แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เข้าสู่สัปดาห์หฤโหดเมื่อพวกเขาต้องลงสนาม 2 เกมในรอบ 3 วัน ซึ่งแน่นอนว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชา นายใหญ่ "ผีแดง" จำเป็นต้องขบคิดอย่างหนักในการจัดตัวผู้เล่นให้เหมาะสมที่สุด

"เร้ด เดวิลส์" มีคิวดวล เลสเตอร์ ซิตี้ ในวันอังคารนี้ จากนั้นพวกเขาได้พักแค่วันเดียวก็ต้องทำศึก "แดงเดือด" ปะทะกับ ลิเวอร์พูล ซึ่งเลื่อนมาจากช่วงต้นเดือนพ.ค. ในวันพฤหัสบดี นั่นคงทำให้สภาพร่างกายของนักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด ต้องกรำศึกหนักเลยทีเดียว
 
อย่างไรก็ตามหากมองอีกมุม ถ้า โซลชา สามารถนำทีมปราบ เลสเตอร์ และ ลิเวอร์พูล ได้ นั่นหมายความว่าพวกเขาจะตามหนัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เหลือแค่ 4 คะแนนเท่านั้น ดังนั้นนี่อาจจะเป็นแรงจูงใจสำคัญสำหรับ "น้าลูกอม" ในช่วงโปรแกรมแน่นเอี๊ยดก็ได้

1. ต้อนรับสัญญาใหม่ คาวานี่

ถือเป็นฤกษ์งามยามดีสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ได้รับข่าวที่แสนน่าตื่นเต้นเมื่อ เอดินสัน คาวานี่ ตัดสินใจสลัดน้ำหมึกขยายสัญญาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกไป 1 ปี หรืองสิ้นเดือนมิถุนายน ปี 2022 เป็นที่เรียบร้อย

แน่นอนว่านี่คือสัญญาณที่ยอดเยี่ยมสำหรับบรรดาแข้ง "ปีศาจแดง" เพราะพวกเขาจะมี "เอล มาทาดอร์" อยู่ช่วยไล่ล่าความสำเร็จในฤดูกาลหน้า ฉะนั้นเกมที่เหลืออยู่ในซีซั่นนี้จะทำให้พวกเขาแสดงให้ คาวานี่ ได้เห็นว่าการตัดสินใจเลือกอยู่ในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด

สำหรับแมตช์ที่ต้องรับมือ เลสเตอร์ ซิตี้ น่าจะเป็นเกมที่ โซลชา คงจะกระตุ้นลูกทีมในการจัดการกับคู่แข่งให้สิ้นซาก เพื่อเป็นการต้อนรับข่าวดีที่ คาวานี่ ตกลงอยู่กับทีมต่อไป และยังเป็นการแก้เผ็ดทัพ "จิ้งจอกสยาม" ที่เขี่ยพวกเขาตกรอบก่อนรองชนะเลิศ ศึกเอฟเอ คัพ

อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมว่าแมตช์นี้ทีมของกุนซือเบรนแดน ร็อดเจอร์ส คงเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี เพราะพวกเขาไม่สามารถพลาดท่าได้เลย ซึ่งหากดันทะลึ่งแพ้ "ผีแดง" นั่นหมายความว่าสถานการณ์ลุ้นท็อปโฟร์ของพวกเขาเริ่มสั่นคลอนขึ้นเรื่อยๆ

ดีไม่ดีเหตุการณ์เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา ที่พวกเขาพลาดท่า แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกมสุดท้าย ส่งผลให้อดได้โควตาไปลุยศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อาจจะตามมาหลอกหลอนก็เป็นได้

2. จับตาสถานการณ์ประท้วง

เรื่องราวการประท้วงขับไล่ตระกูลเกลเซอร์ของบรรดาแฟนผีโปรเจกต์ยังไม่จบสิ้น เพราะดูเหมือนว่าพวกเขายังไม่บรรลุเป้าหมายที่ต้องการ นั่นก็คือการเห็นตระกูลนักธุรกิจชาวอเมริกัน ขายสโมสรและกลับไปทำมาหารับประทานที่บ้านเกิดเมืองนอน

คงจำกันได้ว่าศึก "แดงเดือด" เมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคมจำเป็นต้องเลื่อนออกไป เพราะเกิดเหตุวุ่นวายของบรรดาสาวก "เร้ด อาร์มี่" ที่รวมตัวกันประท้วงหน้า "โรงละครแห่งความฝัน" เพื่อหวังกดดันครอบครัวเกลเซอร์ให้ออกไปจากสโมสรอันเป็นที่รักของพวกเขา

