ก่อนเกมนัดดังกล่าว ทีมชาติไทย มีโอกาสสร้างประวัติศาสตร์แรกในการเข้ารอบที่สองของลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ที่ สุดในเอเชีย หลังจากผลงานก่อนหน้านี้ในกลุ่ม เอ เสมอ อิรัก 1-1 (ก่อนที่ อิรักจะก้าวไปคว้าแชมป์ เอเชียน คัพ 2007) และ ชนะ โอมาน 2-0

เท่ากับว่าเกมสุดท้ายของการลงเล่นในสนามราชมังคลากีฬาสถาน หากว่าสามารถมีแต้มได้จากการพบกับ ออสเตรเลีย ที่เพิ่งย้ายมาจากโซนโอเชเนียหมาดๆ จะทำให้ขุนพลจากฝั่งลุ่มน้ำเจ้าพระยาเข้ารอบต่อไปได้ทันที

ซึ่งการจัดตัวในวันนั้น วาง สินทวีชัย หทัยรัตนกุล เป็นนายทวาร กองหลังมี นิเวศ ศิริวงศ์, เกียรติประวุฒิ สายแวว, สุรีย์ สุขะ, ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์ แดนกลางให้ นิรุฒน์ สุระเสียง เป็นตัวตฮาร์ดแมน คอยป้อนให้กัปตันทีมอย่าง ตะวัน ศรีปาน ปั้นเกม ปีกซ้ายให้ สุธี สุขสมกิจ ขวาเป็น สุเชาว์ นุชนุ่ม และกองหน้าให้ ธีรเทพ วิโนทัย กับ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เล่นร่วมกัน

ส่วน ออสเตรเลีย ในวันนั้น มี มาร์ค ชวาร์เซอร์ ผู้รักษาประตู กับ มาร์ค วิดูก้า กองหน้าคู่หูจาก มิดเดิลสโบรช์ บวกกับ มาร์ค เบรสชาโน่ จอมทัพหัวใสของ ปาแลร์โม่ ที่เวลานั้นกำลังพีคสุดๆ ตลอดจนริมเส้นเท้าหนักแห่ง แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส อย่าง เบร็ตต์ เอเมอร์ตัน นำทัพ

ปรากฏว่า ความหวังในการผ่านเข้ารอบสอง เอเชียน คัพ ของทีมชาติไทย ต้องพังทลายลงไป เมื่อ ออสเตรเลีย อาศัยรูปร่างสูงใหญ่บวกกับความฟิต แม้ว่าจะเล่นท่ามกลางสายฝน เอาชนะไปเบาๆ 4-0 จาก ไมเคิล บัวแชมป์ น.20, มาร์ค วิดูก้า น.80, 83 และตัวสำรองที่ลงมาในครึ่งหลังแห่งลิเวอร์พูล อย่าง แฮร์รี่ คีเวลล์ น.90 และทำให้กองหน้าจอมตีลังกาอย่าง "ซิโก้" แขวนสตั๊ดในนามทัพ "ช้างศึก" เป็นรายการสุดท้าย

โดย "ซิโก้" ได้เล่าให้ฟังถึงเกมดังกล่าวว่า "แน่นอนว่าทีมชาติไทย หวังที่จะผ่านเข้ารอบสอง เอเชียน คัพ เป็นครั้งแรกให้ได้ แม้ว่าเราจะรู้ดีว่า ออสเตรเลีย มีตัวผู้เล่นที่มาจากลีกยุโรปมากมาย ทว่าเราต้องการสู้ให้ถึงที่สุด แต่สุดท้ายเรากลับต้องแพ้ไป"

"ปัจจัยสำคัญในเกมนั้น ผมคิดว่าเราไม่สามารถเอาชนะผู้เล่นออสเตรเลียในสนามได้ พวกเขามีประสบการณ์ที่มากมาย จริงอยู่ที่มีฝนตกลงมาอย่างหนักในสนาม แต่นั่นก็กลายเป็นว่าคู่แข่งเล่นโยนยาวใส่เรา ประกอบกับคุ้นเคยกับสภาพอากาศเช่นนั้น เขนาดตัวสำรองอย่าง แฮร์รี คีเวลล์ ยังสามารถสปีดไปกับบอลท่ามกลางสนามที่เฉอะแฉะได้เป็นอย่างดี"

และจากการประกาศตัวผู้เล่นออกมาของออสเตรเลีย ก่อนที่จะบุกมาเยือนทีมชาติไทย ในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย กลุ่ม บี ในวันที่ 15 พ.ย.นี้ มีแข้งจากลีกยุโรปถึง 19 คน เลยทีเดียว ซึ่ง "ซิโก้" มองถึงนัดนี้ว่า

"ในวันนี้ทุกคนทราบแล้วว่าออสเตรเลีย ประกาศรายชื่อออกมาซึ่งส่วนใหญ่ค้าแข่งในยุโรป ซึ่งทุกทีมที่เราเจอในกลุ่ม บี ล้วนแต่เข้า เอเชี่ยน คัพ และ ฟุตบอลโลก มาแล้วหลายสมัย แต่สิ่งที่เราต้องการทำมากที่สุดก็คือ การเตรียมความพร้อมของทีมให้ได้เต็มร้อยทุกขุมกำลัง"

"เราทราบดีว่า ออสเตรเลีย จะมาก่อนล่วงหน้า และเราคิดว่าการเจอกับทุกทีมในกลุ่ม บี ไม่ว่าจะในหรือนอกบ้าน คงจะไม่ได้เปรียบเสียเปรียบกันมาก ฉะนั้นการที่เราจะต่อกรได้ เราจำเป็นต้องมีพลังเหนือกว่าพวกเขา ใน 90 นาที เราต้องการเห็นนักเตะวิ่งไม่หมด รวมทั้งเล่นให้สมศักดิ์ศรีของทีมชาติไทย"

ผลจะออกมาเป็นเยี่ยงไร ไม่สามารถมีใครบอกได้ เพียงแต่ขอแค่มี "พลังศรัทธา" จาก "แฟนบอลชาวไทย" ที่คอยมาช่วยเหลือเปล่งเสียงเชียร์ตลอด 90 นาที รับรองว่าขุนพลจากเจ้าพระยา น่าจะเซอร์ไพรส์ให้กับรองจ่าฝูงในกลุ่ม บี เวลานี้ อย่าง ออสเตรเลีย ก็เป็นได้
                                                               

นนท์นี่คุง : เรื่อง

สติแตก : ภาพ