ฟุตบอล ยูโรปา ลีก นัดชิงชนะเลิศ
วันพุธที่ 18 พฤษภาคม 2559
ลิเวอร์พูล (อังกฤษ) 1-3 เซบีย่า (สเปน)

สนาม : เซนต์ ยาค็อบ พาร์ค (บาเซิ่ล , สวิตเซอร์แลนด์)

             ลิเวอร์พูล ทะยานมาถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูโรปา ลีก เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เปลี่ยนชื่อมาจาก ยูฟ่า คัพ แดนกลางวาง เจมส์ มิลเนอร์ ประสานงานกับ เอ็มเร่ ชาน แนวรุกนำมาโดย โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ กับ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ สนับสนุนหน้าเป้า แดเนียล สเตอร์ริดจ์

             เซบีย่า แชมป์เก่า 2 สมัยซ้อนเกมนี้ไม่มี โฆเซ่ อันโตนิโอ เรเยส ที่พักฟื้นจากการผ่าตัดไส้ติ่ง สามแนวรุกวาง โกเก้, เอเวร์ บาเนก้า และ บิโตโล่ สนับสนุน เควิน กาไมโร่ ที่กดไป 7 ประตูในรายการนี้ สำหรับผู้ชนะยังจะได้สิทธิ์เข้าไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่มทันทีในฤดูกาลหน้าด้วย

             ครึ่งแรกเริ่มมาเพียง 8 นาที ลิเวอร์พูล ทักทายก่อนเลย เนธาเนียล ไคลน์ ไหลเข้ากลางให้ เอ็มเร่ ชาน อัดด้วยขวาจากนอกกรอบแต่ ดาบิด โซเรีย ปัดทิ้งหวุดหวิด

             อีกสามนาทีต่อมา "หงส์แดง" เกือบได้ เนธาเนียล ไคลน์ เติมมาทางขวาก่อนครอสไปเสาสองให้ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ เทกตัวโหม่งบอลลอยอยู่หน้าประตูก่อนโดนเคลียร์จากเส้นทิ้งหวุดหวิด

             ต่อมานาที 25 ลิเวอร์พูล น่าจะได้ประตู อดัม ลัลลาน่า แทงบอลให้ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ หลุดไปหวดด้วยขวาแต่ติดเซฟ ดาบิด โซเรีย ที่ออกมาเซฟเอาไว้ได้

             เกมผ่านมาครึ่งชั่วโมงเศษ เซบีย่า เกือบได้บ้างจากลูกเตะมุมเปิดเข้ามา สตีเว่น เอ็นซอนซี่ ขึ้นไปแย่งโหม่งเข้าทาง เควิน กาไมโร่ จักรยานอากาศเฉี่ยวเสาไปนิดเดียว

             มาถึงนาที 35 กลายเป็น "หงส์แดง" ออกนำ 1-0 ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ จ่ายออกซ้ายให้ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ดึงจังหวะก่อนดีดไซร์ก้อยบอลเสียบหน้าต่างเข้าไปอย่างสวยงาม

             ท้ายครึ่งแรกนาที 39 ลิเวอร์พูล เกือบได้ประตูที่สองอีกจากลูกเตะมุมเปิดเข้ามา เดยัน ลอฟเรน ได้โขกก่อนจะเป็น สเตอร์ริดจ์ สะกิดบอลเปลี่ยนทางตุงตาข่ายแต่เป็นลูกล้ำหน้าไปก่อน จบครึ่งแรกลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ นำอยู่ 1-0 
 

             เริ่มครึ่งหลัง ผ่านไปเพียง 18 วินาทีเท่านั้น เซบีย่า ตีเสมอ 1-1 มาเรียโน่ ได้บอลทางฝั่งขวา หนีการสกัดของ อัลเบร์โต้ โมเรโน่ ก่อนจ่ายแม่นยำจากกรอบเขตโทษฝั่งขวาไปหน้าประตูให้ เควิน กาไมโร่ ยิงเท้าซ้ายเพียงหลาเดียวตุงตาข่าย นับเป็นประตูที่ 8 จากการลงสนาม 9 นัด ของเขาในยูโรปา ลีก ซีซั่นนี้

