หลังจากที่สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ประกาศรายชื่อนักเตะ 3 คนสุดท้ายที่ได้เข้าชิงรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีประจำปี 2018 แล้วนั้น แฟนบอลหลายคน โดยเฉพาะสาวก บาร์เซโลน่า ก็แปลกใจพอตัวที่มันไม่มีชื่อของ ลิโอเนล เมสซี่ อยู่ในนั้น โดย 3 คนดังกล่าวคือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้, ลูก้า โมดริช และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์

อย่างไรก็ตาม ถ้ามองอีกมุมหนึ่งนั้น การที่ เมสซี่ ไม่มีชื่อเข้าชิงรางวัลนี้ ทั้งที่ได้เข้าชิงมาตลอดในช่วง 11 ปีก่อนหน้านี้มันก็ถือเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลพอตัว และวันนี้เราก็จะมาแจกแจงว่าทำไมการที่ เมสซี่ อดเข้าชิงรางวัลอันทรงเกียรติมันถึงสมเหตุสมผล

 - ผลงานแย่ใน ฟุตบอลโลก 2018
ทีมชาติอาร์เจนตินาเป็นเหมือนของต้องสาปสำหรับ เมสซี่ มานานแล้ว เพราะถึงแม้เขาจะได้แชมป์กับต้นสังกัดมากมายก่ายกองจนแทบนับไม่ไหว แต่เขากลับยังไม่เคยได้แชมป์รายการใหญ่ๆ กับบ้านเกิดเลย โดยก่อนหน้านี้ก็เป็นเพียงรองแชมป์ ฟุตบอลโลก กับรองแชมป์ โคปา อเมริกา เท่านั้น

ถึงแม้เขาจะเคยได้เหรียญทอง โอลิมปิก เกมส์ เมื่อปี 2008 แต่มันก็ไม่ใช่ความสำเร็จระดับทีมชาติชุดใหญ่ที่พอจะเอามาอวดได้ ซึ่งที่จริง เมสซี่ ก็หมายมั่นปั้นมือว่าจะพาทีมคว้าแชมป์ ฟุตบอลโลก 2018 ให้ได้ จนถึงขนาดยอมกลับมาช่วยทีมชาติทั้งที่เคยประกาศลาทัพ "ฟ้า-ขาว" เลย

อย่างไรก็ตาม แข้งวัย 31 ปี กลับไม่สามารถโชว์ฟอร์มอันโดดเด่นได้เท่ากับที่หลายคนคาดหวัง โดยเขาทำประตูได้เพียงลูกเดียวตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ จนสุดท้าย อาร์เจนตินา ก็ไปถึงเพียงรอบ 16 ทีมสุดท้าย โอเคว่าทีมของเขาอาจจะไปได้ไกลกว่า อียิปต์ ของ ซาลาห์ แต่ถ้าเทียบกับชื่อชั้นและขุมกำลังแล้วนั้น มันก็ต้องบอกว่าทัพ "มัมมี่" ด้อยกว่า อาร์เจนตินา เยอะ ดังนั้นการที่ อาร์เจนตินา ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายจึงเป็นผลงานที่น่าผิดหวังสุดขีด

ขณะที่ โรนัลโด้ ทำผลงานได้ดีกว่า เมสซี่ ในศึก ฟุตบอลโลก 2018 หลังจากทำไป 4 ประตู ส่วนรายของ โมดริช นั้น ไม่ต้องเทียบกันเลย เพราะดาวเตะชาวโครแอตทำผลงานในรายการดังกล่าวได้ดีกว่าทั้ง เมสซี่, โรนัลโด้ และ ซาลาห์ อย่างชัดเจน

    - เล่นได้ไม่ดีเท่าไหร่ใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
แม้ว่าฤดูกาลที่แล้ว เมสซี่ จะทำประตูในลีกไปถึง 34 ประตู จนเป็นดาวซัลโวสูงสุดของ ลา ลีกา และช่วยให้ทีมได้แชมป์ลีกกับ โกปา เดล เรย์ ไปครอง แต่ในศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งเป็นรายการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในระดับสโมสรของทวีปยุโรปนั้น ดาวเตะชาวอาร์เจนไตน์กลับทำผลงานได้แย่กว่าซีซั่นก่อนๆ อย่างเห็นได้ชัด

ในฤดูกาล 2017-18 เมสซี่ สามารถทำประตูในศึกชิงถ้วย "บิ๊กเอียร์" ได้เพียง 6 ลูกเท่านั้น ซึ่งนั่นต่างกับ โรนัลโด้ ที่กดไป 15 ประตู และ ซาลาห์ ที่ทำไป 10 ลูก อย่างชัดเจน แถม บาร์เซโลน่า ยังจอดป้ายแค่รอบก่อนรองชนะเลิศเท่านั้นด้วย ต่างกับ ซาลาห์ ที่พาทีมไปถึงรอบชิงชนะเลิศ รวมถึงต่างกับ โรนัลโด้ และ โมดริช ซึ่งช่วยให้ทีมคว้าแชมป์มาครองได้แบบฟ้ากับเหว

    - ฟอร์มโดยรวมไม่ได้ดีกว่าอีก 3 คนมากจนถึงขนาดทิ้งกันไม่เห็นฝุ่น
บางคนอาจจะอ้างว่า เมสซี่ น่าจะยังมีชื่อเข้าชิงรางวัลอยู่ เมื่อพิจารณาจากผลงานส่วนตัวของเขา แต่ถ้าดูจากสถิติที่เกิดขึ้นแล้วนั้น จะเห็นได้ว่าฤดูกาลที่แล้ว เมสซี่ ไม่ได้เหนือกว่าทั้ง 3 คนมากมายอะไรเลย

ยกตัวอย่างเช่นค่าเฉลี่ย 1 ประตูต่อนาทีจากทุกรายการนั้น ค่าเฉลี่ยของ เมสซี่ อยู่ที่ 1 ลูกต่อ 99.29 นาที ซึ่งนั่นถือว่าแย่กว่า โรนัลโด้ ที่ทำไป 1 ประตูต่อ 83.48 นาที และ ซาลาห์ ที่ยิงได้ 1 ลูกต่อ 93.64 นาทีด้วยซ้ำ หรือถ้านับด้านการแอสซิสต์ในทุกรายการ ต่อให้เขาจะทำแอสซิสต์ไป 18 ครั้ง และดูดีกว่า โรนัลโด้ กับ โมดริช ที่ทำไปคนละ 8 แอสซิสต์ แต่มันก็ไม่ได้เหนือกว่า ซาลาห์ มากนัก หลังจาก ซาลาห์ ทำไป 14 หน

ด้วยเหตุนี้ การที่ เมสซี่ อดเข้าชิงรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของ ฟีฟ่า หนล่าสุด จึงไม่ใช่เรื่องที่ไม่เหมาะสมแต่อย่างใด และถ้าวัดจากปัจจัยทั้งหมดนี้แล้วล่ะก็ มันก็มีความเป็นไปได้ที่ เมสซี่ จะแห้วรางวัล บัลลง ดอร์ ในครั้งที่กำลังจะถึงนี้ด้วย