอาจ-ปี 2010 เมืองทอง ยูไนเต็ด แพ้ต่อเวลา ชลบุรี เอฟซี 1-2, 3. ประพจน์ ดิสสมศรี-ปี 2011 เมืองทอง ยูไนเต็ด แพ้ต่อเวลา บุรีรัมย์ พีอีเอ 0-1, 4. โทชิมิสึ โยชิดะ (ญี่ปุ่น)-ปี 2012 อาร์มี่ ยูไนเต็ด แพ้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 1-2, 5. ยูดาอิ ยามาโมโต้ (ญี่ปุ่น)-ปี 2013 บางกอกกล๊าส เอฟซี แพ้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 1-3, 6. ศิวกร ภูอุดม-ปี 2014 บางกอกกล๊าส เอฟซี ชนะ ชลบุรี เอฟซี 1-0

 ในส่วนของตั๋วเข้าชมที่ถูกจำหน่ายหมดเกลี้ยงไปแล้วนั้น แต่ทางหนึ่งในผู้สนับสนุนการแข่งขันอย่าง กาแฟเบอร์ดี้ ได้จัดเคมเปญพิเศษ ซื้อกาแฟเบอร์ดี้ 5 กระป๋อง รับตั๋ว 1 ใบ แบ่งโซนของเอสซีจี เมืองทอง และบุรีรัมย์ ฝั่งละ 150 ใบ รวม 300 ใบ จะเปิดจำหน่ายเริ่มตั้งแต่เวลา 14.00 น. โดยในตั๋วจำนวน 300 ใบนี้ก็จะได้ลุ้นจับหางบัตรเป็นเจ้าของเสื้อทีมชาติไทยสีน้ำเงินพร้อมลาย เซ็นของ พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา, ธนบูรณ์ เกษารัตน์ และ ชนาธิป สรงกระสินธ์ จำนวน 10 รางวัล ในช่วงพักครึ่งของการแข่งขันด้วย

 ส่วนฝ่ายจัดการแข่งขัน "ช้าง เอฟเอ คัพ 2015" ยังคงเดินทางเยี่ยมเยือนสื่อเป็นวันสุดท้าย โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 25 ธ.ค. 58 ได้เข้าเยี่ยมและมอบกระเช้าปีใหม่ให้กับ ช่อง 7, ช่อง 5, ช่อง 3, ไทยโพสต์, เนชั่น และ คม ชัด ลึก เพื่อขอบคุณที่ช่วยประชาสัมพันธ์การแข่งขันฟุตบอล ช้าง เอฟเอ คัพ 2015 ตลอดช่วงที่ผ่านมาเป็นอย่างดี

สำหรับสถิติการพบกันของทั้งสองทีมนั้นปรากฏว่า "กิเลนผยอง" สามารถเอาชนะ "ปราสาทสายฟ้า" ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทีมจากแดนอีสานเข้าร่วมก่อนเปิดลีกสูงสุดในปี 2010 ซึ่งเกมนั้นพลพรรคของเอสซีจี เมืองทอง เดินทางไปอุ่นเครื่องกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่สนาม ไอ-โมบาย สเตเดี้ยม เก่าที่อยู่เขากระโดง โดยในครึ่งแรก "กิเลนผยอง" จัดการยิงน้องใหม่ที่ก่อตั้งในปี 2010 ไปก่อน 1-0 และได้เปลี่ยนผู้เล่นสำรองลงมาในครึ่งหลัง

 ปรากฏว่าครึ่งหลัง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สามารถตีเสมอได้ 1-1 ซึ่งเกมทำท่าจะจบลงด้วยการเจ๊ากันอยู่แล้ว ทว่าผู้ตัดสินกลับทดเวลาบาดเจ็บออกไปอีก 6 นาที ทำให้สุดท้าย ซูมาโฮโร่ ยาย่า อดีตปีกของเอสซีจี เมืองทอง จัดการยิงช่วงต่อเวลาจน "กิเลนผยอง" เอาชนะ 2-1 ซึ่งเป็นการประเดิมชัยชนะนัดแรกของการพบกันอีกด้วย

สำหรับสถิติการพบกันทั้งหมดของทั้ง 2 ทีม พบกัน 16 ครั้ง เอสซีจี เมืองทอง ชนะ 1 เสมอ 9 แพ้ 9 โดยแต่ละรายการมีดังนี้

