เมาริซิโอ ซาร์รี่ กุนซือเชลซี ผลงานไม่เบาหลัง เชือด วัตฟอร์ด ในเกมล่าสุด เป็นชัยชนะนัดที่ 3 ในรอบ 5 "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ยังคงเดินหน้าเก็บชัยอย่างต่อเนื่องหลังล่าสุดเปิดบ้านถล่ม อาร์เซน่อล ไปแบบขาดลอย 5-1 ทำให้พวกเขาเป็นจ่าฝูงของพรีเมียร์ลีกแบบยาวๆ เกมบิ๊กแมตช์เมื่อคืนที่ผ่านมามันบ่งชี้อะไรหลายอย่าง ทั้งการลุ้นแชมป์ของฝั่งหงส์แดง รวมถึงปัญหาของปืนใหญ่ เรามาสรุปกันทีละประเด็นเลย

1.เดือนโหดหงส์แดง

จะมีอะไรเพอร์เฟคไปกว่าการที่ หงส์แดง ยังคงไร้พ่ายในฤดูกาลนี้แถมยังครองจ่าฝูงฉลองสิ้นปีอีกต่างหาก เดือนธันวาคมเป็นเดือนที่ ลิเวอ์พูล โหดเหี้ยมอย่างแท้จริง พวกเขากระซวกคู่แข่งไปในเดือนนี้ทั้งหมด 22 ประตูจากการลงเล่นในลีกทั้งหมด 7 นัด ซึ่งก็รวมถึงเกมแดงเดือดที่พวกเขาปราบ แมนฯยูไนเต็ด และเกมปูพรมถล่ม อาร์เซน่อล เมื่อคืนที่ผ่านมาด้วย นอกจากพวกเขาจะเก็บชัยได้อย่างต่อเนื่องแล้วคู่แข่งอย่าง แมนฯซิตี้ ก็ดันมาหลุดโค้งอีกต่างหากทำให้ตอนนี้ต้องตาม หงส์แดง อยู่ถึง 10 แต้มแม้จะแข่งน้อยกว่าก็ตาม ขณะที่ สเปอร์ส ที่ดูเหมือนกำลังมาแรงก็ดันมาพลาดท่าพ่าย วูล์ฟแฮมปตัน ต้องบอกว่าอะไรเป็นใจให้กับ ลิเวอร์พูล เป็นอย่างมาก พวกเขาเข้าใกล้ตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีกเข้าไปเต็มทน

2.กองหลังปัญหาใหญ่

แม้ว่าจะผ่านยุคของ อาแซ็น เวนเกอร์ ไปแล้วก็ตามแต่ทว่า อาร์เซน่อล ก็ยังมีปัญหาเรื้อรังที่แก้ไม่ตกเสียทีนั่นคือ "เกมรับ" นัดนี้ ปืนใหญ่ เสียไป 5 ประตู แถมยังเสียจุดโทษง่ายๆอีก 2 ครั้ง ประตูแรกที่พวกเขาเสียเกิดจากการที่ สเตฟาน ลิคท์สไตเนอร์ เคลียร์บอลพลาดไปโดนเพื่อนร่วมทีม ซึ่งนัดที่แล้ว ลิคท์สไตเนอร์ คนนี้ก็เป็นคนก่อความผิดพลาดจนทำให้ทีมเสียประตูตีเสมออีกด้วย นอกจากนี้ประตูที่สองคู่กองหลังอย่าง โซคราติส ปาปัสทาโธปูลอส และ ชโคดราน มุสตาฟี่ ก็โดน โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ หลอกจนหลังหักกันเลยทีเดียว ขณะที่ โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ ที่ลงมาช่วงพักครึ่งก็ดูเหมือนจะไม่สามารถแบกเกมรับได้อีกต่อไปแล้ว ดังนั้นคำตอบเดียวที่จะแก้ปัญหาได้นั้นคือการซื้อกองหลังคนใหม่ อูไน เอเมรี่ มีการบ้านสำคัญให้ทำในตลาดหน้าหนาวแล้ว