             นาที 60 เซร์คิโอ เอสกูเดโร่ แบ็กซ้ายเซบีย่าเปิดบอลยาวมาเข้าหัว สตีเว่น เอ็นซอนซี่ โขกตั้งให้ เควิน กาไมโร่ ยิงเท้าซ้ายในกรอบเขตโทษฝั่งขวาติดเข่าซ้ายของ ซิมงต์ มิโญเล่ต์ นายทวารหงส์แดงอย่างน่าเสียดาย

             อย่างไรก็ตามนาที 64 เซบีย่า ที่เล่นได้ดีมากในครึ่งหลัง เป็นฝ่ายพลิกสถานการณ์กลับมานำ 2-1 บีโตโล่ ทำชิ่งกับ เอเวร์ บาเนก้า นอกกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย และบอลกลับมาที่ บีโตโล่ จ่ายให้ ฆอร์เค่ อันดูฆาร์ ''โกเก้'' กัปตันทีม วิ่งสอดเข้ามายิงเท้าขวาจากระยะ 20 หลา ทางฝั่งซ้าย บอลไซด์โค้งเข้าประตูไป

             นาที 69 ลิเวอร์พูล แก้เกมส่ง ดิว็อค โอริกี้ กองหน้าเบลเยียม ลงเล่นแทน โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่

             และนาทีต่อมา เอเวร์ บาเนก้า ไหลบอลจากซ้ายเข้าใน เนธาเนียล ไคลน์ สกัดไปโดนตัวของ คูตินโญ่ เพื่อนร่วมทีม และบอลกระเด้งมาเข้าทาง โกเก้ ยิงเท้าขวาติด มิโญเล่ต์ แต่บอลยังแรงเข้าประตู เซบีย่านำห่าง 3-1 นับเป็นประตูที่สองของเขาในนัดนี้

             นาที 77 เซบีย่า เปลี่ยนเอา อาดิล รามี่ ออกจากสนาม เนื่องจากบาดเจ็บ และส่ง ติโมเต้ โคล็อดเซียจซัค ลงสนาม

             จบเกม เซบีย่า แชมป์เก่า ต้อน ลิเวอร์พูล 3-1 ผงาดคว้าแชมป์ยูโรปา ลีก ฤดูกาล 2015-2016 และเป็นการได้แชมป์ศึกนี้ 3 ปีซ้อน อีกทั้งเป็นแชมป์สมัยที่ 5 ของสโมสร (ได้แชมป์ปี 2006, 2007, 2014, 2015, 2016) พร้อมได้สิทธิ์เข้าแข่งขัน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ในซีซั่นหน้าโดยอัตโนมัติ ขณะที่ หงส์แดง  เป็นรองแชมป์ยูโรปา ลีกสมัยแรก โดยในอดีตพวกเขาได้แชมป์ในชื่อยูฟ่า คัพ 3 สมัย ปี 1973, 1976, 2001

             รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
             ลิเวอร์พูล : ซิมงต์ มิโญเล่ต์ - เนธาเนียล ไคลน์, เดยัน ลอฟเรน, โคโล่ ตูเร่, อัลเบร์โต้ โมเรโน่ - เจมส์ มิลเนอร์, เอ็มเร่ ชาน - อดัม ลัลลาน่า, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ - แดเนียล สเตอร์ริดจ์ 
             สำรอง : ดาเนี่ยล วอร์ด, มาร์ติน สเคอร์เทล, โจ อัลเลน, ลูคัส เลว่า, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ดิว็อค โอริกี้, คริสติย็อง เบนเตเก้
             เซบีย่า : ดาบิด โซเรีย - มาเรียโน่ แฟร์เรยร่า, อาดิล รามี, ดาเนียล การ์รีโซ่, เซร์คิโอ เอสกูเดโร่ - เกอร์เซกอร์ซ ครีโชเวียค, สตีเว่น เอ็นซอนซี่ - โกเก้, เอเวร์ บาเนก้า, บิคตอร์ มาชิน ''บีโตโล่'' - เควิน กาไมโร่
             สำรอง : เซร์คิโอ รีโก้, บิเซนเต้ อิบอร์ร่า, เซบาสเตียน กริสโตโฟโร่, ธิโมที โคล็อดเซียจซัค, นิโกลัส ปาเรฮา, เยฟเก้น โคโนเปลียนก้า, เฟร์นานโด ยอเรนเต้
             ผู้ตัดสิน : โยนาส อีริคส์สัน (สวีเดน)