ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » รับพิการปะทะรุกสุดโหด!เจาะ 5 ประเด็นก่อนเกม ลิเวอร์พูล ดวล สเปอร์ส

รับพิการปะทะรุกสุดโหด!เจาะ 5 ประเด็นก่อนเกม ลิเวอร์พูล ดวล สเปอร์ส

Posted 16/12/2020 by siamsport

เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน ต้องวางแผนอย่างรัดกุมให้กับ ลิเวอร์พูล ในการรับมือ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่สนามแอนฟิลด์ เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันพุธที่ 16 ธันวาคมนี้ เพราะแนวรับของ "ไก่เดือยทอง" ต้องบอกว่าแข็งแกร่ง ขณะที่เกมรุกทีมเยือนก็อันตรายสุดๆ
  
 "หงส์แดง" กับ สเปอร์ส มีแต้มเท่ากันอยู่ที่ 25 คะแนน แต่ทีมของกุนซือโชเซ่ มูรินโญ่ รั้งอันดับจ่าฝูงเนื่องจากมีผลต่างประตูได้เสียดีกว่า "เดอะ เร้ดส์ "ฉะนั้นในแมตช์นี้หากมีผลแพ้ชนะ จะทำให้ทีมที่คว้า 3 คะแนนมีโอกาสทำแต้มฉีกหนี เพื่อกดดันทีมคู่แข่งได้มากยิ่งขึ้น

สำหรับ ลิเวอร์พูล ส่วนที่น่ากังวลมากที่สุดนั่นก็คือเกมรับ เพราะตอนนี้ต้องลุ้นว่า โฌแอล มาติป จะพร้อมลงสนามหรือไม่ เนื่องจากมีปัญหาบาดเจ็บหลัง ขณะที่ สเปอร์ส แทบจะไม่มีแข้งสำคัญบาดเจ็บ แถม ซน ฮึน มิน กับ แฮร์รี่ เคน กำลังฟอร์มเข้าฝัก ฉะนั้นนี่คือจุดอันตรายที่เจ้าบ้านห้ามเสียสมาธิเลยทีเดียว

1. คู่กองกลางเปลี่ยนสภาพเป็นคู่เซนเตอร์แบ็ก ?
ตอนนี้คงไม่มีเรื่องอะไรที่ คล็อปป์ ปวดหัวมากไปกว่าอาการบาดเจ็บของลูกทีม โดยเฉพาะในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ก เพราะล่าสุด โฌแอล มาติป ก็ได้รับบาดเจ็บที่หลังในเกมเสมอ "เจ้าสัวน้อย" ฟูแล่ม เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้ "หงส์แดง" ไม่เหลือปราการหลังตัวกลางอาชีพที่มีประสบการณ์อีกแล้ว

แม้อาการบาดเจ็บของ มาติป อาจจะไม่รุนแรงจนต้องพักยาว แต่ในแมตช์รับมือ สเปอร์ส นั้น คล็อปป์ ยังไม่แน่ใจว่านักเตะจะมีสภาพร่างกายฟิตสมบูรณ์พร้อมลงสนามหรือไม่ ซึ่งหากมองในแง่ร้าย ดาวเตะชาวแคเมอรูน เล่นไม่ได้ นั่นหมายความว่า คล็อปป์ มีตัวเลือกในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กที่จำกัดสุดๆ

หากมองพวกกองหลังอาชีพก็เหลือแค่ นาธาเนียล ฟิลลิปส์ กับ รีส วิลเลี่ยมส์ ซึ่งแน่นอนว่าคนแรกน่าจะเป็นตัวเลือกที่ คล็อปป์ อาจตัดสินใจจับลงสนาม แต่การที่ต้องพบกับทีมที่มีกุนซือสุดเขี้ยวลากดินอย่าง มูรินโญ่ งานนี้ความสดอาจจะไม่เพียงพอ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ คล็อปป์ อาจจำเป็นต้องใช้งาน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กร่วมกับ ฟาบินโญ่

งานนี้ถ้าเป็นแบบนั้นสาวก "เดอะ ค็อป" จะได้เห็นคู่กองกลางที่ช่วยทัพ "เดอะ เร้ดส์" คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลที่ผ่านมา ลงทำหน้าที่เป็นคู่เซนเตอร์แบ็กจำเป็น สำหรับเหตุผลที่จะสนับสนุนแผนการนี้ก็คือความเก๋าประสบการณ์ของ "เฮนโด้" กับ ดาวเตะเลือดแซมบ้า น่าจะจัดการความรวดเร็ว และร้อนแรงของแนวรุก "ไก่เดือยทอง" ได้