3.ฟีร์มีโน่ กลับมาแล้ว

แม้ฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล จะยิงใส่คู่แข่งถล่มทลายมากแค่ไหน แต่น่าแปลกใจที่กองหน้าบราซิลเลี่ยนอย่าง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ยังไม่สามารถสอยตาข่ายคู่แข่งในแอนฟิลด์ได้เลย หลายฝ่ายมองว่าฟอร์มการถล่มตาข่ายของเขาดูเหมือนจะดร็อปลงจากฤดูกาลก่อน แต่ทว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาเขาก็โชว์ให้เห็นแล้วว่าเขายังเหมาะสมที่จะเป็นกองหน้าของ หงส์แดง ต่อไป การยิงแฮตทริกใส่ปืนใหญ่น่าจะเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้เขาได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะลูกยิงลูกที่สอง ที่เขาโชว์สกิลสไตล์แซมบ้าโยกหลบคู่แข่งแบบเหนือชั้นเข้าไปยิงประตู โดยแฮตทริกครั้งนี้เป็นแฮตทริกแรกของเขาในสีเสื้อหงส์แดงอีกด้วย

4.กำจัด ตอร์เรยร่า = สบาย

ลูคัส ตอร์เรยร่า เป็นมิดฟิลด์ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างดีเยี่ยมหลังจากเขาย้ายเข้ามาสวมเสื้อปืนใหญ่ หลายคนยกให้เป็นแคนดิเดตการเซ็นสัญญายอดเยี่ยมของฤดูกาลนี้เลยก็ว่าได้ เพราะเขาตอบโจทย์เกมแดนกลางของ อาร์เซน่อล ได้เป็นอย่างดี รวมถึงเข้ากับแผนการของ อูไน เอเมรี่ ด้วย แต่ทว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขามีวิธีจัดการเขาได้แบบอยู่หมัด ลิเวอร์พูล พยายามเข้าบอลเร็วใส่ ตอร์เรยร่า ทำให้เขาเล่นยากและเสียบอลง่าย รวมถึงปิดมุมไม่ให้เขาได้จ่ายบอลง่ายๆ และในขณะที่เมื่อ หงส์แดง ครองบอล พวกเขาก็ดูเหมือนพยายามจะยั่วให้ ตอร์เรยร่า เข้ามาแย่งบอลแบบสุ่มสี่สุ่มห้า ซึ่งสถิติหลังเกม ตอร์เรยร่า เข้าบอลทั้งหมด 7 ครั้งแต่สำเร็จเพียง 2 ครั้งเท่านั้น การที่ ตอร์เรยร่า เล่นไม่ออกแบบนี้ก็ทำให้ มิดฟิลด์ของ ปืนใหญ่ ลดความน่ากลัวลงไปมากจริงๆ

5.พร้อมลุย เรือใบ

โปรแกรมช่วง บ็อกซิ่ง เดย์ ใกล้จะจบลงแล้ว หงส์แดง จะมีคิวลงเล่นเกมพรีเมียร์ลีกปิดท้ายช่วงมหาโหดนี้ในวันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม เวลา 03.00 น. โดยพวกเขาจะต้องออกไปทำศึกบิ๊กแมตช์กับคู่แข่งลุ้นแชมป์อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แม้ตอนนี้ทั้งสองทีมจะมีแต้มห่างกันมากถึง 10 แต้ม แต่ทว่าหากเรือใบสีฟ้าเก็บชัยในวันนี้ก็จะทำให้ลดช่องว่างมาเหลือ 7 แต้มเช่นเคย แน่นอนว่าบิ๊กแมตช์ครั้งนี้เป็นโอกาสที่ แมนฯซิตี้ จะต้องคว้าให้ได้มิเช่นนั้นแชมป์พรีเมียร์ลีกอาจจะห่างไกลเกินเอื้อมก็เป็นได้ ขณะที่ ลิเวอร์พูล แม้ไม่จำเป็นต้องชนะ แต่ด้วยฟอร์มที่สุดยอดของพวกเขาตอนนี้น่าคิดว่าถ้าพวกเขาสามารถบุกจมเรือใบได้ถึง เอติฮัด สเตอเดี้ยม มันอาจจะหมายถึงการที่พวกเขาหยิบถ้วยพรีเมียร์ลีกอย่างไม่เป็นทางการเลยก็ว่าได้ รอชมบิ๊กแมตช์สุดเดือดวันพฤหัสบดีนี้กันได้เลย