เหตุการณ์ดังกล่าวอลหม่านวุ่นวาย และที่ทำให้เกมจำเป็นต้องยกเลิกเพราะดันมีแฟนบอลบางกลุ่มบุกเข้าไปในสนาม และยังมีรายงานว่าพวกเขาบุกไปถึงห้องแต่งตัวของนักเตะ ซึ่งถือว่าเป็นการผิดกฎเรื่องความปลอดภัย รวมทั้งยังแหกกฎการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วย

อย่างไรก็ตามการประท้วงดูเหมือนยังไม่จบ เพราะมีรายงานออกมาอย่างชัดเจนว่า แฟนบอลแมนฯ ยูไนเต็ด เตรียมที่จะทำการประท้วงต่ออีกครั้ง โดยจะเริ่มต้นในเกมรับมือ เลสเตอร์ ซิตี้ วันอังคารนี้ จากนั้นก็จะยกระดับการประท้วงในแมตช์รับมือ ลิเวอร์พูล ที่เลื่อนมาแข่งในวันพฤหัสบดี

สำหรับตอนนี้สโมสรได้ใช้มาตรการเพื่อเสริมความปลอดภัยรอบ ๆ สนาม โดยการติดตั้งสิ่งกีดขวางใหม่ โดยมีแนวโน้มว่าการประท้วงอาจจะเกิดขึ้นได้ แต่จะรุนแรงเท่ากับครั้งแรกหรือเปล่า ต้องรอดูสถานการณ์ในวันอังคารนี้เป็นอันดับแรก

3. โซลชา เอาจริงแค่ไหนเกมนี้

หนึ่งในประเด็นที่มีการพูดถึงกันมากตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ นั่นก็คือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา จะจัดนักเตะชุดที่แข็งแกร่งที่สุดลงสนามในช่วงโปรแกรมแน่นเอี๊ยด แบบเต็ม 2 เกม ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 50 ชั่วโมง

เริ่มจากเกมพบ เลสเตอร์ ในวันอังคารนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่ "น้าลูกอม" จะเลือกใช้งานแข้งสำรองกับดาวรุ่งลงสนาม เพราะพวกเขาอาจจะเลือกใช้นักเตะตัวหลักแต่คงไม่เยอะ ในแมตช์ที่ต้องรับมือ ลิเวอร์พูล วันพฤหัสบดี ซึ่งถือเป็นเกมแห่งศักด์ศรี และสาวก "เร้ด อาร์มี่" ก็อยากเห็นทีมรักฉีกเนื้อ "หงส์แดง" เป็นชิ้นๆ 

นี่คือเหตุผลที่ทำให้บรรดาทีมที่กำลังลุ้นท็อปโฟร์ไม่ว่าจะเป็น เลสเตอร์, ลิเวอร์พูล, เวสต์แฮม ยูไนเต็ด และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ หรือแม้แต่ เอฟเวอร์ตัน รู้สึกเป็นกังวลว่า โซลชา อาจจะจัดทีมที่ไม่แกร่งลงสนามช่วงสัปดาห์นี้

ที่สำคัญการที่ นายใหญ่ชาวนอร์เวย์ ออกมาเปรยว่าเขาจะให้ความสำคัญกับสุขภาพของลูกทีมเพราะการลงสนามแบบถี่ยิบแบบนี้ส่งผลต่อสภาพร่างกายของนักเตะ มากกว่าเรื่องที่มีบางสโมสรต้องลุ้นทำคะแนนเพื่อคว้าโควตายูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

อย่างไรก็ตามด้วยสไตล์ของ โซลชา แล้วเขาคงไม่ดร็อปผู้เล่นตัวจริงแบบครึ่งทีมแน่นอน แต่พวกคีย์แมนอย่าง บรูโน่ แฟร์นันด์ส, ปอล ป็อกบา และ มาร์คัส แรชฟอร์ด อาจจะได้พักเต็มที่ ซึ่งอาจจะลามไปถึงศึก "แดงเดือด" ก็ได้

กระนั้นหากมองอีกมุม โซลชา อาจจะเอาจริงทั้งสองเกม เพราะถ้าพวกเขาชนะหมด จะทำให้แต้มตามหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เหลือแค่ 4 คะแนน ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการเปิดโอกาสในการลุ้นแชมป์ลีกช่วงโค้งสุดท้ายพอดี เพราะไม่แน่ "เรือใบสีฟ้า" อาจพลาดท่าให้กับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ในเกมวันศุกร์ก็ได้

