ปรีวิวฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดสอง

วันอังคารที่ 7 มีนาคม 2560

นาโปลี (อิตาลี) - เรอัล มาดริด (สเปน)

(ผลนัดแรก มาดริด ชนะ 3-1)

ถ่ายทอดสด : บีอิน สปอร์ตส์ 1 (เวลา 02.45 น.)

สนาม : ซาน เปาโล (เนเปิ้ลส์, อิตาลี)

             เมาริซิโอ ซาร์รี่ เทรนเนอร์ "อัซซูร์ร่า" ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องชนะให้ได้ 2-0 เป็นอย่างน้อย หากหวังจะผ่านเข้ารอบ โดยฟอร์มล่าสุดถือว่ายอดเยี่ยมทีเดียว เมื่อบุกชนะ โรม่า 2-1 ในเกมเซเรีย อา เมื่อวันเเสาร์ที่ผ่านมา 

             สภาพทีมไม่มีปัญหาแต่อย่างใด นอกจาก ลอเรนโซ่ โตเนลลี่ ที่เจ็บ และไม่มีชื่อในรายการนี้อยู่แล้ว ส่วน ดรีส เมอร์เท่นส์ ที่เดี้ยงเล็กน้อยจากเกมสุดสัปดาห์ ไม่มีอะไรต้องกังวล

             ผู้รักษาประตูเป็น โฆเซ่ เรน่า แนวรับ ราอูล อัลบิโอล จับคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟกับ คาลิดู กูลิบาลี่ ขนาบข้างด้วย เอลเซอิด ฮีซาย และ ฟาอูซี่ กูล็อม

             มาร์โก ร็อก ที่เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมในแมตช์ล่าสุด น่าจะได้รับโอกาสให้ยึดตัวจริงต่อไปในแดนกลางกับ อมาดู เดียวาร่า และ มาเร็ค ฮัมซิค แนวรุกวางใจ ดรีส เมอร์เท่นส์ เป็นหน้าเป้า พร้อมมี โฆเซ่ กาเยฆ่อน กับ ลอเรนโซ่ อินซินเย่ คอยช่วยริมเส้น หรือยังมี อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค เป็นตัวสอดแทรก

             ด้าน ซีเนดีน ซีดาน กุนซือ "ราชันชุดขาว" กลับคืนฟอร์มอีกครั้งด้วยการบุกถล่ม เออิบาร์ 4-1 ในเกมลา ลีกา เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทำให้รั้งรองจ่าฝูงต่อไป ตามหลัง บาร์เซโลน่า แต้มเดียว แต่เตะน้อยกว่า 1 นัด

             "ซิซู" เรียกนักเตะติดทีมไป 22 คนด้วยกัน โดยไม่มี ราฟาเอล วาราน และ ฟาบิโอ โกเอนเตรา ที่เจ็บ นอกนั้นพวกที่ได้พักเมื่อสุดสัปดาห์พร้อมคืนตัวจริงทั้ง ดาเนียล การ์บาฆาล และ มาร์เซโล่ รวมถึง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ฟิตเรียบร้อย อีกทั้ง แกเร็ธ เบล และ อัลบาโร่ โมราต้า ก็พ้นโทษแบนจากเกมลีกกลับมาด้วย

             การจัดทัพ เกย์ลอร์ นาวาส รับหน้าที่เฝ้าเสา เปเป้ ยืนปราการหลังตัวกลางกับ เซร์คิโอ รามอส แบ็กสองข้างใช้ ดาเนียล การ์บาฆาล และ มาร์เซโล่

             กาเซมีโร่ ประสานงานตรงกลางกับ ลูก้า โมดริช และ โทนี่ โครส สามแนวรุกอยู่กันครบทั้ง แกเร็ธ เบล, คาริม เบนเซม่า และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้

             รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
             นาโปลี (4-3-3) : โฆเซ่ เรน่า - เอลเซอิด ฮีซาย, ราอูล อัลบิโอล, คาลิดู กูลิบาลี่, ฟาอูซี่ กูล็อม - มาร์โก ร็อก, อมาดู เดียวาร่า, มาเร็ค ฮัมซิค - โฆเซ่ กาเยฆ่อน, ดรีส เมอร์เท่นส์, ลอเรนโซ่ อินซินเย่
             เรอัล มาดริด (4-3-3) : เกย์ลอร์ นาวาส - ดาเนียล การ์บาฆาล, เปเป้, เซร์คิโอ รามอส, มาร์เซโล่ - ลูก้า โมดริช, กาเซมีโร่, โทนี่ โครส - แกเร็ธ เบล, คาริม เบนเซม่า, คริสเตียโน่ โรนัลโด้
             ผู้ตัดสิน : กูเน็ต ซาคีร์ (ตุรกี)

เกร็ดข้อมูลที่น่าสนใจ
- 11 ครั้งก่อนหน้านี้ที่ทีมแพ้ในนัดแรกด้วยสกอร์ 1-3 ในรอบน็อกต์ชปล.แล้วกลับมาเล่นในบ้านนัดสอง โดย 4 ครั้งจากจำนวนดังกล่าวสามารถผ่านเข้ารอบได้สำเร็จ ซึ่งรวมถึง 3 เกมหลังสุดติดต่อกันด้วย
- ราชันชุดขาว ผ่านเข้ารอบตลอด 8 ครั้งหลังสุดที่เล่นรอบ 16 ทีมสุดท้าย ชปล. หรือเมื่อพวกเขาเป็นฝ่ายชนะได้ก่อนในนัดแรก
- ขณะเดียวกัน นาโปลีถูกเขี่ยตกรอบตลอด 4 ครั้งที่แพ้ในนัดแรกของรอบ 16 ทีมถ้วยยุโรป
- นาโปลีแพ้แค่ครั้งเดียวจาก 10 เกมชปล.หลังสุดในบ้าน (ชนะ 7 เสมอ 2) อย่างไรก็ตาม ความพ่ายแพ้ดังกล่าวเกิดขึ้นในฤดูกาลนี้ (ต่อเบซิคตัส 2-3)
- เรอัล มาดริด ไม่แพ้ใน 11 เกมชปล.หลังสุด (ชนะ 6 เสมอ 5) และถ้าไม่แพ้ในเกมนี้ จะกลายเป็นผลงานไม่แพ้ติดต่อกันนานที่สุดของพวกเขาในถ้วยชปล. / ยูโรเปี้ยน คัพ
- ราชันชุดขาวแพ้แค่ครั้งเดียวจาก 9 เกมเยือนหลังสุดในชปล. (ชนะ 4 เสมอ 4)
- เรอัล มาดริด ชนะแค่ครั้งเดียวจาก 9 เกมชปล.หลังสุดที่เยือนอิตาลี โดยชัยชนะดังกล่าว เกิดขึ้นในรอบเดียวกันนี้เมื่อปีที่แล้ว
- คาริม เบนเซม่า ทำประตูได้ตลอด 4 เกมชปล. หลังสุด (5 ประตู) แต่ไม่เคยยิง 5 เกมติดต่อกันในรายการนี้
- คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยิงไม่ได้ใน 5 เกมชปล.หลังสุด คิดเป็น 523 นาที โดยนับตั้งแต่ยิงประตูแรกในรายการนี้เมื่อปี 2007 มีเพียงครั้งเดียวที่เขายิงไม่ได้ในถ้วยนี้เกิน 5 นัด (6 เกม, ปี 2008)
- โรนัลโด้สร้างโอกาสในนัดแรก 5 ครั้ง รวมถึงแอสซิสต์ เป็นผลงานดีที่สดของเขาในชปล.
- 6 จาก 9 ประตูหลังสุดในชปล.ของนาโปลี ได้จากการยิง (4) หรือแอสซิสต์ (2) ของ ดรีส เมอร์เท่นส์