ปฏิเสธไม่ได้ว่า บรูโน่ แฟร์นันด์ส คือคนที่มีความสำคัญมากที่สุดในเกมบุกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มันมีหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงเรื่องนั้นอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการที่ "ปีศาจแดง" นำเป็นจ่าฝูงในตอนนี้, การที่เขามีส่วนร่วมกับประตูมากเป็นอันดับต้นๆ ของลีกในซีซั่นนี้, การได้รับคำยกย่องว่าเป็นจอมปั้นเกมอันดับต้นๆ ของลีก และการที่เขาได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนของ พรีเมียร์ลีก ไปถึง 4 เดือนในปี 2020
   
อย่างไรก็ตาม อีกด้านหนึ่งมันก็ต้องยอมรับเช่นกันว่าจนถึงตอนนี้ดาวเตะชาวโปรตุกีสยังไม่สามารถระเบิดฟอร์มโหดในเกมที่ต้องเจอกับทีมใหญ่ๆ ได้ดีเท่าไหร่นัก จนถึงขั้นที่ รอย คีน ตำนานกองกลางของ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังเคยออกมาบอกเลยว่าเขายังไม่ดีพอที่จะเทียบชั้นกับ เอริก คันโตน่า ตามที่หลายคนยกย่องได้ จริงอยู่ว่าเกมที่ต้องเจอกับทีมใหญ่มันมีน้อยกว่าการเจอกับทีมทั่วไป แต่ถ้าเขาทำผลงานในเกมใหญ่ได้ดีมันก็จะทำให้ทีมมีผลงานที่ยอดเยี่ยมตามไปด้วย

ทั้งนี้ การช่วย แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกมที่เสมอกับ ลิเวอร์พูล 0-0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม ที่ผ่านมา ทำให้ในฤดูกาลนี้ บรูโน่ ลงเล่นเกมที่เจอกับทีมใหญ่ของ พรีเมียร์ลีก ครบแล้วทุกทีม ซึ่งเราจะมาเจาะลึกสถิติการผ่านบอลที่ยังไม่ดีเท่าที่ควรในการเจอกับทีมใหญ่ของเขาประจำซีซั่นนี้กัน โดยทีมที่ถูกนับรวมให้อยู่ในกลุ่มทีมใหญ่นั้น จะประกอบด้วย ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, เชลซี, อาร์เซน่อล และ เลสเตอร์ ซิตี้

- การวางบอลระยะไกล
11 หน คือเกมลีกประจำฤดูกาลนี้ที่ บรูโน่ วางบอลระยะไกลได้เข้าเป้ามากที่สุด โดยเกิดขึ้นในวันที่ แมนฯ ยูไนเต้ด ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 1-0 เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม แถมวันนั้นเขาก็ได้สถิติแอสซิสต์ด้วยจากการผ่านบอลให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด ทำประตูชัยให้ทีม

อย่างไรก็ตาม วันที่ บรูโน่ วางบอลระยะไกลได้เข้าเป้ามากที่สุดในการเจอกับทีมใหญ่นั้น เขากลับทำอย่างนั้นได้เพียง 4 ครั้ง ซึ่งได้แก่เกมที่เสมอกับ เลสเตอร์ 2-2 ส่วนในเกมที่แพ้ สเปอร์ส 1-6 กับเสมอ เชลซี 0-0 เขาทำอย่างนั้นได้เพียง 3 หน

สำหรับเกมแดงเดือดหนล่าสุดนั้น บรูโน่ ผ่านบอลระยะไกลเข้าเป้าเพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้น ซึ่งมันก็เท่ากับที่เขาทำได้ในเกมที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เสมอกับ แมนฯ ซืตี้ 0-0 และแพ้ อาร์เซน่อล 0-1 ด้วย และพอเขาไม่สามารถผ่านบอลไปถึงเป้าหมายได้มันก็ทำให้แนวรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด น่ากลัวน้อยลงตามไปด้วย

- เปอร์เซ็นต์การผ่านบอลโดยรวม
เกมกับทีมใหญ่ที่เขาผ่านบอลโดยรวมเข้าเป้ามากที่สุดเป็นเกมกับ เชลซี แต่เขาก็ทำอย่างนั้นได้ที่ 77.6 เปอร์เซ็นต์ ทำให้มันเป็นเพียงเกมลีกที่เขาผ่านบอลโดยรวมเข้าเป้ามากที่สุดเป็นอันดับ 8 ประจำซีซั่นนี้ จากการลงเล่นทั้งหมด 18 เกม ในขณะที่เกมที่เขาทำผลงานด้านนี้ได้ดีที่สุดคือวันที่ชนะ เวสต์แฮม 3-1 เพราะวันนั้นเจ้าตัวผ่านบอลเข้าเป้า 84.6 เปอร์เซ็นต์ แถมที่จริงเกมนั้นเขาเพิ่งมาลงสนามในช่วงครึ่งหลังด้วย

นอกเหนือจากเกมกับ เชลซี แล้วนั้น มันก็มีเกมกับทีมใหญ่อีกแค่นัดเดียวที่ บรูโน่ มีเปอร์เซ็นต์การผ่านบอลโดยรวมเข้าเป้าเกิน 75 เปอร์เซ็นต์ ได้แก่วันที่แพ้ สเปอร์ส 1-6 โดยวันนั้นเขาผ่านบอลเข้าเป้า 76.7 เปอร์เซ็นต์ ก่อนที่จะโดนถอดออกจากสนามตอนจบครึ่งแรก

สำหรับเกมกับอีก 4 ทีมที่เหลือประกอบไปด้วย 71.1 เปอร์เซ็นต์ ในนัดแพ้ อาร์เซน่อล, 70.5 เปอร์เซ็นต์ในเกมเจ๊า เลสเตอร์, 68 เปอร์เซ็นต์ในศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมตช์ และ 60.6 เปอร์เซ็นต์ ในนัดล่าสุดกับ ลิเวอร์พูล ซึ่งเกมกับ "หงส์แดง" ถือเป็นเกมที่เขาผ่านบอลโดยรวมเข้าเป้าได้น้อยที่สุดกับการเล่นในลีกประจำซีซั่นนี้เลยทีเดียว

- การผ่านบอลที่เป็นจังหวะสำคัญ
เกมกับ เชลซี เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา เป็นการเจอกับทีมใหญ่ที่เขามีผลงานด้านนี้ดีที่สุด ถึงกระน้้นมันก็มีเพียง 4 ครั้งที่การผ่านบอลของเขาในเกมนั้นถือเป็นจังหวะสำคัญ โดยอันดับ 2 ในชาร์ตนี้คือนัดเจอกับ เลสเตอร์ ที่ทำไปได้ 3 ครั้ง ขณะที่เกมกับ แมนฯ ซิตี้ เขามีจังหวะผ่านบอลที่เป็นชอตสำคัญแค่ 2 หน ส่วนเกมกับ สเปอร์ส, อาร์เซน่อล และ ลิเวอร์พูล การผ่านบอลของเขามันเลวร้ายจนมีที่เป็นจังหวะสำคัญแค่หนเดียวเท่านั้น

อีกด้านหนึ่ง ถ้านับรวมเกมทุกนัดแล้วล่ะก็ วันที่เขาผ่านบอลเป็นจังหวะสำคัญมากที่สุดคือเกมกับ เวสต์แฮม ที่ทำได้ถึง 8 หน ทั้งที่ตลอดทั้งเกมเขามีจังหวะผ่านบอลเพียงแค่ 39 ครั้งเท่านั้น