         ครั้งที่ 1 ปี 2010 เอสซีจี เมืองทอง ชนะ 2-1 (ย) ที่สนาม ไอ-โมบาย สเตเดี้ยม (อุ่นเครื่อง)

         ครั้งที่ 2 ปี 2010 เอสซีจี เมืองทอง เสมอ 0-0 (ห) ที่สนามเอสซีจี สเตเดี้ยม (ไทยพรีเมียร์ลีก)

         ครั้งที่ 3 ปี 2010 เอสซีจี เมืองทอง แพ้ 0-1 (ย) ที่สนาม ไอ-โมบาย สเตเดี้ยม (ไทยพรีเมียร์ลีก)

         ครั้งที่ 4 ปี 2011 เอสซีจี เมืองทอง เสมอ 0-0 (ห) ที่สนามเอสซีจี สเตเดี้ยม (ไทยพรีเมียร์ลีก)

         ครั้งที่ 5 ปี 2011 เอสซีจี เมืองทอง แพ้ 0-1 (ย) ที่สนาม ไอ-โมบาย สเตเดี้ยม (ไทยพรีเมียร์ลีก)

         ครั้งที่ 6 ปี 2011 เมืองทอง แพ้ 0-1 (ก) ที่สนามศุภชลาศัย (นัดชิงเอฟเอ คัพ)

         ครั้งที่ 7 ปี 2012 เอสซีจี เมืองทอง เสมอ 1-1 (ย) ที่สนาม ไอ-โมบาย สเตเดี้ยม (ไทยพรีเมียร์ลีก)

         ครั้งที่ 8 ปี 2012 เอสซีจี เมืองทอง เสมอ 1-1 (ห) ที่สนามเอสซีจี สเตเดี้ยม (ไทยพรีเมียร์ลีก)

         ครั้งที่ 9 ปี 2013 เอสซีจี เมืองทอง แพ้ 0-2 (ก) ที่สนามศุภชลาศัย (ถ้วย ก)

         ครั้งที่ 10 ปี 2013 เอสซีจี เมืองทอง แพ้ 1-2 (ห) ที่สนามเอสซีจี สเตเดี้ยม (ไทยพรีเมียร์ลีก)

         ครั้งที่ 11 ปี 2013 เอสซีจี เมืองทอง แพ้ 0-1 (ก) ที่สนาม ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต (รอบรองฯ เอฟเอ คัพ)

         ครั้งที่ 12 ปี 2013 เอสซีจี เมืองทอง เสมอ 1-1 (ย) ที่สนาม ไอ-โมบาย สเตเดี้ยม (ไทยพรีเมียร์ลีก)

         ครั้งที่ 13 ปี 2014 เอสซีจี เมืองทอง แพ้ 0-1 (ก) ที่สนามศุชลาศัย (ถ้วย ก)

         ครั้งที่ 14 ปี 2014 เอสซีจี เมืองทอง เสมอ 0-0 (ย) ที่สนาม ไอ-โมบาย สเตเดี้ยม (ไทยพรีเมียร์ลีก)

         ครั้งที่ 15 ปี 2014 เอสซีจี เมืองทอง เสมอ 0-0 (ห) ที่สนามเอสซีจี สเตเดี้ยม (รอบก่อนรองฯ นัดแรก ลีก คัพ)

         ครั้งที่ 16 ปี 2014 เอสซีจี เมืองทอง แพ้ 0-1 (ห) ที่สนาม เอสซีจี สเตเดี้ยม (ไทยพรีเมียร์ลีก)

         ครั้งที่ 17 ปี 2014 เอสซีจี เมืองทอง แพ้ 0-1 (ย) ที่สนาม ไอ-โมบาย สเตเดี้ยม (รอบก่อนรองฯ นัดสอง ลีก คัพ)

         ครั้งที่ 18 ปี 2015 เอสซีจี เมืองทอง เสมอ 1-1 (ห) ที่สนามเอสซีจี สเตเดี้ยม (ไทยพรีเมียร์ลีก)

         ครั้งที่ 19 ปี 2015 เอสซีจี เมืองทอง เสมอ 2-2 (ย) ที่สนาม ไอ-โมบาย สเตเดี้ยม (ไทยพรีเมียร์ลีก)

 
         สรุป พบกัน 19 ครั้ง เอสซีจี เมืองทอง ชนะ 1 เสมอ 9 แพ้ 9 ได้ 9 เสีย 17