ยาโก้ อาสปาส เปลี่ยนตัวลงมายิงช่วย "กระทิงดุ" สเปน ไล่ตีเสมอ โมร็อกโก 2-2 ส่งผลให้สเปนคว้าแชมป์กลุ่ม และเข้าไปดวลกับ "เจ้าภาพ" รัสเซีย เจ้าภาพ ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ในศึกฟุตบอลโลก 2018 กลุ่ม บี นัดสุดท้าย เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 25 มิ.ย. ที่ผ่านมา

ฟุตบอลโลก 2018
(รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม บี นัด 3 )
วันจันทร์ 25 มิถุนายน 2561
สเปน 2  -   2 โมร็อกโก  

สนาม :  คาลินินกราด สเตเดี้ยม

     สเปน จัดชุดใหญ่หวังเก็บ 3 คะแนนให้ได้โดยส่ง ดีเอโก้ คอสต้า ประจำเกมบุก และมี ดาบิด ซิลบา กับ อีสโก้ คอยประจำแดนกลาง ขณะที่ โมร็อกโก ไม่มีอะไรจะเสียเพราะตกรอบไปแล้ว แต่ก็พร้อมสู้อย่างเต็มที่เพื่อศักดิ์ศรีของชาวแอฟริกา

    ทัพ "กระทิงดุ" เป็นฝ่ายเริ่มเกม แต่แค่ น. 2 นอร์ดิน อัมราบัต แย่งบอลจาก ดานี่ การ์บาฆาล แต่น่าเสียดายที่ อาชราฟ ฮาคิมี่ เปิดบอลลึกข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย  สเปน เริ่มตั้งเกมได้โดย น. 4 อิสโก้ ได้ลากบอลจากฝั่งซ้ายเข้าไปในเขตโทษก่อนจะเปิดเข้ามา แต่น่าเสียดายที่บอลลึกไปเข้ามือ มูนีร์ โมฮาเมดี้

     แชมป์โลก 2010 ยังคงประสานงานกันได้อย่างสุดยอด น. 6 ติอาโก้ อัลกันตาร่า โชว์ทักษะสุดยอดทิ้งบอลทะลุแผงหลังโมร็อกโก ให้ ดานี่ การ์บาฆาล แต่ลึกจนออกหลังไป แต่ น. 10 เกมระอุเดือดเมื่อ เคราร์ด ปิเก้ พุ่งเสียบสองเท้าใส่ มูบารัค บูสซูฟา จนลงไปนอนเจ็บแต่ผู้ตัดสินยังคงให้เกมดำเนินต่อไป โดยสเปนครอบเกมได้กว่า 75 เปอร์เซ็นต์

    แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น น. 14 อิหร่านได้จังหวะสวนกลับจากความผิดพลาดเมื่อ อิเนียสต้า ส่งให้ เซร์คิโอ รามอส แต่สั้นเกินไปและโดน คาห์ลิด บูตาอิบ ฉกบอลได้บริเวณครึ่งสนาม ก่อนจะควบยาวหนีแนวรับสเปน และซัดบอลลอดขา ดาบิด เด เคอา ทำให้ โมร็อกโก นำ 1-0

    สเปน เริ่มเดินเครื่องหวังเอาประตูตีเสมอให้ได้ และในที่สุดก็สำเร็จผลใน น. 19 เมื่อ อิเนียสต้า กระชากบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ ก่อนจะส่งบอลถวายพานให้ อิสโก้ ซัดเต็มข้อล่อเต็มแข้งระยะ 8 หลาจนตะข่ายแทบขาดทำให้ สเปน ไล่ตีเสมอเป็น 1-1
    เกมสุดมันยกร่องและ สเปน ยังคงเดินหน้าเปิดเกมบุกอย่างต่อเนื่อง โดย น. 25 สเปน มีโอกาสบุกเข้าไปในพื้นที่สุดท้าย และ อิเนียสต้า ส่งให้ ดีเอโก้ คอสต้า แต่เจ้าตัวทำอะไรไม่ถนัดทำให้โดนตัดบอลไป จากนั้นแค่นาทีเดียว โมร็อกโก ได้เสียวในจังหวะสวนกลับ และเป็น บูตาอิบ ที่หลุดไปทางฝั่งซ้ายในกรอบ 6 หลาแต่ เด เคอา วิ่งออกมาปิดมุมได้อย่างสุดยอด

    เข้าสู่ครึ่งชั่วโมง รามอส โดย อัมราบัต เหยียบข้อเท้าทำให้แข้งโมร็อกโก โดนใบเหลืองไปโดยปริยาย ผ่านเข้าสู่ น. 32 บูสซูฟา โดนใบเหลืองไปอีกคน ตอนนี้ โมร็อกโก ต้องตั้งรับอย่างหนัก และใน น. 38 อิสโก้ โชว์สุดยอดด้วยการผ่านบอลให อิเนียสต้า ทะลุเข้าไปในเขตโทษ แต่น่าเสียดายบอลส่งเข้ากลางโดนแข้งโมร็อกโกตัดทิ้งไปได้ทัน

    อีกนาทีต่อมา อิสโก้ ได้จังหวะเตะมุม และเปิดให้ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ กระโดดโหม่งโล่งๆ ระยะ 8 หลา แต่บอลข้ามคานไปน่าตาเฉย เข้าสู่ช่วง 5 นาทีสุดท้าย สเปน ยังคงเดินเครื่องอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ โมร็อกโก ได้แต่ตั้งรับแต่ก็มีโอกาสสวนกลับใน น. 44 เมื่อ ฮาคิมี่ ผ่านบอลให้ ฮาคิม ซิเย็ค และเจ้าตัวขอลองซัดไกลด้วยเท้าซ้ายระยะ 20 หลา และบอลก็พุ่งไปไกลแบบไม่ต้องลุ้น

    ในช่วงนาทีสุดท้ายของการทดเวลาเจ็บ อิเนียสต้า โชว์ทักษะเวิลด์คลาส ลากบอลเข้าไปเกือบถึงเส้นหลัง และส่งบอลเข้ากลางหน้าประตูแค่ 4 หลาแต่แข้งสเปนเข้าไปไม่ถึงบอล จากนั้นท่านเปาก็เป่านกหวีดหมดครึ่งแรก

    เข้าสู่ครึ่งหลัง โมร็อกโก แสดงให้เห็นว่าพร้อมสู้กับ สเปน อย่างเต็มที่ โดย น. 47 แข้งโมร็อกโกไม่ค่อยพอใจกรรมการที่ไม่ยอมเป่าจังหวะที่ ปิเก้ แฮนด์บอลบริเวณกรอบเขตโทษ ผ่านเข้ามา น. 49   อัมราบัต มีโอกาสเปิดบอลได้เสีย และเป็น บูสซูฟา  พุ่งเข้ามาเกือบถึงบอลอยู่แล้ว แต่ นายทวารแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไวกว่าพุ่งมาชกบอลออกไปได้อย่างหวุดหวิด

    น. 51 อิเนียสต้า มีโอกาส่งบอลให้ อิสโก้ ที่หน้ากรอบเขตโทษแต่บูสซูฟา เข้าสกัดจากด้านหลังทำให้ ดาวเตะเรอัล มาดริด เตะไม่ถนัด โมร็อกโก ยังสู้ไม่ถอยและใน น.55 อัมราบัต ได้โอกาสทองเมื่อบรรจงซัดเต็มข้อจากบริเวณกรอบเขตโทษด้านขวาระยะ 30 หลาบอลพุ่งทะยานก่อนจะชนเข้าสามเหลี่ยมอย่างจังเสียงดังสนั่น

    สเปน กลับมาตั้งสติได้และเริ่มครองได้มากขึ้น และใน น. 63 ทัพ "กระทิงดุ" เกือบได้ประตูเมื่อ บุสเก็ตส์ เปิดบอลให้ อิสโก้ ได้โหม่งย้อนและบอกกำลังจะเข้าอยู่แล้ว แต่ โรแม็ง ซาอิสส์ โหม่งสกัดได้อย่างหวุดหวิด อีกนาทีต่อมา ปิเก้ ได้จังหวะขึ้นโหม่งแต่บอลออกเสาไปนิดเดียว   

    จากนั้นใน น. 66 อิสโก้ กับ ซิลบา โชว์ลีลาการชิ่งบอลหนึ่งสองเข้าไปในเขตโทษ แต่น่าเสียดายที่ จอมทัพ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำบอลลั่นไปอย่างน่าเสียดาย เข้าสู่ น. 68 อัลบา ส่งบอลเลียดให้ คอสต้า ซึ่งจับบอลเชื่องเท้าและส่งให้ ติอาโก้ ซัดระยะ 20 หลา แต่บอลพุ่งออกเสาไกลหายวับไปกับตา

    ช่วงเวลาที่ผ่านมาเกมดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ใน น. 81 สเปน ต้องช็อกเมื่อ โมร็อกโก ได้เตะมุมและ เฟย์คัล ฟาเจอร์ เปิดบอลเข้ากลางก่อนที่ ยูซูฟ เอ็น เนซีรี่ กระโดดขึ้นโหม่งเต็มศีรษะ บอลพุ่งเข้าไปซุกก้นตาข่ายอย่างงดงาม ส่งให้ทีมขึ้นนำ 2-1

    น. 90 ยาโก้ อาสปาส โชว์ลีลาเด็ดกระโดดไขว่ขาส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย โดยตอนแรกกรรมการเป่าไม่ให้เป็นประตู แต่เมื่อทำการเช็ควีเออาร์แล้วได้เปลี่ยนคำตัดสินทำให้ สเปน ไล่ตีเสมอ 1-1 ช่วงทดเจ็บ 4 นาทีไม่มีฝ่ายใดทำประตูได้ จบเกม สเปน ได้แต้มสำคัญทำให้พวกเขาเป็นจ่าฝูงกลุ่ม บี และเข้าไปพบกับ รัสเซีย เจ้าภาพในรอบ 16 ทีมสุดท้าย

รายชื่อผู้เล่นที่น่าสนใจ
    สเปน (4-2-3-1) : ดาบิด เด เคอา - ดานี่ การ์บาฆาล, เคราร์ด ปีเก้, เซร์คิโอ รามอส (กัปตันทีม), จอร์ดี้ อัลบา - เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, ติอาโก้ อัลกันตาร่า - ดาบิด ซิลบา, อีสโก้, อันเดรส อีเนียสต้า - ดีเอโก้ คอสต้า
    เทรนเนอร์: เฟร์นานโด เอียร์โร่

    โมร็อกโก (4-2-3-1)  : มูนีร์ โมฮาเมดี้ - นาบิล ดิราร์, โรแม็ง ซาอิสส์, มานูเอล ดา คอสต้า, อาชราฟ ฮาคิมี่ - คาริม เอล อาห์มาดี้, มูบารัค บูสซูฟา (กัปตันทีม) - นอร์ดิน อัมราบัต, ยูแนส เบลอ็องด้า, ฮาคิม ซิเย็ค - คาห์ลิด บูตาอิบ
    เทรนเนอร์: แอร์กเว่ เรอนาร์