4. ใครจะเป็นหอคอยคู่แบ็กโฟร์

สถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงที่สุดสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเวลานี้ก็คือเกมรับ เพราะ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เพิ่งได้รับบาดเจ็บหนักที่ข้อเท้าในเกมบุกชนะ "สิงห์ผงาด" แอสตัน วิลล่า 3-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

ในเวลานี้ แม็กไกวร์ หมดสิทธิ์ลงสนามทั้ง 2 แมตช์ช่วงสัปดาห์นี้แน่นอน เพราะ โซลชา ไม่อยากเสี่ยงใช้งานเขาทั้งๆ ที่สภาพร่างกายมีปัญหา เพราะทีมยังมีภารกิจใหญ่ที่สำคัญมากๆ นั่นก็คือการเล่นนัดชิงชนะเลิศ ศึกยูฟ่า ยูโรปา ลีก พบ บียาร์เรอัล ช่วงปลายเดือนพ.ค.นี้

ฉะนั้น "น้าลูกอม" จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้คู่เซนเตอร์แบ็กที่อาจทำให้แฟนบอล "ผีแดง" เสียวสันหลังสุดๆ นั่นก็คือการส่ง เอริก ไบยี่ ยืนคู่กับ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ มากกว่าที่จะเห็น อั๊กเซล ตวนเซเบ้ ลงสนามเป็นตัวจริงในแมตช์นี้

แม้ว่าทั้ง ไบยี่ กับ ลินเดอเลิฟ ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในช่วงที่ผ่านมาก็ตาม แต่อย่าลืมว่าทั้งสองคนมักจะไม่มีความสม่ำเสมอเรื่องฟอร์มการเล่น เพราะวันไหนเล่นดีก็ดีใจหาย วันไหนเล่นแย่ก็แย่จนทำให้ทีมเสียหาย

ด้วยเหตุนี้หาก โซลชา จำเป็นต้องใช้งานคู่นี้จริงๆ สิ่งที่สาวก "เร้ด อาร์มี่" ทำได้ก็คือต้องภาวนาให้พวกเขาระเบิดฟอร์มเหนียวแน่นให้ได้ เพราะไม่งั้นอาจโดนทีเด็ดของ เจมี่ วาร์ดี้ กับ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ซึ่งฟอร์มกำลังโหดอยู่ด้วยในตอนนี้

5. ระวัง อิเฮียนาโช่ เอาไว้ให้ดีๆ

หลายคนอาจจะมองว่านักเตะที่อันตรายที่สุดของ เลสเตอร์ คงหนีไม่พ้น เจมี่ วาร์ดี้ ซึ่งนั่นก็ไม่ผิด แต่ตอนนี้พวกเขายังมีแข้งที่อันตรายพอๆ กัน นั่กน็คือ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ซึ่งตอนนี้บอกเลยว่าฟอร์มกำลังขึ้นหม้อเลยทีเดียว

ผลงานของ อิเฮียนาโช่ ฟอร์มสุดๆ เพราะเขาตะบันไปแล้ว 10 ประตูจากการลงเล่น 9 เกมลีกที่ผ่านมา แน่นอนว่านี่คือผลงานที่คงทำให้แนวรับที่ค่อนข้างเปราะบางของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องระมัดระวังเอาไว้ให้ดีๆ

ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น กองหน้าอนาคตไกลทีมชาติไนจีเรีย ถือเป็นหัวหอกของแสลงสำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด จริงๆ เพราะเขาเกี่ยวข้องโดยตรงกับ 5 ประตูที่ต้นสังกัดตะบันใส่ "ผีแดง" ในทุกรายการ โดยแบ่งเป็นซัด 3 ประตูกับ 2  แอสซิสต์ ล่าสุดก็ตะบัน 2 ลูกพร้อมทำ 1 แอสซิสต์ในเกมทุบ แมนฯ ยูฯ 3-1 ศึกเอฟเอ คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย

งานนี้บอกเลยว่าคู่เซนเตอร์ของ "ปีศาจแดง" เหนื่อยสายตัวแทบขาดแน่ เพราะไหนจะระแวด วาร์ดี้ แล้ว พวกเขาต้องระวัง อิเฮียนาโช่ ด้วย....หากคิดในแง่บวกก็ถือเป็นการซ้อมใหญ่ก่อนต้องเจอกับสามประสานหฤโหดของ ลิเวอร์พูล !!