ปรีวิวฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

(รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มซี)

วันพุธที่ 19 ตุลาคม 2559

บาร์เซโลน่า (สเปน)  -  แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (อังกฤษ)

สนาม : คัมป์ นู

        บาร์เซโลน่า ของเทรนเนอร์ หลุยส์ เอ็นรีเก้ กลับมาคว้าชัยชนะเกมลีก หลังเปิดบ้านอัด เดปอร์ติโบ ลา กอรุนญ่า 4-0 ไปเมื่อวันเสาร์ รั้งอันดับ 4 แต่ตามหลังจ่าฝูง 2 แต้มเท่าเดิม

        ในถ้วยยุโรป บาร์ซ่า เก็บ 6 คะแนนเต็ม จากเกมแรกที่เปิดบ้านถล่ม เซลติก 7-0 จากนั้นก็บุกเชือด โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค 2-1

        สภาพทีม เอ็นริเก้ มีข่าวดี จอร์ดี้ อัลบา กับ เซร์กี้ โรเบร์โต้ กลับมาลงซ้อมเต็มรูปแบบแล้ว หลังบาดเจ็บตั้งแต่สัปดาห์ทีมชาติทั้งคู่

        จึงเหลือเพียง ยาสเปอร์ ซิลเลสเซ่น ประตูทีมชาติฮอลแลนด์ที่เจ็บเอ็นข้อเท้า

        การจัดทัพผู้รักษาประตูยังคงใช้ มาร์ค-อันเดร แทร์ ชเตเก้น ประตูทีมชาติเยอรมัน ลงเฝ้าเสาต่อ

        แผงหลังเรียก เซร์กี้ โรเบร์โต้ กลับมายืนแบ็กขวา และ จอร์ดี้ อัลบา กลับมาประจำการทางซ้าย ส่วนคู่เซนเตอร์ให้ ซามูเอล อูมติตี้ ที่เพิ่งฟิตกลับมาจับคู่ เคราร์ด ปีเก้

        กลางสนาม เซร์คิโอ บุสเกตส์ เป็นตัวตัดเกม โดยมี อิวาน ราคิติช กับ อันเดรส อิเนียสต้า ที่กลับมาเป็นตัวจริงขนาบข้าง

        3 แนวรุกก็เรียก ลิโอเนล เมสซี่ กลับมาผนึกกำลังร่วมกับ เนย์มาร์ และ หลุยส์ ซัวเรซ ตามเดิม หลังจาก เมสซี่ กลับมาลงสำรองในนาที 55 เกมลีกล่าสุดแล้ว และทำประตูได้ด้วย กลายเป็นสถิติใหม่ที่สอยตาข่ายเกมเหย้าได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ลีกลูก หนังกระทิงดุ

        ด้าน แมนฯ ซิตี้ ของเทรนเนอร์ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่กลับเยือนถิ่นเก่า สะกดชัยชนะไม่เป็นมา 3 นัดติดต่อกันรวมทุกรายการแล้ว หลังก่อนนั้นออกตัวชนะ 10 นัดรวดในทุกถ้วย

        เกมล่าสุดในลีกเปิดบ้านเสมอ เอฟเวอร์ตัน 1-1 ในเกมที่พลาด 2 จุดโทษ ทั้ง เควิน เดอ บรอยน์ และ เซร์คิโอ อเกวโร่ แม้ยังนำจ่าฝูง แต่โดน อาร์เซน่อล ทำแต้มทาบแล้ว

        ส่วนในเกมยุโรป หลังจากเปิดบ้านอัด มึนเช่นกลัดบัค 4-0 เกมต่อมา บุกเยือน เซลติก ต้องไล่ตามตีเสมอแบบดุเดือด 3-3

        สภาพทีมของ เป๊ป ไม่มีปัญหาเพิ่มเติม นอกเหนือจาก บาการี่ ซานญ่า แบ็กขวา และ ฟาเบียน เดลฟ์ กองกลาง ที่ยังบาดเจ็บ และ ยาย่า ตูเร่ ไม่ใส่ชื่อลงเล่นเกมยุโรป

        ในราย แว็งซ็องต์ ก็อมปานี กองหลังกัปตันทีมลงซ้อมแบบไม่มีปัญหา หลังถูกส่งลงเรียกความฟิตในนาทีสุดท้ายเกมกับ เอฟเวอร์ตัน ไปแล้ว

