นับเป็นความสำเร็จอันน่าประทับใจที่สุดในซีซั่นนี้เลยก็ว่าได้สำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจัดการเปิดรังโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ถล่ม มิดทิลแลนด์ 5-1 ในศึกยูโรปา ลีก นัดสอง...นอกจากที่จะทำให้ทีมได้เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายแล้ว ยังเป็นการต่ออายุให้ หลุยส์ ฟาน กัล

 อย่างไรก็ตาม การพลิกชะตากรรมผ่านเข้ารอบได้ในครั้งนี้ ก็ใช่ว่า แอลวีจี จะการันตีตำแหน่งผู้จัดการทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ในซีซั่นหน้า เพราะบททดสอบที่แท้จริงกำลังรอเขาอยู่ในช่วง 11 วันอันตรายต้นเดือนมีนาคม ระหว่างวันที่ 10 ถึง 20 มีนาคม หลุยส์ ฟาน กัล มีคิวพาทีมลุยโปรแกรมสุดโหด 4 เกมสำคัญด้วยกัน

เริ่มต้นด้วยการออกไปเยือน ลิเวอร์พูล ในเกมยูโรปา ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดแรก ก่อนที่จะกลับไปเปิดโรงละครรับการมาเยือนของ เวสต์แฮม ทำศึกเอฟเอ คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย ในอีก 3 วันให้หลัง จากนั้น 17 มีนาคม ขุนพล "ปีศาจแดง" มีคิวซัดกับ ลิเวอร์พูล ในยูโรปา ลีก นัดชี้ชะตา ต่อด้วยการทำศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เอติฮัด สเตเดี้ยม 20 มีนาคม

คำนวณแล้ว แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องเดินทางเป็นระยะทางเพียง 38 ไมล์ในช่วง 4 เกมสำคัญดังกล่าว แม้ไม่ทำให้ร่างกายอ่อนล้ามากนัก แต่มันเดิมพันด้วยตำแหน่งกุนซือของ หลุยส์ ฟาน กัล ซึ่งชะตาของเขาอาจขาดสะบั้นลงทันทีหากโดน ลิเวอร์พูล เขี่ยตกรอบยูโรปา ลีก

เมื่อ 2 ปีก่อน เดวิด มอยส์ ได้รับซองขาวให้ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมแมนฯ ยูไนเต็ด หลังไม่สามารถพาทีมไปเล่นฟุตบอลยุโรป...หลุยส์ ฟาน กัล ก็อาจจะต้องเผชิญชะตากรรมเดียวกับกุนซือชาวสกอตต์ หากไม่สามารถคว้าโควต้ายุโรปด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่ง

ซึ่งตอนนี้ก็มีให้เลือกด้วยการเป็นแชมป์ยูโรปา ลีก หรือโกยแต้มในลีกจนขึ้นไปติดท็อปโฟร์

ด้วยเหตุนี้ 11 วันอันตรายช่วงต้นเดือนมีนาคมจึงมีความสำคัญอย่างมากกับชะตาของทั้ง แมนฯ ยูไนเต็ด และหลุยส์ ฟาน กัล

เพราะถ้าเทรนเนอร์ชาวดัตช์ข้ามผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ด้วยผลการแข่งขันที่น่าพอใจ นั่นหมายความว่าทีมของเขาจะมีลุ้นทั้งแชมป์เอฟเอ คัพ และโควต้า ฟุตบอลยุโรป ในฤดูกาลหน้า

และถ้าพาทีมไปยังเป้าหมายได้จริงๆ บอร์ดบริหารอาจไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงอะไรในฤดูกาลนี้