เจสซี่ ลินการ์ด กลายเป็นฮีโร่ของ "ปีศาจแดง" หลังลงมาเป็นสำรองซัดประตูชัยให้ แมนฯยูไนเต็ด ที่เหลือ10คนในช่วงต่อเวลาพิเศษเอาชนะ คริสตัล พาเลซ 2-1 ผงาดคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ในรอบ 12 ปีและเป็นสมัยที่12เท่ากับอาร์เซน่อล ในศึกเอฟเอ คัพ อังกฤษ นัดชิงชนะเลิศ คืนวันเสาร์ที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา

 

ฟุตบอล เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ
วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม 2559
คริสตัล พาเลซ 1-2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

 

สนาม : เวมบลีย์ สเตเดี้ยม

          ศึกเอฟเอ คัพ ฟุตบอลถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดของโลก รอบชิงชนะเลิศครั้งที่ 135 เป็นการรีแมตช์คู่ชิงปี 1990 ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ด้วยการเชือด คริสตัล พาเลซ จากการเล่น 2 นัด
 

          ปราสาทเรือนแก้ว ซึ่งลงเล่นรอบชิงถ้วยนี้เป็นหนที่ 2 ปรับทัพ 6 ตำแหน่งจากเกมลีกนัดสุดท้ายของซีซั่น แนวรุกเรียก ยานนิค โบลาซี่, วิลฟรีด ซาฮา, คอนเนอร์ วิคแฮม คืนตัวจริง
 

          ฝั่ง ปีศาจแดง เปลี่ยนแปลง 2 จุดจากนัดก่อนที่ชนะ บอร์นมัธ เมื่อวันอังคาร มาร์กอส โรโฮ กับ มารูอาน เฟลไลนี่ คืนตัวจริงแทน คาเมรอน บอร์ธวิค-แจ็คสัน กับ เจสซี่ ลินการ์ด
 

          ครึ่งแรก ผีแดง ครองบอลบุกก่อน นาทีที่ 8 แรชฟอร์ด กระชากไปถึงสุดเส้นแล้วโดน เดลานี่ย์ รวบล้ม แต่ผู้ตัดสินชี้ให้เป็นเตะมุม
 

          ถัดจากนั้น 3 นาที ลูกเตะมุมของ ยูไนเต็ด บลินด์ ครอสไปให้ เฟลไลนี่ เข้าหาบอลได้ก่อน แต่โหม่งแฉลบ เยดินัค ถากเสา
 

          นาที 19 มีประเด็นเกิดขึ้น เมื่อ วิคแฮม สปีดหนี สมอลลิ่ง แล้วโดนดึงล้ม แต่ วิคแฮม ยังลุกขึ้นมาได้แล้วลากเข้าไปล่อเป้าผ่าน เด เคอา ที่ยืนนิ่ง เพราะมีเสียงนกหวีดจากผู้ตัดสินขึ้นมาก่อน ทำให้ อลัน พาร์ดิว โวยแหลกที่ไม่ปล่อยให้เป็นลูกได้เปรียบ
 

          จากฟรีคิกของ พาเลซ จังหวะนี้ กาบาย ครอสโค้งไปที่เสาแรก โบลาซี่ โหม่งเช็ดจะมุดคานอยู่แล้ว แต่ เด เคอา ปัดข้ามคานไปได้
 

          นาที 23 โอกาสกลับมาเป็นของ ปีศาจแดง จังหวะที่บอลขลุกขลิกจากเท้า ซูอาเร่ มาเข้าทาง มาต้า แปด้วยซ้าย 15 หลา เฮนเนสซี่ย์ ทิ้งตัวปัดมือเดียวได้เยี่ยม
 

          ผ่านครึ่งชั่วโมงแรก เริ่มมีเสียงโห่หนักจากแฟนพาเลซ จังหวะที่ ซาฮา ลากหนี โรโฮ ขึ้นทางขวาแล้วโดนเหนี่ยวแต่เอาไม่อยู่ ซาฮา หลุดไปแล้ว แต่ดันมีเสียงนกหวีดให้ฟาวล์ พาเลซ แทนที่จะปล่อยเป็นลูกได้เปรียบ
 

          โอกาสงามๆ ในครึ่งแรกเป็นของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในนาที 34 แรชฟอร์ด โชว์ลีลาพลิกบอลขึ้นริมเส้นฝั่งขวาเข้าไปสับขาหลอกในกรอบโทษ ก่อนผ่านเรียดทะลุไปหมดถึง มาร์กซิยาล ที่เสาสอง แต่ยิงไปติด วอร์ด ที่ทิ้งตัวบล็อคหวุดหวิด
 

          3 นาทีให้หลัง แมนฯ ยูไนเต็ด เกือบพังเอง บลินด์ จะไปล็อกหลอก ซาฮา แต่ไม่พ้น ถูก ซาฮา ลากเข้าเขตโทษกำลังง้างเท้าแล้ว แต่มี รูนี่ย์ วิ่งตามลงมาบล็อคหวุดหวิด จบครึ่งแรก ยังเสมอ 0-0

 ครึ่งหลัง เกือบเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ที่นำในนาที 55 วาเลนเซีย ผ่านเรียดจากขวา แรชฟอร์ด สะกิดต่อสั้นๆ ให้ เฟลไลนี่ หลุดทันที แต่ตะบันด้วยขวา 15 หลาไปชนคาน
 

          จากนั้นนาที 63 ผีแดง ก็ยังไร้โชคอีก วาเลนเซีย ชิพเข้าเขตโทษ มาร์กซิยาล ขวิดเช็ดเล่นเสาไกล แต่บอลพุ่งไปชนเสา
 

          นาที 66 ทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล ต้องเสีย โรโฮ ที่โดน เดลานี่ย์ เสียบหนักเข้าใส่ ทำให้ มัตเตโอ ดาร์เมียน ต้องลงมายืนแบ็กซ้ายจำเป็นแทน
 

          ให้หลัง 6 นาที ปีศาจแดง เดี้ยงเพิ่มอีก แรชฟอร์ด ลากไปโดน กาบาย อัดเข้าใส่ที่เข่า ต้องส่ง แอชลี่ย์ ยัง ลงมายืนกองหน้าจำเป็นอีก
 

          นาที 72 พาเลซ เปลี่ยนคนแรก ส่ง เจสัน ปันเชียน แทน กาบาย
 

          ปันเชียน กลายเป็นซูเปอร์ซับ ยิงให้ พาเลซ นำ 1-0 ในนาที 78 จังหวะเปิดลูกเตะมุมที่ถูกสกัด แล้ว ปันเชียน ถอยกลับมารับบอลจาก เดลานี่ย์ ในกรอบโทษฝั่งซ้ายไม่ล้ำหน้า ก่อนตะบันเท้าซ้ายมุมแคบเสียบตาข่าย
 

          แต่แค่ 3 นาที แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ตามตี 1-1 ทันควัน รูนี่ย์ ลากลุยขึ้นมาเรื่อยๆ ไม่มีช่องยิง เลยลากต่อเข้าเขตโทษด้านขวาแล้วตักโด่งไปเสาสอง เฟลไลนี่ พักอกไม่อยู่ตัว แต่ยังดีที่เข้าทางปืน มาต้า วอลเล่ย์เท้าซ้ายลอดขา วอร์ด ที่ยืนคุมเส้นเข้าไป
 

          จบ 90 นาที เสมอ 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษ 30 นาที
 

          ช่วงต่อเวลาครึ่งแรก แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องเหลือ 10 คนในช่วงทดเวลา 105+1 สมอลลิ่ง เสียท่าให้ โบลาซี่ แล้ว สมอลลิ่ง ที่นอนอยู่กับพื้นไปคว้าขาปีกพาเลซ เลยโดนใบเหลืองที่ 2 ถูกไล่ออก
 

          ในนาทีที่ 110 อันโตนิโอ วาเลนเซีย จ่ายบอลทางด้านขวาเข้ามา เดเมียน เดลานี่ย์ สกัดบอลออกมา เข้าทาง เจสซี่ ลินการ์ด วอลเล่ย์ตูมเดียวบอลพุ่งเข้าประตูไป แมนฯยูไนเต็ด แซงขึ้นนำ 2-1

 
          ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีทีมใดทำประตูเพิ่มเติมได้ จบเกม แมนฯ ยูไนเต็ด พลิกเอาชนะ คริสตัล พาเลซ ไป 2-1 คว้าแชมป์ เอฟเอคัพ เป็นสมัยที่ 12 ได้สำเร็จ

 

          รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

          คริสตัล พาเลซ : เวย์น เฮนเนสซี่ย์, โจเอล วอร์ด, สกอตต์ แดนน์ (อาเดรียน มาริอัปปา น.90), เดเมียน เดลานี่ย์, ปาเป้ ซูอาเร่, มิเล่ เยดินัค, โยอัน กาบาย (เจสัน ปันเชียน น.72), เจมส์ แม็คอาร์เธอร์, วิลฟรีด ซาฮา, ยานนิค โบลาซี่, คอนเนอร์ วิคแฮม (ดไวท์ เกย์ล น.86)

          สำรองไม่ได้ใช้ : จูเลียน สเปโรนี่, มาร์ติน เคลลี่, บาการี่ ซาโก้, เอ็มมานูเอล อเดบายอร์

          ใบเหลือง : สกอตต์ แดนน์, เดเมียน เดลานี่ย์, เจมส์ แม็คอาร์เธอร์

          แมนฯ ยูไนเต็ด : ดาบิด เด เคอา, อันโตนิโอ วาเลนเซีย, คริส สมอลลิ่ง, ดาเล่ย์ บลินด์, มาร์กอส โรโฮ (มัตเตโอ ดาร์เมียน น.66), ไมเคิ่ล คาร์ริค, มารูอาน เฟลไลนี่, ฆวน มาต้า (เจสซี่ ลินการ์ด น.90), เวย์น รูนี่ย์, อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล, มาร์คัส แรชฟอร์ด (แอชลี่ย์ ยัง น.72)

          สำรองไม่ได้ใช้ : เซร์คิโอ โรเมโร่, ฟิล โจนส์, มอร์กก็อง ชไนเดอร์ลิน, อันเดร์ เอร์เรร่า

          ใบเหลือง : คริส สมอลลิ่ง, มาร์กอส โรโฮ, ฆวน มาต้า, เวย์น รูนี่ย์, มารูอาน เฟลไลนี่, เจสซี่ ลินการ์ด

          ใบแดง : คริส สมอลลิ่ง

          ผู้ตัดสิน : มาร์ค แคล็ตเทนเบิร์ก