ในที่สุด โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ก็เปรียบได้กับแมวเก้าชีวิต
    
หลังคุมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้คารังให้กับ ลิเวอร์พูล 5-0 นายใหญ่ชาวนอรเวย์ก็กลับมามีสง่าราศรีมากขึ้นเป็นกองจากผลงานคุมทีมบุกมาถล่ม สเปอร์ส ม่อยกระรอก 3-0

บอกได้เลยว่ามันเป็นฟอร์มการเล่นอันแสนเปล่งปลั่งของ ปีศาจแดง และเป็นชัยชนะที่คู่ควรโดยแท้ของทีมจาก โอลด์ แทรฟฟอร์ด

เชื่อเหลือเกินว่าตลอดทั้งสัปดาห์หลังประสบกับความอับอายในเกมแดงเดือด โซลชา ย่อมต้องครุ่นคิดหาวิธีปลุก ผีร้าย ให้กลับมาอาละวาดหลอกหลอนคู่แข่งจนขนหัวลุกให้ได้อีกครั้ง

และปรากฏว่าเขาทำได้สำเร็จเมื่อ แมนฯ ยูไนเต็ด ผลิตสกอร์ได้อย่างน่าประทับใจในเกมที่ลอนดอนจากฝีเท้าของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ , เอดินสัน คาวานี่ และ มาร์คัส แรชฟอร์ด

จากที่ว่ากันว่าจ่อตกเก้าอี้ มันพลิกผันเป็น นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ กุนซือทีม สเปอร์ส แทนแล้วที่อาจตกงานก่อน โซลชา ก็เป็นได้

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น นี่คือคำตอบ 4 ข้อที่กุนซือหน้าทารกล่วงรู้อย่างแจ่มแจ้งแล้วว่าเขาสมควรกุมบังเหียน ปีศาจแดง แบบไหน

1. เลือกประสบการณ์ก่อนคนหนุ่ม

ปฏิเสธไม่ได้ว่า โซลชา ตกอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างมหาศาลในเกมบุกมาเยือน สเปอร์ส เพราะหากเขามีผลงานที่เลวร้ายต่ออีกนัด บางทีมันอาจหมายถึงอนาคตของเขากับ แมนฯ ยูไนเต็ด
 
และในที่สุด เขาก็เลือกปรับหมากการเล่นจากระบบโปรด 4-2-3-1 มาเป็น 5-2-1-2  แม้จะยังเลือกใช้บริการหัวหอกรายเดียวเช่นเดิมก็ตาม

แฮร์รี่ แม็กไกวร์ , ลุค ชอว์ และ อาร่อน วาน บิสซาก้า สามปราการหลังที่โดนสวดเละจากเกมแพ้ ลิเวอร์พูล ยังได้อยู่ในทีมต่อ แต่ถูกขนาบข้างด้วยการมีวิงแบ็คคอยช่วยงาน

กระนั้นก็ดี เมสัน กรีนวู้ด กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด ต้องหลีกทางให้กับเสือเฒ่าอย่าง เอดินสัน คาวานี่ ขณะที่ ราฟาแอล วาราน ก็ฟิตกลับมาใช้ประสบการณ์ช่วยเกมรับได้เยี่ยม

และจากที่เห็น กองหน้าอุรุกวัยร่วมร่ายเพลงเตะกับ โรนัลโด้ ได้อย่างลงตัว สร้างความเสียหายให้กับ สเปอร์ส ได้อย่างมหาศาลอันน่าจะกลายมาเป็นแบบฉบับการเล่นใหม่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ค่อนข้างแน่แล้ว

เพราะมันหมายความว่า ผีแดง สามารถเล่นเกมรุกได้อย่างเต็มศักยภาพสมกับที่แฟนบอลถวิลหา และมันเป็นจุดแข็งของทีมที่สามารถทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามได้

2. ยึดมั่นในตัว โรนัลโด้ ต่อ

ใครก็ตามที่ดร็อป โรนัลโด้ ออกไปจาก 11 ตัวแรก ต้องบอกว่าเขาคนนั้นเป็นผู้จัดการทีมที่กล้ามาก และ โซลชา ก็เคยทำมาแล้ว
 
แม้จะไม่มีใครหยั่งรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในสนาม แต่การไว้วางใจในตัวดาวซัลโวโปรตุกีสย่อมน่าอุ่นใจกว่า

