แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คงต้องย้อนกลับมามองนัดนี้ด้วยความเสียดายหากพลาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก เนื่องจากพวกเขาเล่นเหนือกว่า เอฟเวอร์ตัน มากและนำคู่แข่งจนถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บ สุดท้ายทำแต้มหล่นแบบหน้าตาเฉย คงต้องชมลูกทีมของ คาร์ดล อันเชล็อตติ ที่สู้ไม่ถอยจริงๆ เกมนี้มีประเด็นมากมายให้พูดถึง มาเจาะลึกกันทีละข้อเลย
1.ทอฟฟี่ของชอบคาวานี่

    เกมนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ใช้เวลาอยู่ประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงก็สามารถปลดล็อกประตูแรกได้แล้วซึ่งคนยิงไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือ "เอล มาทาดอร์" เอดินสัน คาวานี่ นั่นเอง นี่เป็นประตูที่ 7 ของเขากับ “ปีศาจแดง” รวมทุกรายการและเป็นอีกครั้งที่เขาโชว์ให้เห็นถึงการยืนตำแหน่งที่เพอร์เฟคในเขตโทษและการโหม่งประตูที่เฉียบขาด

    ย้อนกลับไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว คาวานี่ ประเดิมประตูแรกในพรีเมียร์ลีกด้วยการยิง เอฟเวอร์ตัน ในช่วงท้ายเกม ต่อมาในศึกคาราบาว คัพ เขาก็เป็นคนซัดประตูสุดสวยท้ายเกมเขี่ย “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” ตกรอบ มาเกมนี้กองหน้าชาวอุรุกวัยโขกประตูใส่ทีมเดิมอีกแล้ว 3 ประตูกับ 3 เกมที่เจอกับ เอฟเวอร์ตัน คาวานี่ น่าจะถูกโฉลกกับทีมนี้จริงๆ

2.รูปเกมดีแต่เสียสมาธิ

    หากใครดูผลการแข่งขันอย่างเดียว น่าจะคิดว่าเป็นเกมที่แลกกันสุดมันส์แต่มันไม่เป็นเช่นนั้น ความจริง แมนฯ​ ยูไนเต็ด เล่นได้เหนือกว่าทาง เอฟเวอร์ตัน อย่างชัดเจนทั้งการครองบอล (62%) และโอกาสยิงประตู (14 ครั้ง เข้ากรอบ 5 ครั้ง) ซึ่งพวกเขาก็ได้มาถึงสองประตูในครึ่งแรกจากความยอดเยี่ยมของ เอดินสัน คาวานี่ และประตูสุดสวยของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส

    อย่างไรก็ตามเริ่มต้นครึ่งหลังมา เอฟเวอร์ตัน รัวสองประตูรวดในนาทีที่ 49 และ 52 ซึ่งเกิดมาจากความผิดพลาดของเกมรับทั้ง ดาบิด เด เคอา ที่ปัดบอลเข้าทางคู่แข่งและ เฟร็ด ที่หลุดตัวประกบ “ผีแดง” เหมือนเสียสมาธิไปชั่วครู่หนึ่งและเป็นทาง เอฟเวอร์ตัน ที่ฉกฉวยโอกาสนั้นไว้ได้อย่างคุ้มค่า

    หลังจากนั้นรูปเกมก็กลับมาเหมือนกับครึ่งแรก แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายเดินหน้าเข้าหาคู่แข่งและมาทำประตูขึ้นนำได้จากลูกโหม่งของ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ จนกระทั่งเกมดำเนินมาถึงทดเวลาบาดเจ็บ “ผีแดง” ที่ชวดโอกาสทำประตูเพิ่มจึงถอยลงไปตั้งรับและ อั๊กเซล ตวนเซเบ้ ที่ถูกส่งลงมาท้ายเกมก็มาพลาดทำฟาวล์คู่แข่งกลางสนาม

    สุดท้ายฟรีคิกกลางสนามนี่แหละส่งผลให้ “ผีแดง” ต้องน้ำตาตกเนื่องจาก คัลเวิร์ต-ลูวิน ยิงประตูตีเสมอแบบเจ็บแสบโดยที่ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ยืนห้อยเป็นตัวสุดท้ายทำให้ คัลเวิร์ต-ลูวิน ไม่ล้ำหน้า เอฟเวอร์ตัน ใช้การยิงตรงกรอบ 3 ครั้งเปลี่ยนมันเป็น 3 ประตู ต้องให้เครดิตลูกทีม อันเชล็อตติ ที่ใช้โอกาสไม่เปลืองจริงๆ

3.เซ็ตพีซเจ้าปัญหา

    จากข้อ 2 นำมาสู่ข้อ 3 ประตูของ คัลเวิร์ต-ลูวิน ส่งผลให้ “ผีแดง” กลายเป็นทีมที่เสียประตูมากที่สุดในบรรดาท็อป 10 หรือครึ่งบนของตารางตอนนี้ และเป็นอีกครั้งที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เสียประตูจากลูกเซ็ตพีซซึ่งครั้งนี้ส่งผลเสียหายถึงชวดสามแต้มเลยทีเดียว

