"สิงโตคำราม" อังกฤษ โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมบุกคว้าชัยเหนือเจ้าถิ่น มอลตา 4-0 แฮร์รี่ เคน กลับมาปลดล็อกซัดสองประตู ก่อนที่ ไรอัน เบอร์ทรานด์ และแดนนี่ เวลเบ็ค จะช่วยซัดท้ายเกมให้ "ทรี ไลออนส์" เก็บสามแต้มมี 17 คะแนน รั้งจ่าฝูงกลุ่ม เอฟ ต่อไปในศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนยุโรป เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 1 กันยายน ที่ผ่านมา

ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนยุโรป
กลุ่ม เอฟ
วันศุกร์ที่ 1 กันยายน 2560
มอลตา 0 - อังกฤษ 4

สนาม : ทาคาลี เนชันแนล   

    "สิงโตคำราม" ของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ยกพลมาเยือน มอลตา ทีมบ๊วยจอมแจกแต้ม ในโปรแกรมนัดที่ 7 ของฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนยุโรป กลุ่ม เอฟ โดย จอร์แดน เฮนเดอร์สัน สวมปลอกแขนกัปตันทีม ขณะที่ โจ ฮาร์ท ยังได้รับความไว้วางใจให้เฝ้าเสาเป็นตัวจริง สำหรับแนวรุกมี แฮร์รี่ เคน ยืนเป็นหัวหอกตัวเป้า

    เริ่มการแข่งขันเป็นทาง อังกฤษ ที่ดาหน้าบุกใส่ทันที และได้ลุ้นตั้งแต่ 2 นาทีแรก เมื่อ เคน จ่ายทะลุช่องให้ ราฮีม สเตอร์ลิง วิ่งหลุดเข้าเขตโทษ แต่ แอนดรูว์ ฮ็อกก์ นายทวารเจ้าถิ่นพุ่งออกมาตัดไว้ได้หวุดหวิด

     2 นาทีถัดมา ทรี ไลอ้อนส์ สร้างความหวาดเสียวอีกครั้ง เมื่อ เคน เทกตัวขึ้นโขก แต่ ฮ็อกก์ พุ่งเซฟไว้ได้เฉียดฉิวอีกครั้ง

    อังกฤษ ยังเป็นฝ่ายที่ครองบอลบุกเข้าใส่ได้เหนือกว่า แต่เจาะเข้าหากรอบเขตโทษไม่ได้ โอกาสหวาดเสียวเลยไม่มี จนกระทั่งนาที 26 แฟนบอลผู้ดีต้องเฮเก้อ จากลูกเตะมุมของ เฮนโด้ บอลลอยโด่งและ ฟิล โจนส์ โหม่งบอลเข้าตุงตาข่าย แต่ อาร์เทอร์ ดิอ๊าส ผู้ตัดสินชาวโปรตุเกส เป่าให้เป็นจังหวะโดนทำฟาวล์ของโกลมอลตาไปเสียก่อน

    จากนั้น สิงโตคำราม ขึงเกมรุกเข้าใส่แบบพับสนาม แต่จังหวะสุดท้ายขาดๆเกินๆ เพราะแนวรับเจ้าถิ่นยังคุมพื้นที่และสกัดกันได้เหนียวแน่น แถมมีระเบียบวินัย แม้ช่วงทดเจ็บ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน แข้งใหม่ลิเวอร์พูลจะได้ยิงด้วยซ้ายในเขตโทษ แต่ตรงไปเข้ามือของ ฮ็อกก์ จบครึ่งแรกสกอร์เลยนิ่งอยู่ที่ 0-0

    กลับมาเล่นครึ่งหลัง อังกฤษ เปลี่ยนสำรองคนแรกด้วยการส่ง มาร์คัส แรชฟอร์ด ลงแทน สเตอร์ลิง แต่เกือบเป็นเจ้าถิ่นที่บวกสกอร์ขึ้นนำก่อนในนาที 50 จากลูกเปิดทางซ้าย อันเดร เชมบรี กัปตันทีมมอลตาเกี่ยวบอลลงหน้าเขตโทษ และตวัดยิงด้วยขวาบอลพุ่งถากเสาหวุดหวิด