สำหรับสตาร์วัย 36 ปีอาจมีเสียงวิจารณ์ว่าเขาทำให้ทีมเสียระบบที่จำเป็นต้องยึดเขาเป็นศูนย์กลางของจักรวาล แต่ไม่ว่าจะยังไง ฟุตบอลแพ้ชนะกันที่การยิงประตู ไม่ใช่เรื่องไหนทั้งนั้น

แน่นอนว่า โรนัลโด้ อาจไม่ชอบวิ่งไล่บอลจากคู่แข่ง ไม่สนใจถอยลงไปช่วยเกมรับ แต่ในเรื่องการยิงประตู เขาเป็นที่พึ่งของทีมได้เสมอ

และที่สำคัญ ทุกคนได้ประจักษ์กันแล้วว่านักเตะอายุ 36 ปีพังประตู สเปอร์ส ได้อย่างคมกริบขนาดไหนกับการวอลเลย์ลูกโยนยาวของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ผ่านมือ อูโก้ โยริส โดยไม่จำเป็นต้องเสียเวลาจับแต่งบอลเลย

3. คู่กลาง "แม็คเฟร็ด" ยังอยู่

กองกลางตัวรับยังเป็นจุดที่แฟนบอล ผีแดง กังขา และคาใจมานานแล้ว

แม้จะว่าไป เฟร็ด กับ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ จะไม่ใช่มิดฟิลด์ตัวรับระดับแนวหน้าของวงการ แต่ทั้งคู่โชว์ฟอร์มได้ดีในเกมบู๊กับ สเปอร์ส

และที่สำคัญ โซลชา ไม่มีอ็อปชั่นให้เลือกมากสำหรับพื้นที่ตรงนี้ในเมื่อเขาไม่สู้จะไว้ใจ เนมานย่า มาติช และ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค สักเท่าไหร่

จนในที่สุด หลังแพ้ หงส์แดง มาแบบยับเยิน ดาวเตะเลือดสกอตต์ก็เป็นพลังขับเคลื่อนที่ดี ขณะที่กองกลางทีมชาติบราซิลมีโอกาสส่องไกลในครึ่งแรกทักทาย โยริส ซะด้วย

ไม่ต้องสงสัยว่า แมนฯ ยูไนเต็ด มีแผนช็อปปิ้งมิดฟิลด์ตัวรับในปี 2022 แน่ แต่สำหรับทุกวันนี้ "แม็คเฟร็ด" ยังดูดีที่สุดในทีม ผีแดง

4. สนับสนุน วาน บิสซาก้า

รอย คีน อดีตกองกลางกัปตันทีม แมนฯ ยูไนเต็ด มักวิจารณ์นักเตะ ผีแดง ชุดปัจจุบันในฐานะกูรูแบบเสียๆหายๆอยู่เสมอ

และโดยเฉพาะ อาร่อน วาน บิสซาก้า เป็นหนึ่งในนั้นที่ถูกอดีตฮาร์ดแมนชาวไอริชโจมตีมากที่สุด

"ผมไม่คิดว่า พาเลซ จะนึกอยากคว้าเขากลับไปอีกแล้ว เขาไม่ดีพอสำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด เขาครองบอลไม่ได้ เขาไม่รู้ว่าจะตัดสินใจเล่นยังไง" คีโน่ อัดแหลกแบ็คขวาค่าตัว 50 ล้านปอนด์

แต่จากที่เห็นในเกมกับ ไก่เดือยทอง กองหลังวัย 23 ปีรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองได้ดี และท่าจะชอบบทบาทวิงแบ็คฝั่งขวาซะด้วยเนื่องจากมันทำให้เขามีอิสระในการเล่นมากขึ้น

กระทั่งกองหน้าฝีเท้าจัดอย่าง ซน ฮึง มิน ก็ถึงกับไปไม่เป็นเมื่อถูก วาน บิสซาก้า ไล่ตามประกบเป็นเงาตามตัว

ในฐานะกองหลังหนุ่ม เขาอาจมีเกมที่เลวร้าย แต่ไม่ว่าจะยังไงเขายังสามารถพัฒนาต่อไปได้เพื่อปลดปล่อยฟอร์มที่ดีที่สุดของตัวเองออกมา