ยิ่งกว่าปาฎิหาริย์ เมื่อ สเปอร์ส ทำสิ่งเหลือเชื่อที่บ้านของ อาแจ็กซ์ หลังเป็นฝ่ายตามหลัง 0-2 แต่ ลูกัส มูร่า ปีกบราซิเลี่ยนมายิงประตูชัยในช่วงทดเจ็บและเป็นแฮตทริกฮีโร่พาสเปอร์สซัดสามเม็ดรวดแซงเอาชนะเจ้าถิ่น 3-2 สกอร์รวมเสมอกัน 3-3 แต่สเปอร์สเข้ารอบชิงชนะเลิศตามกฎประตูทีมเยือน ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับ ลิเวอร์พูล ในวันที่ 1 มิถุนายน นี้

    สนาม : โยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า

    ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดสอง คืนวันพุธที่ 8 พฤษภาคม 2562 เป็นการพบกันระหว่าง อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ยักษ์ใหญ่จากแดนฮอลแลนด์ กลับมาเฝ้ารังรับการมาเยือนของ "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่มฮอต สเปอร์ โดยเกมแรกกลายเป็นทัพไก่ที่พลาดท่าพ่ายคารังของตัวเองให้ อาแจ็กซ์ 0-1 ทำให้เกมนี้เจ้าถิ่นได้เปรียบอย่างมากที่ตุนสกอร์และอเวย์โกลไว้ได้

    เอริค เทน ฮาก มีสภาพทีมที่พร้อมหลังเกมในลีกได้พักแข้งตัวหลักมาบ้าง พร้อมส่งแนวรุกตัวฉกาจทั้ง ฮาคิม ซิเย็ช, ดอนนี่ ฟาน เดอ บีค และดูซาน ทาดิช ส่วนในรายของ ดาวิด เนเรส ปีกชาวบราซิเลี่ยน ถือว่าเป็นข่าวร้ายของเจ้าถิ่นที่ต้องเปลี่ยนเอา คาสเปอร์ โดลเบิร์ก ลงแทนหลังเจ้าตัวมีอาการเจ็บตอนอบอุ่นร่างกาย

    ส่วนทางฝั่ง เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ บอสใหญ่ของไก่เดือยทอง จะขาดแค่ แฮร์รี่ เคน หัวหอกตัวเก่งที่ยังบาดเจ็บ เช่นเดียวกับ ดาวิซอน ซานเชซ แนวรับที่เพิ่งมาเจ็บไปอีกราย ส่วนเกมรุกแดนหน้าฝากความหวังไว้ที่ ซน ฮึง-มิน และลูกัส มูร่า โดยมีตัวสนับสนุนทั้ง คริสเตียน เอริคเซ่น, เดเล่ อัลลี่ และมุสซ่า ซิสโซโก้

   ครึ่งแรก...เริ่มเกมมาได้แค่ 4 นาทีแรกเจ้าถิ่นหวิดขึ้นนำเมื่อ ดูซาน ทาดิช ได้หวดเต็มข้อบอลแต่ยังไม่พ้นมือของ อูโก้ โยริส ที่ปัดออกหลังไปได้

    ทว่าแค่นาทีถัดมาจากจังหวะเตะมุมต่อเนื่อง กลายเป็น อาแจ็กซ์ ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จนได้เมื่อ ลาสเซ่ เชิน เปิดเตะมุมมาเข้าหัว มาไตส์  เดอ ลิกท์ กัปตันทีมหนีการประกบของ คีแรน ทริปเปียร์ ก่อนขึ้นเบียดเอาชนะ เดเล่ อัลลี่ โขกบอลเปลี่ยนทางเสียบเสาไกลไปอย่างเด็ดขาด สกอร์รวมนำห่าง 2-0

    สเปอร์ส อยู่ไม่ได้แล้ว สกอร์เป็นรองสองเม็ด ต้องเดินหน้าเร่งเครื่องอย่างเดียว นาที 6 เกือบได้ตีเสมอทันควัน เมื่อ ซน ฮึง มิน สับไกบอลพุ่งจะเข้ามุมอยู่แล้วแต่พุ่งไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย

   นาที 16 มุสซ่า ซิสโซโก้ ห้องเครื่องของสเปอร์สต้องถูกจดชื่อโดนใบเหลืองเป็นคนแรกของเกม หลังเข้าไปเปิดปุ่มใส่ นิโกลัส ตาญาฟิโก้