2.  มูรินโญ่ อยากแก้มือ คล็อปป์ ใจจะขาด
ไม่ใช่เรื่องที่เป็นความลับเลยสำหรับคนในวงการลูกหนังที่รู้ว่า มูรินโญ่ มักจะเล่นสไตล์ที่เน้นผลการแข่งขันทุกครั้งที่ต้องออกไปเยือนคู่แข่งที่แข็งแกร่งในพรีเมียร์ลีก โดยแท็กติกที่เขามักจะนำมาใช้ก็คือ "แผนรถบัส" ที่พยายามเน้นเกมรับเป็นหลักแล้วรอจังหวะสวนกลับ

อย่างไรก็ตามในการปะทะกึ๋นกับ คล็อปป์ ต้องบอกว่า "เฮียมู" มีแต่ช้ำกับช้ำ เพราะเขาต้องพบกับความผิดหวังในการปะทะฝีมือกับ กุนซือชาวเยอรมัน เนื่องจาก มูรินโญ่ สะกดคำว่าชนะไม่เป็นเลยตลอด 5 เกมในการเยือนทีมของกุนซือเลือดด๊อยท์ช (เสมอ 2, แพ้ 3) ในทุกรายการ โดยถือเป็นสถิติที่เลวร้ายที่สุดของ มูรินโญ่ ในการสู้กับผู้จัดการทีมทุกคนตลอดอาชีพของเขา

ความจริงที่น่าเจ็บปวดเพิ่มเป็นทวีคูณก็คือ มูรินโญ่ เคยได้ลิ้มรสคำว่าชนะทีมของคล็อปป์ เพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้นตลอดอาชีพกุนซือของเขา ซึ่งเกมล่าสุดที่เขาสามารถดับซ่า นายใหญ่จากดินแดนไส้กรอก ก็คือการนำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ "หงส์แดง" 2-1 เมื่อปี 2018

ฉะนั้นการที่ มูรินโญ่ ต้องนำ สเปอร์ส มาเยือนโคตรสโมสรแห่งลุ่มแม่น้ำเมอร์ซี่ย์ แน่นอนว่าเขาพกความแค้นมาเต็มกระเป๋า และต้องการที่จะลบสถิติที่เลวร้ายในการวัดกึ๋นกับ คล็อปป์ ที่สำคัญหากชนะ ยิ่งจะเพิ่มความสะใจเป็นสองเท่าเนื่องจากจะทำแต้มฉีกหนีแชมป์เก่า และยึดจ่าฝูงลีกต่อไปอย่างเหนียวแน่น

3. แชมป์เก่าอาจโดนทีเด็ดไก่จิกตายคาบ้าน ?
แม้ว่าสถิติของ มูรินโญ่ ในการนำทีมเยือน ลิเวอร์พูล ยุคคล็อปป์ จะไม่ค่อยโสภาสถาพรมากนัก แต่สถิติของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในการสู้กับทีมแชมป์เก่าพรีเมียร์ลีก ค่อนข้างพอใช้ได้ เพราะตลอด 7 เกมลีกที่ต้องไปเยือนแชมป์เก่าพวกเขาเอาชนะได้ถึง 3 เกมโดยเสมอ 2 และแพ้ 2

สำหรับแมตช์ที่คว้าชัยชนะได้ก็มีทั้งปราบ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 2013/2014, ชนะ "สุนัขจิ้งจอก" เลสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาล 2016/2017 และสอย "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ในฤดูกาล 2017/2018 แต่หากมองภาพรวมพวกเขาชนะแค่ 3 เกมเท่านั้นจาก 40 แมตช์ที่เยือนแชมป์เก่าก่อนหน้านี้ (เสมอ 6 แพ้ 31)

ขณะเดียวกัน สเปอร์ส ไม่แพ้ 6 เกมติดต่อกันในการสู้กับ ลิเวอร์พูล ในทุกรายการ ที่สำคัญพวกเขายังสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็นในการออกไปเยือนสำหรับการเล่นในพรีเมียร์ลีก 6 แมตช์ในฤดูกาลนี้ โดยมีสถิติชนะถึง 4 เกม และเสมอ 2 แมตช์เท่านั้น

แม้ว่า แอนฟิลด์ จะเป็นป้อมปราการเหล็กที่มีสถิติสุดโหดเมื่อไม่แพ้ในลีกกับการเล่นเกมเหย้าถึง 65 แมตช์ติดต่อกัน แต่เมื่อเจอ สเปอร์ส ที่มาพร้อมสถิติสวยหรูในฐานะทีมเยือน ก็ต้องบอกว่า คล็อปป์ แอนด์โค. ต้องระมัดระวังให้ดีๆ หากเสียสมาธิ มีสิทธิ์เสียสถิติได้

