ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2018-19 กำลังจะเปิดฉากขึ้นในอีกสัปดาห์กว่าๆ งานนี้มีนักเตะหน้าใหม่มากมายที่จะได้ลงเล่นในเกมเปิดตัวสำหรับสโมสรใหม่ที่พวกเขาลงเล่น อย่างไรก็ตามไม่บ่อยนักที่การลงเล่นเกมแรกของนักเตะใหม่จะเป็นการบ่งชี้อนาคตของพวกเขา แต่สำหรับนักเตะที่มีค่าตัวมหาศาลพวกเขาจำเป็นต้องงัดฟอร์มเก่งออกมาทันทีกับการลงสนามให้กับสโมสรใหม่
    สำหรับสโมสรที่ได้รับการจับตามองอย่างมากในเรื่องนี้ก็คือ ลิเวอร์พูล เนื่องจากพวกเขาทุ่มเงินซื้อนักเตะใหม่มาร่วมทีมมากมาย และทำให้ขุมกำลังในเวลานี้แข็งแกร่งมากๆ โดย "หงส์แดง" คว้าตัว นาบี เกอิต้า, อลีสซง เบ็คเกอร์, ฟาบินโญ่ และ เซอร์ดาน ชากีรี่ มาร่วมทัพ ซึ่งทั้งหมดนี้จำเป็นต้องทำผลงานให้ดีที่สุดให้ได้

    จะว่าไปแล้ว "หงส์แดง" มีนักเตะที่เปิดตัวได้อย่างเลิศหรูอลังการมาตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา อย่างเช่น ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ และ หลุยส์ ซัวเรซ แต่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้พวกเขามีผู้เล่นที่ลงสนามเกมแรก และเล่นได้อย่างสุดยอดเช่นกัน แต่นั่นก็ไม่ได้การันตีความสำเร็จของพวกเขา เพราะมีผู้เล่นบางคนไม่สามารถสานต่อความสุดยอดได้

5. ไมเคิ่ล โอเว่น (1997) 

    อดีตหัวหอกทีมชาติอังกฤษ เป็นหนึ่งในนักเตะดาวรุ่งที่เก่งที่สุดตอนที่เล่นให้ ลิเวอร์พูล และเป็นผู้เล่นที่มีสปีดความเร็วกว่านรก รวมทั้งสามารถจบสกอร์ได้อย่างสุดยอด จนกลายเป็นที่หวาดหวั่นของแนวรับที่ค้าแข้งในประเทศอังกฤษในช่วงเวลานั้น
    โอเว่น เต็มไปด้วยพรสวรรค์และแสดงให้เห็นถึงสิ่งนั้นในช่วง 2-3 ปีแรกในอาชีพนักฟุตบอลของเขา โดยในปี 2001 เจ้าตัวคว้ารางวัลทรงเกียรติ บัลลงดอร์ มาครอบครอง แต่หลังจากที่ย้ายออกจากถิ่นแอนฟิลด์ "เบบี้โกล์" ก็ไม่สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเหมือนตอนเล่นให้ "หงส์แดง" อีกต่อไป

    เดือนพฤษภาคม 1997 หัวหอกร่างเล็ก ซึ่งเล่นเคียงบ่าเคียงไหล่กับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด เป็นผลผลิตชั้นยอดจากศูนย์ฝึกเยาวชน "หงส์แดง" เปลี่ยนจากเด็กพรสวรรค์ไปสู่การเป็นซูเปอร์สตาร์ลูกหนัง เมื่อถูกเปลี่ยนตัวลงสนามด้วยวัยเพียง 17 ปี ในแมตช์ชนะ วิมเบิลดัน 2-0

    โอเว่น ทำผลงานได้อย่างน่าตื่นเต้น โดยใช้เวลาเพียงแค่ 16 นาทีเขาก็สามารถซัดประตูให้กับ "เดอะ เร้ดส์" ซึ่งประตูนั้นทำให้เขาเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูให้ ลิเวอร์พูล (ในเวลานั้น) แน่นอนว่า โอเว่น มีช่วงเวลาที่สุดยอดกับต้นสังกัดเพียงแค่ปี 2004 เพราะเขาตัดสินใจย้ายไปเล่นให้ เรอัล มาดริด

