ปรับโฉมศึกชิงแชมป์อาเซียน เลิกมีทีมเจ้าภาพ หลังพบแฟนเจ้าถิ่น เมินดูทีมอื่น โดยเริ่มหนหน้า ปี 2018 รอบแรกแบ่งกลุ่มละ 5 ทีม แต่ละทีมจับสลาก เหย้า, เยือน อย่างละ 2 นัด หวังฉุดความนิยมให้สูงขึ้น "ซิโก้" เชื่อเป็นผลดี กระตุ้นคนดู

การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน เตรียมปรับโฉมรูปแบบการแข่งขันกันใหม่ จากเดิม ที่มีเจ้าภาพร่วม 2 กลุ่ม 2 ประเทศ มาเป็นเล่นแบบแบ่งกลุ่มเหย้า-เยือน ซึ่งจะเริ่มในการฟาดแข้งหนหน้า ในการจัดครั้งที่ 12

นายพาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศ และโฆษกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สำหรับการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2018 นั้น ทางสมาชิกของสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน (เอเอฟเอฟ) ได้หารือกันแล้ว โดยระบบแข่งขันใหม่ตามที่วางแผนไว้คือ ในรอบสุดท้าย จะมี 10 ทีม โดยอันดับ 1-9 อาเซียน เข้ารอบอัตโนมัติ ส่วนอีก 2 ทีม จะเล่นเพลย์ออฟ เพื่อมาเล่นรอบสุดท้ายอีก 1 ทีม

โฆษกสมาคมลูกหนัง กล่าวต่อไปว่า ส่วนรอบแรกนั้น จาก 10 ทีม จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 5 ทีม หมายความว่า แต่ละทีม จะเตะ 4 นัด ในรอบนี้ ซึ่งกำหนดว่า จะต้องไปเยือน 2 นัด และ เล่นในบ้าน 2 นัด ใช้วิธีจับสลากว่าจะเล่นในถิ่นเจอทีมใด และไปเยือนทีมใด และเมื่อแข่งครบแล้ว จะคัดอันดับ 1-2 ของแต่ละกลุ่มผ่านเข้าสู่รอบตัดเชือก และรอบชิงชนะเลิศ ที่จะยังใช้ระบบเตะเหย้า-เยือนเช่นเดิม

"ที่ประชุมเห็นชอบกับแผนนี้ เนื่องจากว่าในหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา ที่มีระบบเจ้าภาพในรอบแรกนั้น เมื่อถึงแมตช์ที่เจ้าภาพไม่ได้ลงแข่งขัน คนดูมักจะน้อย ดังนั้นการปรับระบบมาเป็นเหย้า-เยือน ทำให้สามารถเพิ่มความนิยม ยอดคนดู หรือลิขสิทธิ์ต่างๆ ก็ได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน" นายพาทิศ กล่าว

ด้าน "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าโค้ชช้างศึก ซึ่งเคยติดทีมชาติไทย ลงแข่งขันรายการนี้ ตั้งแต่การจัดครั้งแรก ปี ค.ศ.1996 ให้ความเห็นว่า เดิมทีจัดแบบมีเจ้าภาพชาติเดียว ซึ่งมีปัญหาที่คนดูน้อย หากเจ้าภาพไม่เตะ เมื่อมาปรับเป็นเจ้าภาพร่วมรอบแรก และเหย้า-เยือน ในรอบรองชนะเลิศ กับ ชิงชนะเลิศ ช่วยให้กระแสแฟนบอลนิยมมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

"ส่วนระบบใหม่ ที่จัดแบบไม่มีเจ้าภาพนั้น ก็เชื่อว่าจะยิ่งเรียกความสนใจแฟนบอลมากขึ้น เพราะแต่ละนัด จะมีเกมที่เจ้าบ้านได้ลงแข่งขัน จึงเชื่อว่าจะเพิ่มยอดคนดูได้" ซิโก้ กล่าว

สำหรับฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน เริ่มปรับมาแข่งแบบรอบแรกมีเจ้าภาพร่วม และรอบรองฯ กับรอบชิงฯ เล่นเหย้า-เยือน ตั้งแต่การจัดครั้งที่ 5 ปี ค.ศ.2004