ศึกบิ๊กแมตช์ระหว่าง อาร์เซน่อล เปิดรังรับมือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จบลงด้วยการแบ่งแต้มกันไปหลังเสมอแบบโนสกอร์ ด้วยสถานะการเป็นทีมลุ้นแชมป์ของ แมนฯ​ ยูไนเต็ด การได้แค่แต้มเดียวก็ต้องบอกว่าน่าเสียดายเนื่องจาก “เรือใบสีฟ้า” โกยคะแนนหนีไปแล้ว ส่วนทางฝั่ง “ปืนใหญ่” ที่ไร้ผู้เล่นตัวหลักหลายคนก็ถือว่าน่าพอใจแต่เห็นได้ชัดว่าการขาดคีย์แมนส่งผลกระทบต่อทีมอย่างชัดเจน เรามาวิเคราะห์เจาะลึกประเด็นที่เกิดขึ้นในเกมนี้กัน
1.แมตช์คุณภาพแต่ขาดความคม

    แม้ผลสกอร์จะออกมาแบบไม่มีประตูก็ตามแต่ถ้าใครได้ดูจะรู้ว่าเป็นเกมที่ปล่อยหมัดแลกกันอย่างสนุก ผลัดกันครองบอล และหาโอกาสเข้าทำได้หลายครั้ง ซึ่งสถิติในเกมนี้ อาร์เซน่อล และ แมนฯ ยูไนเต็ด มีโอกาสยิงรวมกันมากถึง 31 ครั้ง แถมทั้งสองทีมยังยิงหลุดกรอบ 8 ครั้งและยิงเข้ากรอบเท่ากันที่ 3 ครั้งอีกด้วย

    ฝั่งเจ้าบ้าน อาร์เซน่อล โอกาสส่วนใหญ่มาจาก นิโกล่าส์ เปเป้ ที่มีโอกาสยิงทั้งหมด 4 ครั้งซึ่งเจ้าตัวก็เหมือนจะแปหลุดกรอบเสาไกลไปหลายรอบทีเดียว แต่จังหวะที่น่าจะได้ประตูขึ้นนำคือลูกฟรีคิกของ ลากาแซตต์ ที่ชนคานอย่างจัง

    ขณะที่ฝั่ง แมนฯ​ ยูไนเต็ด ก็มีโอกาสได้เสียวหลายครั้งเช่นกันโดยเฉพาะจาก เอดินสัน คาวานี่ ที่เกมนี้ผลงานการจบสกอร์ของเขาน่าผิดหวัง ทั้งการแปจ่อๆหน้าประตูหลุดกรอบและการวอลเลย์เฉียดเสาท้ายเกม

2.บรูโน่เกมใหญ่ไม่ใช่ทาง

    บรูโน่ แฟร์นันด์ส ได้รับฉายาเป็น “เดอะ แบก” ของแมนฯ ยูไนเต็ด โดยเฉพาะในฤดูกาลนี้ที่ทำผลงานสุดยอดด้วยการยิง 16 ประตู 14 แอสซิสต์ในทุกรายการ แต่เจ้าตัวยังมีเรื่องต้องพิสูจน์ตัวเองนั่นคือการเล่นกับทีมใหญ่

    ตลอดการเจอกับทีมบิ๊กซิกซ์ทั้ง 6 นัดที่ผ่านมาในฤดูกาลนี้ บรูโน่ ยังคงทำผลงานไม่น่าประทับใจนักทั้งการสร้างสรรค์เกมรุกและการจบสกอร์ เขาเพิ่งยิงแค่ประตูเดียวคือจุดโทษในเกมกับ สเปอร์ส และยังไม่ได้ทำแอสซิสต์เลยสักครั้ง

    เกมนี้เจ้าตัวมีโอกาสทองที่จะปลดล็อกประตูแต่เขาปั่นบอลหลุดกรอบออกไปนิดเดียว แต่เราก็คงมองข้ามเรื่องฟอร์มการเล่นของเขาไปไม่ได้ เขาสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นซึ่งถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานไปมาก

    ช่วงนี้เจ้าตัวยิงประตูและทำแอสซิสต์ในลีกไม่ได้มา 5 นัดติดต่อกันแล้ว ยิ่งเห็นได้ชัดว่าความมั่นใจดูจะหดหายไปพอสมควรซึ่งมันส่งผลต่อเกมรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วย แฟนผีคงหวังว่า บรูโน่ จะปลดล็อกความกดดันให้ได้เร็วที่สุด

3.ขาดซาก้าน่ากังวล

    ผลงาน 5 ประตูกับ 2 แอสซิสต์ในลีกของ บูกาโย่ ซาก้า ทำให้เขาเป็นตัวหลักของ อาร์เซน่อล ในฤดูกาลนี้แม้จะเพิ่งอายุเพียง 19 ปีก็ตาม  ในตอนแรกเจ้าตัวมีรายชื่อเดินทางไปกับเพื่อนร่วมทีมด้วยแต่ถูกถอดชื่อออกเนื่องจากบาดเจ็บสะโพกทำให้พลาดลงสนามในเกมกับ “ผีแดง”

    ซาก้า, สมิธ โรว์ และ ลากาแซตต์ กลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของแนวรุก “ปืนใหญ่” โดยเฉพาะจังหวะการทำชิ่งอย่างลื่นไหลจนช่วยให้ทีมได้ประตูมาหลายครั้ง ซึ่งเมื่อขาด ซาก้า ไป สมิธ โรว์ และ ลากาแซตต์ ก็ดูจะมีประสิทธิภาพลดลงไปสมควร แม้เกมนี้ทีมได้ความคล่องตัวของ นิโกล่าส์ เปเป้ มาทดแทนบ้างซึ่งเขาก็โชว์ฟอร์มได้ดีแต่ขาดแค่จังหวะจบสกอร์ อย่างไรก็ตามถ้าเป็นเรื่องความเข้าใจในเกมรุกคงไม่ผิดหากจะบอกว่า ซาก้า ทำได้ดีกว่า แฟนปืนคงต้องรอเช็กอาการของ ซาก้า และคงหวังว่าจะไม่ร้ายแรงมากนัก

4.ปีกขวาปัญหาเดิม-โซอาเรสฟอร์มเจ๋ง

    ตำแหน่ง “ปีกขวา” ยังคงเป็นปัญหาคาราคาซังของ “ผีแดง” ต่อไป ไม่ว่า โซลชา จะจับใครมาเล่นในตำแหน่งนี้นักเตะก็โชว์ฟอร์มน่าผิดหวัง ฤดูกาลที่แล้ว เมสัน กรีนวู้ด ถูกจับมาเล่นปีกขวาซึ่งช่วงแรกดูเหมือนว่าอาจจะเป็นคำตอบของปัญหา ทว่าตำแหน่งที่ถนัดของเขาควรจะเป็นศูนย์หน้าตัวเป้ามากกว่า

    ฤดูกาลนี้ โซลชา พยายามแก้ปัญหาปีกขวาหลายวิธี โดยวิธีที่เห็นจะใช้มากที่สุดคือการจับ มาร์คัส แรชฟอร์ด มาเล่นซึ่งรวมถึงเกมนี้ด้วย ทว่ามันเป็นการแก้ขัดเท่านั้นแถม แรชฟอร์ด ก็ถูกลดประสิทธิภาพลงไปมากเมื่อย้ายมาเล่นฝั่งขวา ขณะที่ฝั่งซ้ายอย่าง มาร์กซิยาล เองก็อยู่ในช่วงฟอร์มตกด้วย มันเลยทำให้เกมรุกริมเส้นของ “ผีแดง” มีความอันตรายน้อยลงไปมาก

    ตลาดมกราคมนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด คงไม่ใช้จ่ายแล้ว ทางออกทางเดียวที่เหลืออยู่ตอนนี้คงเป็นการดัน อาหมัด ดิยัลโล่ ปีกขวาดาวรุ่งที่เพิ่งย้ายมาร่วมทัพอย่างเป็นทางการในเดือนนี้ขึ้นมาทีมชุดใหญ่ เขาเพิ่งจะประเดิมสนามในชุดยู-23 ด้วยการทำสองประตู คงต้องรอดูกันต่อไปว่าเจ้าหนูคนนี้จะมีโอกาสได้ลงเล่นทีมชุดใหญ่เมื่อไหร่

    ในทางกลับกันเราต้องยกเครดิตให้กับแบ็กซ้ายอย่าง เซดริก โซอาเรส ที่แม้จะเป็นตำแหน่งไม่ถนัดแต่เจ้าตัวยังทำผลงานยอดเยี่ยม การขาดหายไปของ เทียร์นี่ย์ ที่บาดเจ็บใน 3 นัดหลังสุดสร้างความกังวลกับแฟนปืนอย่างมากเนื่องจากฤดูกาลนี้ เทียร์นี่ย์ ถือเป็นผู้เล่นที่โชว์ฟอร์มคงเส้นคงวามากที่สุด

    แต่ โซอาเรส ที่เริ่มต้นค้าแข้งกับทัพ “ปืนใหญ่” ในบทบาทตัวสำรองมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ก็โชว์ให้เห็นความหลากหลายของเขา การโยกมาเล่นแบ็กซ้ายไม่ได้ทำให้เจ้าตัวฟอร์มหดลงแม้แต่น้อย การประกบ แรชฟอร์ด แบบอยู่หมัดถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของเขา ถ้า เทียร์นี่ย์ กลับมาตำแหน่งนี้ก็น่าจะมีการแข่งขันกันสนุกทีเดียว

5.เจอบิ๊กซิกซ์ยังไร้ชัยแต่ทำสถิติเจ๋ง

    ถ้า แมนฯ ยูไนเต็ด พลาดเป้าหมายที่ตัวเองตั้งไว้ในฤดูกาลนี้ พวกเขาคงต้องย้อนกลับมามองสถิติในการเจอกับทีมบิ๊กซิกซ์ ความจริงมันถือเป็นจุดแข็งของพวกเขาเมื่อฤดูกาลที่แล้ว แต่ทว่าซีซั่นนี้ “ผีแดง” ยังคงไร้ชัยจากการลงเล่น 6 นัดกับทีมบิ๊กซิกซ์และที่สำคัญคือพวกเขายิงได้แค่ประตูเดียวเท่านั้น โดยแพ้ 2 และเสมอ 4 เกม

    4 ตุลาคม 2020 แมนฯ ยูไนเต็ด 1-6 สเปอร์ส

    24 ตุลาคม 2020 แมนฯ ยูไนเต็ด 0-0 เชลซี

    1 พฤศจิกายน 2020 แมนฯ ยูไนเต็ด 0-1 อาร์เซน่อล

    12 ธันวาคม 2020 แมนฯ ยูไนเต็ด 0-0 แมนฯ ซิตี้

    17 มกราคม 2021 ลิเวอร์พูล 0-0 แมนฯ ยูไนเต็ด

    30 มกราคม 2021 อาร์เซน่อล 0-0 แมนฯ ยูไนเต็ด

    อย่างไรก็ตามการเสมอกับ อาร์เซน่อล 0-0 ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด สร้างสถิติใหม่คือการไร้พ่ายเกมเยือนในลีกติดต่อกัน 18 นัดซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของสโมสร (ชนะ 13 เสมอ 5) และถือเป็นทีมที่เก็บแต้มจากทีมเยือนมากที่สุดหากนับในช่วงเวลาเดียวกัน (เริ่มตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2020)

    แมนฯ ยูไนเต็ด เยือน 18 นัดเก็บ 44 แต้ม

    แมนฯ ซิตี้ เยือน 15 นัดเก็บ 27 แต้ม

    เลสเตอร์ ซิตี้ เยือน 16 นัดเก็บ 25 แต้ม