        การจัดทัพจะกลับมาเล่นกองหลัง 4 คนตามปกติ เริ่มจากผู้รักษาประตู เคลาดิโอ บราโว่

        แผงหลังเรียก ปาโบล ซาบาเลต้า กับ อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ ที่พักในเกมเมื่อวันเสาร์ กลับมาประจำการฟูลแบ็กสองฝั่ง และคู่เซนเตอร์ จอห์น สโตนส์ กับ นิโกลัส โอตาเมนดี้

        แดนกลาง แฟร์นันดินโญ่ คุมเกมกับ อิลคาย กุนโดกัน แนวรุก ราฮีม สเตอร์ลิง, เควิน เดอ บรอยน์, ดาบิด ซิลบา และหน้าเป้าเรียก เซร์คิโอ อเกวโร่ คืนตัวจริง

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

        บาร์เซโลน่า : มาร์ค-อันเดร แทร์ ชเตเก้น, เซร์กี้ โรเบร์โต้, เคราร์ด ปีเก้, ซามูเอล อูมติตี้, จอร์ดี้ อัลบา, อิวาน ราคิติช, เซร์คิโอ บุสเกตส์, อันเดรส อิเนียสต้า, ลิโอเนล เมสซี่, เนย์มาร์, หลุยส์ ซัวเรซ

        แมนฯ ซิตี้ : เคลาดิโอ บราโว่, ปาโบล ซาบาเลต้า, นิโกลัส โอตาเมนดี้, จอห์น สโตนส์, อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ, แฟร์นันดินโญ่, อิลคาย กุนโดกัน, ราฮีม สเตอร์ลิง, เควิน เดอ บรอยน์, ดาบิด ซิลบา, เซร์คิโอ อเกวโร่

        ผู้ตัดสิน : มิโลราด มาซิช (เซอร์เบีย)

ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ

    - ทั้งสองทีมพบกันเป็นครั้งที่สามจาก 4 ปีหลังสุดในแชมเปี้ยนลีก, ขณะเดียวกัน 4 ครั้งหลังสุดที่พบกัน บาร์ซ่า ชนะรวดในรอบ 16 ทีมสุดท้ายทั้งหมด (2013-14, -2014-15)
    - ลิเวอร์พูล เป็นทีมจากอังกฤษทีมเดียวที่บุกมาชนะ บาร์ซ่า ที่คัมป์ นูซึ่งเกิดขึ้นปี 2007 (2-1), ขณะที่อีก 19 ครั้งที่ทีมจากแดนผู้ดีมาเยือนไม่ชนะเลย ซึ่งทัพอาซูลกราน่าชนะ 11, เสมอ 8
    - เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะคุมนำทัพมาพบทีมเก่าในฐานะผู้จัดการทีมครั้งที่ 2 ก่อนหน้านี้มาในกุนซือ บาเยิร์น มิวนิค ปี 2014-15 แพ้สกอร์รวม 3-5
    - บาร์ซ่า ยิงในแชมเปี้ยนลีกมา 17 เกมติดนับตั้งแต่ปี 2013 (ชนะ 16, เสมอ 1, ยิง 52 ลูก)
    - แมนฯ ซิตี้ แพ้ไปถึง 6 จาก 8 ครั้งที่มาเยือนแดนกระทิงดุโดยชนะสองครั้งคือ 3-0 ต่อ บียาร์เรอัล ปี 2011, 3-1 ในการพบ เซบีย่า ปี2015
    - นับตั้งแต่แพ้ รูบิน คาซาน ปี 2009 บาร์ซ่า ไม่แพ้เกมแชมเปี้ยนลีกในบ้านมา 20 เกมติดชนะ 18, เสมอ 2
    - เนย์มาร์ แอสซิตส์ ไป 5 ลูกจาก 2 เกมยุโรปในปีนี้, นับตั้งแต่เขาเดบิวต์ตัวเองในรายการนี้ปี 2013 เนย์มาร์ แอสซิตส์ไปแล้ว 12 ลูกมากที่สุด
    - เซร์คิโอ อเกวโร่ กองหน้าเรือใบสีฟ้ายิงไปแล้ว 6 ลูกในแชมเปี้ยนลีกฤดูกาลนี้โดยมาจาก 2 แฮททริตในรอบคัดเลือกกับ สเตอัว บูคาเรสต์ และรอบแบ่งกลุ่มพบ มึนเช่นกลัดบัค