    นาที 23 สเปอร์ส พลาดโอกาสไล่ตีเสมออีกครั้ง หลัง เดเล่ อัลลี่ แทงบอลเข้าไปในเขตโทษอย่างสวย แต่ ซน ฮึง มิน ที่สอดขึ้นมายิงไม่ถนัดบอลใกล้เท้าทำให้ดีดไปเข้ามือ อ็องเดร โอนาน่า

    จากนั้นไม่ถึงนาทีต่อมา ทัพไก่เดือยทอง ตอบโต้ขึ้นมาเร็วอีก ลูกัส มูร่า ได้บอลหลุดเข้าไปในกรอบก่อนหักคืนหลังมาให้ คริสเตียน เอริคเซ่น วิ่งมากดด้วยซ้ายแต่บอลยังพุ่งไปเข้าตัว โอนาน่า  นายด่านชาวแคเมอรูน

    นาที 31 บอลสวนกลับของเจ้าถิ่นขึ้นมาทางซ้าย คราวนี้ ดูซาน ทาดิช อดีตแข้งเซาธ์แฮมป์ตันได้ลองกดด้วยซ้ายอีกทีบอลพุ่งผ่านหน้าปากประตูไปแบบได้เสียว

   นาที 36 อาแจ็กซ์ มาได้ประตูนำห่างเป็น 2-0 จากจังหวะที่ คีแรน ทริปเปียร์ เสียตำแหน่ง บอลขึ้นจากแดนกลางแทงมาให้ ดูซาน ทาดิช ทางขวาก่อนลากเข้าไปโล่งๆแล้วหักย้อนมาหน้ากรอบประตูให้ ฮาคิม ซิเย็ช ปีกชาวโมร็อกโกวิ่งมาอัดด้วยซัดเต็มใบ บอลพุ่งผ่านมือ อูโก้ โยริส เข้าไปตุงตาข่าย สกอร์รวม 3-0 โอกาสผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับ ลิเวอร์พูล มีสูงมาก

      จบครึ่งแรก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ได้ประตูขึ้นนำ สเปอร์ส 2-0 สกอร์รวมสองนัดตอนนี้นำห่าง 3-0 โอกาสผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศในรอบ 23 ปี นับแต่ฤดูกาล 1995-96 ที่พ่ายจุดโทษให้ ยูเวนตุส ที่กรุงโรมนั้นมีสูงมาก

     ครึ่งหลัง เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ กุนซือของสเปอร์สไม่มีทางเลือกต้องส่งแนวรุกอย่าง เฟร์นานโด ยอเรนเต้ ลงไปเล่นแทน วิคเตอร์ วานยาม่า

     นาที 53 ไก่เดือยทอง ได้โอกาสลุ้นตีไข่แตก เมื่อ คริสเตียน เอริคเซ่น จ่ายบอลแฉลบแข้งเจ้าถิ่นไปถึง เดเล่ อัลลี่ ที่หลุดไปเสาสองได้กระโดดยิงแต่บอลยังไปติดเซฟของ อ็องเดร โอนาน่า ปัดออกไปได้

   แต่แล้ว นาที 55 สเปอร์ส ก็มาได้ประตูไล่คืนมาเป็น 1-2 จากความยอดยเยี่ยมของ แดนนี่ โรส แบ็กซ้ายที่แตะบอลลอดขา มาไตส์  เดอ ลิกท์ ก่อนเล่นเร็ววางยาวมาให้ ลูกัส มูร่า จ่ายบอลเร็วต่อให้ เดเล่ อัลลี่ ล็อคบอลหลบแนวรับอาแจ็กซ์ แม้บอลจะยาวไปแต่ ลูกัส มูร่า ที่สอดขึ้นมาได้บอลก่อนแตะหนี ลาสเซ่ เชิน เข้าไปยิงด้วยซ้ายผ่านมือ โอนาน่า เข้ามุมประตูไป สกอร์รวมตอนนี้ สเปอร์ส ไล่อาแจ็กซ์ มาเป็น 1-3

     ทว่ามีดราม่าเกิดขึ้น เมื่ออีกไม่ถึงสองนาทีต่อมา ไก่เดือยทอง มาได้ประตูตีเสมออย่างรวดเร็ว 2-2 บอลจาก คีแรน ทริปเปียร์ ที่ครอสบอลมาในกรอบ 6 หลาให้ ยอเรนเต้ ยิงโล่งๆ ไปติด โอนาน่า ทว่านายด่านเจ้าถิ่นกลับทำเฟอะฟะบอลหลุดมือแล้วไปกั๊กเล่นกับ เฟร็งกี้ เดอ ยอง ทำให้บอลหลุดจากมือและเป็น ลูกัส มูร่า ที่ได้บอลในกรอบก่อนจะใช้ความสามารถเฉพาะเลี้ยงหลบแล้วอัดด้วยซ้ายเสียบมุมไกลเข้าไป เป็นประตูที่สองของปีกชาวบราซิเลี่ยน มีลุ้นแฮตทริกในเกมนี้ สกอร์รวมไล่มาเป็น 2-3 ชักไม่แน่แล้ว...