4. จอร์แดน รอสซิเตอร์  (2014)

    จอร์แดน รอสซิเตอร์ มิดฟิลด์ดาวรุ่งซึ่งผ่านการฝึกปรือฝีเท้าจากสถาบันลูกหนังลิเวอร์พูล โดยถือเป็นกองกลางที่น่าเชื่อถือได้พร้อมกับมีสายตาดั่งเหยี่ยวในการผ่านบอลที่แสนคมกริบ อย่างไรก็ตามเขาต้องพบกับเรื่องโชคร้ายที่ไม่สามารถระเบิดฟอร์มเก่งออกมาได้ หลังจากถูกดึงตัวขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ เหตุผลสำคัญเนื่องจากทุกๆ ซีซั่นของเขาต้องจบไว้ก่อนกำหนดเพราะปัญหาบาดเจ็บ
    รอสซิเตอร์ ก็เหมือนกับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ในแง่ของสไตล์การเล่น และปัจจุบันเขาย้ายไปเล่นให้กับตำนานกัปตันทีมลิเวอร์พูล ที่เรนเจอร์ส (เจอร์ราร์ด เป็นผู้จัดการทีม) แน่นอนว่าภายใต้คำแนะนำจากเพื่อนร่วมสเกาเซอร์ที่สกอตแลนด์ เขามีโอกาสที่จะก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะสำคัญในวงการลูกหนังเมืองผู้ดี

    สำหรับ รอสซิเตอร์ ได้รับโอกาสเปิดตัวกับ "เดอะ เร้ดส์" ในยุคของ แบรนเดน ร็อดเจอร์ส เกมลีก คัพ (คาราบาว คัพ) พบ มิดเดิลสโบรช์ ที่สนามแอนฟิลด์ และแมตช์นั้นได้สร้างความทรงจำในชีวิตของเขา เมื่อเจ้าตัวได้ลูกส้มหล่นบริเวณหน้ากรอบเขตโทษ รอสซิเตอร์จัดการแปบอลเน้นๆ ช่วยทีมขึ้นนำ 1-0 โดยแมตช์นั้นเสมอ 2-2 ใน 120 นาที และ "เดอะเร้ดส์" ดวลเป้าดับ "เดอะ โบโร่" สกอร์มโหฬาร 14-13

 3. ซาดิโอ มาเน่  (2016)

        ซาดิโอ มาเน่ สตาร์ลูกหนังทีมชาติเซเนกัล เป็นนักเตะที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างมากซึ่งนั่นทำให้เขาเป็นคนพิเศษ และที่สำคัญเจ้าตัวยังเป็นคนประเภทเงียบๆ พยายามตั้งหน้าตั้งตาเล่นฟุตบอล แน่นอนว่าเขามักสร้างโอกาสได้มากมายตอนเล่นให้ ลิเวอร์พูล รวมทั้งยังสร้างชื่อด้วยการซัดประตูชัยนาทีสุดท้ายเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์, ตะบันแฮตทริกในฟุตบอลถ้วยยุโรป และยิงประตูในเกมนัดชิง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
    ดาวเตะเลือดเซเนกัล ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นให้กับ "หงส์แดง" ตั้งแต่วันแรกที่ย้ายมาร่วมทีม โดยในแมตช์ดังกล่าวเป็นเกมที่ต้นสังกัดพบ อาร์เซน่อล และพวกเขาทำสกอร์นำห่าง 3-1 ซึ่งต้องขอบคุณความสุดยอดของ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ แต่ประตูของ มาเน่ ก็ไม่มีใครลืมเลือนเช่นกัน

    จังหวะนั้น อดีตแข้งเซาธ์แฮมป์ตัน ได้บอลบริเวณริมเส้นฝั่งขวาและเจ้าตัวก็โชว์สเต็ปความเร็วกระชากหนีแนวรับ "เดอะ กันเนอร์ส" จนกระทั่งทะลุเข้าไปในกรอบเขตโทณก่อนจะหักเข้ากลางพร้อมตวัดยิงด้วยเท้าซ้าย บอลพุ่งเข้าไปซุกก้นตาข่ายแบบงามหยดชดช้อย และช่วยให้ทีมเฉือนเจ้าบ้านด้วยสกอร์ 4-3

 2 โมฮาเหม็ด ซาลาห์  (2017)

    โม ซาลาห์ สร้างผลงานที่สุดยอดเกินจะบรรยายให้กับ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลแรกที่ย้ายมาร่วมทีม โดยเจ้าตัดซัดไปเบาะๆ 44 ประตูจากการลงเล่นในทุกรายการให้กับ "เดอะ เร้ดส์" ซึ่งนำไปสู่การที่ทีมทะลุเข้าไปเล่นในนัดชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก สำหรับผลงานชั้นยอดของเจ้าตัวเกิดจากการประสานงานที่เข้าขาลงตัวกับ มาเน่ และ โรเบร์โต้ ฟีร์มีโน่ จนได้ฉายา "เอสเอ็มเอฟ" (SMF)

    ปีกทีมชาติอียิปต์ ก็เหมือนกับ มาเน่ ที่เปิดตัวด้วยการยิงประตูเช่นกัน โดยในแมตช์เยือน วัตฟอร์ด พวกเขาสร้างสรรค์โอกาสได้มากมาย และจากการประสานงานกับ ฟีร์มีโน่ ที่หลุดเดี่ยวกระดกบอลข้ามหัวผู้รักษาประตู จากนั้น ซาลาห์ ก็เหินทะยานฟ้าเข้ามาแตะบอลให้ทีมได้ประตู แม้สุดท้ายเกมจะจบลงด้วยสกอร์ 3-3 แต่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยมของ "โม ซาลาห์" เพราะหลังจากนั้นเขาก็กลายเป็นเครื่องจักรสังหารตาข่ายคู่แข่งไปโดยปริยาย

1 ซิมง มิโญเล่ต์ (2013)

    ผู้รักษาประตูชาวเบลเยียม อาจจะต้องพบกับช่วงเวลาที่ยากลำบากในการแย่งมือ 1 ของลิเวอร์พูล ในช่วงที่ผ่านมา แต่เขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่เปิดตัวได้อย่างสุดยอดกับ "หงส์แดง" เช่นกัน โดย มิโญเล่ต์ ย้ายจากซันเดอร์แลนด์ มาเล่นในถิ่นแอนฟิลด์ เพื่อแทนที่ เปเป้ เรน่า และในเดือนแรกเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อสุดๆ ในเวลานั้น มิโญเล่ต์ ทำผลงานได้อย่างสุดยอดเมื่อรักษา 3 คลีนชีทในการเล่น 3 เกมลีกแรกให้กับยอดทีมแห่งลุ่มแม่น้ำเมอร์ซี่ย์
    สำหรับผลงานระดับมาสเตอร์คลาสก็คือเกมเปิดตัวพบ สโต๊ค ซิตี้ โดยแมตช์นั้น มิโญเล่ต์ โชว์เซฟเป็นว่าเล่น ทำให้ "หงส์แดง" ยังคงรักษาสกอร์นำ 1-0 อย่างไรก็ตามในช่วงนาทีสุดท้าย "ช่างปั้นหม้อ" ได้จุดโทษ และมีโอกาสที่จะแบ่งแต้มในเกมแรกที่แอนฟิลด์

    อย่างไรก็ตาม นายด่านดีกรีทีมชาติเบลเยียม โชว์ความหนึบด้วยการปัดลูกยิงของ จอน วอลเตอร์ส ออกไปได้ และยังกระโดดขวางจังหวะซ้ำของแข้งสโต๊ค ได้อีกครั้ง ทำให้ทีมรอดจากการเสียประตูไปได้อย่างน่าเหลือเชื่อ และนี่คือการเริ่มต้นที่ดีที่สุดให้กับ ลิเวอร์พูล แต่ช่างโชคร้ายเหลือเกิน สิ่งนี้อยู่ได้ไม่นานเพราะปัจจุบันเจ้าตัวโดนเมินจาก เจอร์เก้น คล็อปป์ ไปแล้ว และถึงเวลาที่จะต้องย้ายออกไปเพื่อโอกาสลงสนามมากขึ้น