    เมื่อดูสถิติแล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่เสียประตูจากลูกเซ็ตพีซมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของลีก โดยเสียไปทั้งหมด 9 ประตูร่วมกับ คริสตัล พาเลซ ถือเป็นจุดอ่อนที่ โซลชา ต้องแก้ไขโดยด่วน แม้พวกเขามีกองหลังเจ้าเวหาอย่าง แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ที่เอาชนะลูกกลางอากาศอันดับต้นๆของพรีเมียร์ลีกแต่กลับเสียประตูจากลูกเซ็ตพีซบ่อยครั้งเหลือเกิน

    หากจะโทษแม็กไกวร์คนเดียวก็คงไม่ได้ แต่เขาเป็นกัปตันทีมต้องคอยจัดระเบียบซึ่งต้องทำได้ดีกว่านี้ เห็นได้จากรูปด้านบนการเช็กล้ำหน้ายังมีข้อผิดพลาดอย่างชัดเจน โซลชาเคยพูดถึงปัญหาการป้องกันลูกเซ็ตพีซมาแล้วในตอนที่พวกเขาเสียท่าให้กับ จอห์น สโตนส์ ของ แมนฯ ซิตี้ จนตกรอบ คาราบาว คัพ แต่จนบัดนี้พวกเขายังแก้เรื่องนี้ไม่ได้เสียที หลังจากนี้คงต้องดูกันต่อไปโซลชาจะติวเข้มอย่างไรกับปัญหานี้

4.ป็อกบาเจ็บเสียหายหนัก

    นอกจากเกมนี้ “ผีแดง” จะทำแต้มหล่นอย่างน่าเสียดายแล้ว สิ่งที่เจ็บช้ำยิ่งกว่าคือพวกเขาต้องเสีย ปอล ป็อกบา ที่ได้รับบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว เหมือนเจ้าตัวจะมีอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อขาขวาหลังจากส่งบอลให้เพื่อนร่วมทีม สุดท้ายเขาต้องถูกเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่นาทีที่ 39 และให้ เฟร็ด ลงมาเล่นแทนซึ่งหลังจากนั้นคุณภาพเกมรุกของทีมดร็อปลงไปโดยเฉพาะลูกยิงจากแถวสองที่ เฟร็ด ยังทำได้ไม่ค่อยดีนัก

    ปอล ป็อกบา กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มร้อนแรงหลังจากช่วยยิงประตูชัยในเกมกับ เบิร์นลี่ย์ และ ฟูแล่ม จนได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของสโมสรประจำเดือนมกราคมที่ผ่านมา น่าเสียดายที่เขาต้องมาบาดเจ็บและต้องกลับไปเรียกฟอร์มใหม่อีกครั้ง คงต้องตามกันต่อไปว่าเขาจะต้องพักเป็นเวลานานแค่ไหน

    ถ้าหากเขาต้องพักยาวมันจะส่งผลเสียหายใหญ่หลวงต่อทีมที่กำลังลุ้นแชมป์อยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม โซลชา มีนักเตะให้เลือกมากมายในตำแหน่งมิดฟิลด์ไม่ว่าจะเป็น เนมานย่า มาติช, เฟร็ด หรือ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค นี่จะเป็นโอกาสที่พวกเขาทั้งสามจะได้แสดงฝีมือแบบเต็มพิกัด โดยเฉพาะ ฟาน เดอ เบ็ค ที่จำนวนเกมที่ลงเล่นยังน้อยอยู่

5.ขาดความเก๋า

    การเสมอนัดนี้ส่งผลให้ โซลชา ทำสถิติเลวร้ายอีกแล้วเพราะนี่เป็นเพียงครั้งที่สองเท่านั้นในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด แล้วนำคู่แข่งตั้งแต่ 2 ประตูขึ้นไปในครึ่งแรกแต่พลาดคว้าชัยชนะ ซึ่งครั้งแรกเกิดขึ้นในเกมเสมอ เวสต์บรอมฯ 2-2 ในปี 2010

    แมนฯ ยูไนเต็ด ทำแต้มหล่นถึง 7 แต้มจาก 11 วันที่ผ่านมา สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาขาดความนิ่งและความเก๋าในการลุ้นแชมป์ นักเตะของโซลชาชุดนี้ยังมีประสบการณ์ในการลุ้นโทรฟี่น้อยเกินไป เมื่อเจอความกดดันมากๆพวกเขาก่อความผิดพลาด อย่างที่เห็นในเกมพ่าย เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เมื่อเดือนที่แล้วซึ่งตอนแรกหลานคนคิดว่ามันน่าจะเป็นแค่อุบัติเหตุ แต่ต่อมาการเสมอกับ เอฟเวอร์ตัน ก็คงได้ชัดเจนว่า “ผีแดง” ต้องทำการบ้านให้หนักมากขึ้น

    ไม่รู้ว่าการทำแต้มหล่นครั้งนี้จะเสียหายมากขนาดไหน ต้องขึ้นอยู่กับเกมบิ๊กแมตช์ ลิเวอร์พูล ปะทะ แมนฯ ซิตี้ ในคืนนี้ด้วย แต่ที่สำคัญเลยพวกเขาต้องนำความเจ็บช้ำนี้ไปเป็นบทเรียนและต้องไม่พลาดซ้ำๆแบนี้อีก