    นาที 63 เป็นทีของ อาแจ็กซ์ ที่ตอบโต้มาบ้าง ดูซาน ทาดิช ครอสบอลจากด้านซ้ายเข้ามา บอลมาถึง ฮาคิม ซิเย็ช ที่ยืนโล่งๆ วิ่งมายิงด้วยซ้ายบอลพุ่งเบียดเสาออกไปแบบหวุดหวิด

   ถัดมาแค่นาทีเดียว สเปอร์ส โต้ขึ้นมาอีกครั้ง และเกือบได้ลุ้นขึ้นนำจากจังหวะที่ ทริปเปียร์ เปิดบอลเข้าไป ลูกัส มูร่า ได้เก็บตกหน้ากรอบแล้วหวดด้วยซ้ายเต็มๆ แต่ดีที่ มาไตส์  เดอ ลิกท์ ตามาบล็อกบอลออกหลังไปได้

   นาที 71 เจ้าถิ่นสร้างโอกาสเสียวได้อีก คราวนี้ มาไตส์  เดอ ลิกท์ เติมขึ้นสูงก่อนตามไปเก็บบอลทางด้านขวาแล้วครอสมาหน้าปากประตูแบบกึ่งยิงกึ่งผ่านจน อูโก้ โยริส ต้องพุ่งปัดบอลออกไปก่อนแข้งทีมเยือนจะเคลียร์พ้นอันตรายออกไป

  นาที 74 สเปอร์ส ได้เตะมุมทางด้านขวา คีแรน ทริปเปียร์ เปิดบอลมาได้ลุ้นหน้ากรอบก่อนจะเป็น โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ หนีตัวประกบขึ้นโขกสะบัดบอลไปเสาไกลแต่บอลหลุดกรอบออกไปแบบหวุดหวิด

  นาที 80 อาแจ็กซ์ พลาดโอกาสขึ้นนำอีกครั้ง เมื่อ ฮาคิม ซิเย็ช ได้โอกาสซัดเต็มแรง แต่บอลพุ่งไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย

  นาที 87 สเปอร์ส พลาดโอกาสแซงขึ้นนำบ้าง เมื่อ ยาน แฟร์ต็องเก้น ได้ยิงแค่ 6 หลาแต่บอลไปติดบล็อคเจ้าถิ่น แม้จังหวะโขกซ้ำต่อมาบอลก็ยังไม่ชนคาน

  แต่แล้วสเปอร์สมาทำเหลือเชื่อในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นาที 90+5 เมื่อ ลูกัส มูร่า มาซัดประตูให้ สเปอร์ส พลิกแซงกลับมาชนะ 3-2 ก่อนจบเกม เป็นอันว่า สกอร์รวมเสมอกัน 3-3 แต่สเปอร์สเข้าชิงชนะเลิศด้วยกฎประตูทีมเยือน เข้าไปชิงชนะเลิศกับ ลิเวอร์พูล ในวันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน นี้ ที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน

    รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม  
 
    อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม (4-2-3-1) : อ็องเดร โอนาน่า - นุสแซร์ มัซราอุย, มาไตส์  เดอ ลิกท์, ดาเล่ย์ บลินด์, นิโกลัส ตาญาฟิโก้ - ลาสเซ่ เชิน, เฟร็งกี้ เดอ ยอง - ฮาคิม ซิเย็ช, ดอนนี่ ฟาน เดอ บีค, คาสเปอร์ โดลเบิร์ก - ดูซาน ทาดิช  

    เทรนเนอร์ : เอริค เทน ฮาก 

    สเปอร์ส (4-3-1-2) : อูโก้ โยริส - คีแรน ทริปเปียร์, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, ยาน แฟร์ต็องเก้น, แดนนี่ โรส - มุสซ่า ซิสโซโก้, วิคเตอร์ วานยาม่า, เดเล่ อัลลี่ - คริสเตียน เอริคเซ่น - ลูกัส มูร่า, ซน ฮึง-มิน   

    เทรนเนอร์ : เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่  

    ผู้ตัดสิน :  เฟลิกซ์ บริช (เยอรมัน)