    3 นาทีต่อมา สิงโตคำราม ได้ประตูปลดล็อกขึ้นนำ 1-0 จากการประสานงานของดูโอสเปอร์ส เมื่อ เดเล่ อัลลี่ เกี่ยวบอลในเขตโทษ แล้วโยกหลอกแนวรับเจ้าถิ่น ก่อนแทงให้ เคน ที่วิ่งฉีกตัวเองรับบอลโล่ง แต่งหนึ่งที และแปเน้นๆเสียบตาข่ายไม่เหลือซาก พร้อมสลัดฟอร์มฝืดทิ้งไปในเดือนสิงหาคม โดยเป็นประตูที่ 9 จากการลงเล่นแมตช์ 20 ให้ทีมชาติอังกฤษ ชุดใหญ่ของ ดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก 2 สมัยล่าสุด

    นาที 56 เจ้าถิ่นมีลุ้นอีกครั้ง จากจังหวะพาบอลทะลุขึ้นมาของ ซามูเอล มากรี ก่อนตะบันเต็มแรงหน้าเขตโทษ แต่บอลเฉี่ยวมือ ฮาร์ท และถากเสาไปนิดเดียว

    ก่อนถึงหนึ่งชั่วโมงของเกม เคน ลองยิงไกลนอกเขต บอลพุ่งแรงหากรอบประตู แต่ ฮ็อกก์ พุ่งบินพ้นอันตรายไปได้

    เข้าช่วง 20 นาทีสุดท้าย เซาธ์เกต ส่ง เจมี่ วาร์ดี้ กองหน้าเลสเตอร์ ซิตี้ ลงมาแทน อัลลี่ และเพียงสัมผัสแรกก็เกือบพังสกอร์ได้ เมื่อวิ่งไปรับลูกจ่ายของ แรชฟอร์ด ก่อนดีดเร็วทันที แต่บอลไม่ตรงกรอบ

    นาที 74 อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน รับบอลจาก เคน และยิงไกลนอกเขต แต่บอลบดกลิ้งออกไปแบบไม่มีลุ้น

    ไม่กี่อึดใจต่อมา แรชฟอร์ด กระทุ้ง 25 หลา ทว่า ฮ็อกก์ ยังเซฟไว้ได้เยี่ยม และ แดนนี่ เวลเบ็ค ก็ลงมาเป็นโควตาสำรองคนสุดท้ายของทีมเยือน โดยลงมาแทน อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน
   
    นาที 86 ทีมเยือนมาบวกประตูเพิ่มเป็น 2-0 ไรอัน เบอร์ทรานด์ ซัดไกลด้วยซ้ายบอลพุ่งเสียบมุมอย่างงดงาม เป็นประตูแรกของดาวเตะจาก เซาธ์แฮมป์ตัน รายนี้

    ช่วงทดเจ็บ "สิงโตคำราม" มาได้อีกสองประตูติดต่อกัน จาก แดนนี่ เวลเบ็ค ดาวยิงตัวสำรอง และ แฮร์รี่ เคน ที่ซัดประตูที่สองในเกมนี้ปิดท้ายให้ อังกฤษ บุกมาถล่ม มอลตา 4-0 รั้งจ่าฝูงของกลุ่มนี้ต่อไป

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

    มอลตา : แอนดรูว์ ฮ็อกก์, สตีฟ บอร์ก, ซัค มุสคัต, อันเดร อากิอุส, ซามูเอล มากรี, โจเซป เซราฟา, สตีฟ ปิซานี่, บียอร์น คริสเตียนเซ่น, ไรอัน เฟเนช, ฌอง พอล ฟาร์รูจา, อันเดร เชมบรี

    สำรอง : เฮนรี่ โบเนลโล่, อเล็กซ์ มุสคัต, เคลย์ตัน ไฟอิล่า, พอล เฟเนช, มิเชล มิฟซุด, ลุค แกมบิ้น, ไคล์ บอร์ก, ไรอัน คามิลเลรี่, ไมเคิ่ล จอห์นสัน

    อังกฤษ : โจ ฮาร์ท, ไคล์ วอล์คเกอร์, แกรี่ เคฮิลล์, ฟิล โจนส์, ไรอัน เบอร์ทรานด์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เจค ลิเวอร์มอร์,  อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, เดเล่ อัลลี่, ราฮีม สเตอร์ลิง, แฮร์รี่ เคน

    สำรอง : แจ็ค บัตแลนด์, ทอม ฮีตัน, คริส สมอลลิ่ง, อารอน เครสเวลล์, ไมเคิ่ล คีน, จอห์น สโตนส์, นาธาเนียล ชาโลบาห์, เจอร์เมน เดโฟ, แดเนียล สเตอร์ริดจ์, แดนนี่ เวลเบ็ค, เจมี่ วาร์ดี้, มาร์คัส แรชฟอร์ด   

    ผู้ตัดสิน : อาร์เทอร์ ดิอ๊าส (โปรตุเกส)