 4. ระวัง "อาซน"-เคน ให้ดีๆ
ในเวลานี้คงไม่มีคู่หูเกมรุกคู่ไหนที่ร้อนแรงเท่ากับ แฮร์รี่ เคน และ ซน ฮึน มิน อีกแล้ว โดยทั้งสองคนมีสถิติการประสานงานกันรวม 12 ประตูในฤดูกาลนี้ ซึ่งขาดแค่ประตูเดียวก็จะเท่ากับสถิติการประสานงานกันที่ดีที่สุดต่อ 1 ฤดูกาลของ พรีเมียร์ลีก จากคู่หัวหอก "เอสแอนด์เอส" อลัน เชียเรอร์ และ คริส ซัตตัน ที่สร้างเอาไว้ในฤดูกาล 1994/1995

ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะผลงานการกระซวกประตูของทั้งคู่ในลีกก็ไม่ธรรมดา โดย หัวหอกทีมชาติเกาหลีใต้ ตะบันไปแล้ว 10 ประตู ขณะที่ เคน สอยไป 9 ประตู จากจำนวน 24 ประตูในเกมลีกที่ สเปอร์ส ทำได้ในฤดูกาลนี้ แสดงให้เห็นว่าพวกเขามีความเฉียบคม และสำคัญต่อ "ไก่เดือยทองมากแค่ไหน

สำหรับ กองหน้ากัปตันทีมชาติอังกฤษ ต้องบอกว่ามีความฝังใจในการเยือนถิ่น แอนฟิลด์ เพราะเขาเคยตะบันประตูได้ทั้ง 4 เกมที่เดินทางมาเยือน "หงส์แดง"  แต่บทสรุปเมื่อจบเกมทีมรักสะกดคำว่าชนะไม่ได้เลย โดยทำได้เพียงแค่เสมอ 2 แมตช์ และแพ้ 2 เกม

อย่างไรก็ตามฟอร์มในฤดูกาลนี้ของ เคน ค่อนข้างจะครบเครื่องกว่าที่ผ่านๆ มา เพราะเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับ 19 ประตูจาก 12 เกมลีก โดยตะบันไป 9 ประตู กับ 10 แอสซิสต์ ดังนั้นแนวรับ "หงส์แดง" ที่ค่อนข้างพิการต้องระวังความเร็วและเฉียบคมของคู่หัวหอก "ซน-เคน" เอาไว้ให้ดีๆ

5.  สามประสานต้องงัดฟอร์มเทพออกมา
ตอนนี้แฟนบอลลิเวอร์พูล คงคาดหวังที่จะเห็นสามประสานทั้ง ซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ช่วยกันผลิตประตูให้กับทีมเหมือนกับเมื่อ 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ทัพ "หงส์แดง" ผงาดคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และพรีเมียร์ลีก ตามลำดับ

ฟอร์มการเล่นของทั้งสามคนไม่ค่อยโดดเด่นมากนักในซีซั่นนี้ แต่ก็ยังถือว่าเป็นแนวรุกที่น่าเกรงขาม ฉะนั้นหากสามประสาน "หินเหล็กไฟ" (SMF) สามารถงัดฟอร์มเก่งออกมาได้ในแมตช์นี้ โอกาสที่พวกเขาจะจัดการดับซ่า ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ก็มีค่อนข้างสูง

ในส่วนของแดนกลาง เคอร์ติส โจนส์, จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม และ นาบี เกอิต้า คงได้ทำหน้าที่ตัวจริง หากกรณีที่ คล็อปป์ เลือกจับ เฮนเดอร์สัน ไปยืนเซนเตอร์แบ็ก อย่างไรก็ตามการจะเจาะเข้าไปทำประตู สเปอร์ส ไม่ใช่ง่ายๆ เพราะแนวรับในยุค "เฮียมู" ของพวกเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็กไหล โดยเสียไปแค่ 10 ประตูเท่านั้น สวนทางกับ "เดอะ เร้ดส์" ที่เสียไปถึง 18 ประตู

ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือแมตช์ที่เสมอกับ "ดิ อีเกิ้ลส์" คริสตัล พาเลซ 1-1 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นการเสียประตูแรกในรอบ 475 นาที หรือพูดง่ายๆ พวกเขาไม่เสียประตูในการเล่นเกมลีก 4 แมตช์ก่อนจะออกไปแบ่งแต้มกับทีมของกุนซือรอย ฮ็อดจ์สัน

ฉะนั้นหากแนวรุกของ ลิเวอร์พูล ไม่เด็ดขาดจริงๆ ก็ยากจะทำอะไรให้ระแคะระคายแนวรับ สเปอร์ส ได้ !!

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »