ปิดซีซั่น พรีเมียร์ลีก 2022/23 ไปอย่างชื่นมื่นสำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งปักหลักลงเล่นใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด พิชิต ฟูแล่ม ได้สำเร็จด้วยสกอร์ 2-1 จากการฟาดแข้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 พ.ค. แม้จะถูก เจ้าสัวน้อย บุกมาข่มขวัญด้วยการพังประตูออกนำไปก่อนก็ตาม

อย่างไรก็ดี หลังจากยึดอันดับสามของตารางได้สำเร็จ รวมทั้งมีแชมป์ คาราบาวคัพ ติดมืออยู่ก่อนแล้ว แต่ภารกิจในซีซั่นนี้ของ เร้ด เดวิลส์ ยังไม่ยุติเนื่องจากพวกเขามีคิวปะทะกับ แมนฯ ซิตี้ อริร่วมเมืองในเกมชิงถ้วย เอฟเอคัพ ที่สนาม เวมบลีย์ ในวันเสาร์ที่ 3 มิ.ย.รออยู่อีกนัด

1. ผีปรับทัพครึ่งโหล

แมนฯ ยูไนเต็ด เปลี่ยนทีมตัวจริงจากนัดยำใหญ่ เชลซี 4-1 ลงเล่นเกมปิดซีซั่นหกตำแหน่ง และทั้ง 11 รายเป็นไปอย่างที่ แมนเชสเตอร์ อีฟนิ่ง นิวส์ สื่อท้องถิ่นคาดหมายทุกประการ

นายทวารยังเป็น ดาบิด เด เคอา เช่นเดิม แต่แผงหลังสลับให้ ดีโอโก้ ดาโลต์ , แฮร์รี่ แม็กไกวร์ และ ไทเรลล์ มาลาเซีย ได้ลงบู๊

นอกนั้น เฟร็ด , มาร์คัส แรชฟอร์ด และ อเลฮานโดร การ์นาโช่ เป็นอีกสามรายที่ได้ลงสนามตั้งแต่ต้นเกม

2. เจ้าสัวน้อย เปลี่ยนมิดฟิลด์หนึ่งตำแหน่ง 

มาร์โก ซิลวา นายใหญ่ทีม ฟูแล่ม คุมทัพมาเยือน โอลด์ แทรฟฟอร์ด โดยมีการเปลี่ยนทีมตัวจริงรายเดียวเท่านั้น

กุนซือ เจ้าสัวน้อย เลือกปรับทัพในแดนกลางโดยส่ง ซาซ่า ลูคิช ลงสนามขณะที่ แฮร์ริสัน รีด มีชื่อเป็นตัวสำรอง

3. เด เคอา เซฟลูกโทษ!!! 

ถือเป็นไฮไลต์ของครึ่งแรกเลยก็ว่าได้เมื่อ กาเซมีโร่ ทำฟาวล์จนเสียลูกโทษ และมีแววว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะเสียประตูเพิ่มจนตกเป็นรองสองเม็ดแน่หลังจาก เคนนี่ เตเต้ โขกลูกเตะมุมให้ทีมเยือนนำไปก่อน

อย่างไรก็ดี สิ่งที่แฟนบอล ผีแดง  ทำใจกลายเป็นว่าผิดคาดเนื่องจาก เด เคอา พุ่งปัดการสังหารของ อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช ได้สำเร็จ และเหมือนเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญเช่นกันก่อนที่เจ้าบ้านจะตีเสมอได้ในนาทีที่ 39 จากลูกยิงของ เจดอน ซานโช่

ฉะนั้นแล้ว จึงเป็นหนแรกที่ผู้รักษาประตูชาวเมืองกระทิงดุวัย 32 ปีเซฟลูกโทษที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ได้นับตั้งแต่เดือนต.ค. 2014 โน่นเลยที่เขาปัดป้องการสังหารจาก เลห์ตัน เบนส์ ได้สำเร็จ และเป็นการเซฟลูกโทษได้เป็นครั้งที่หกจาก 36 ครั้งของเขาในเกม พรีเมียร์ลีก ด้วย

รวมทุกรายการในการรับใช้ ผีแดง 12 ปี เด เคอา เซฟลูกโทษได้ 8 ลูก และปล่อยให้บอลปะทะตาข่าย 42 ลูกจากการลงสนามเป็นเกมที่ 544 โดยที่ยังไม่แน่ว่านัดชิงชนะเลิศ เอฟเอคัพ จะเป็นแมตช์สุดท้ายของเขากับสโมสรหรือเปล่าเนื่องจากถึงขณะนี้เจ้าตัวยังไม่ได้ต่อสัญญาใหม่ที่จะหมดลงในวันที่ 30 มิ.ย.

แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น มิโตรวิช เองก็มีประวัติไม่สู้ดีเนื่องจากเขาสังหารลูกโทษในเกม พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้พลาดเป็นหนที่สี่แล้วซึ่งนับเป็นสถิติที่เลวร้ายที่สุดสำหรับนักเตะในหนึ่งซีซั่นจากโอกาสได้ยิงแปดครั้ง

จบครึ่งแรก สถิติเผยว่า ผีแดง ครองบอลได้มากกว่า 59:41% และได้ยิงมากกว่า 13:4 ครั้ง รวมทั้งส่งบอลเข้ากรอบได้มากกว่า 5:2 ครั้ง

4. เทพเฟร็ดจุติ

ไม่แปลกที่เกมนี้ เฟร็ด ได้รับโอกาสให้ลงสนามเป็นตัวจริงเนื่องจาก แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าตั๋ว แชมเปี้ยนส์ลีก ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดาวเตะทีมชาติ บราซิล จึงถูกส่งลงมายืดเส้นยืดสายตั้งแต่ต้นเกม

และปรากฏว่า เฟร็ด ซึ่งซีซั่นนี้ได้ลงเล่นน้อยลงไปหลังตกเป็นตัวสำรองอย่างถาวรโชว์ฟอร์มแอสซิสต์ประตูชัยให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส หลุดไปสับไกได้อย่างเหนือชั้นช่วงต้นครึ่งหลัง ขณะที่ประตูตีเสมอของ ซานโช่ แม้เขาจะไม่ได้แอสซิสต์โดยตรง แต่ก็มีส่วนบุกตะลุยเข้าไปจนทำให้ ผีแดง ทวงสกอร์คืนได้

จากภาพรวม เฟร็ด มีผลงานในเกมนี้ที่น่าประทับใจ แต่เท่าที่ผ่านมามันบ่งบอกว่าเขาไม่อาจยืนระยะได้อย่างนี้ตลอดทุกนัด และยังไม่ใช่กองกลางที่แฟนบอล ผีแดง สามารถฝากความหวังได้อย่างแน่นอน

5. เรียกความมั่นใจก่อนชิงถ้วย เอฟเอคัพ 

ก่อนเกมต้อนรับ ฟูแล่ม เทน ฮาก เผยกับสื่อว่า อันโตนี่ ปีกทีมชาติ บราซิล ที่เจ็บข้อเท้ามีโอกาสหายทันลงเล่นเกมชิงชนะเลิศ เอฟเอคัพ

จากนั้นทันทีที่พาทีมปิดซีซั่น พรีเมียร์ลีก สยบ เจ้าสัวน้อย ได้ นายใหญ่ดัตช์ก็คว้าไมค์มาประกาศกับแฟนบอลว่าจะพาทีมพิชิต แมนฯ ซิตี้ ให้ได้ซึ่งถือเป็นจิตวิทยาที่สร้างความฮึกเหิมให้กับทีม และกองเชียร์ก่อนเกมสำคัญ

ตามหน้าเสื่อ แมนฯ ยูไนเต็ด มีศักยภาพเป็นรอง แมนฯ ซิตี้ อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ฟุตบอลนัดเดียวไม่มีใครสามารถคาดเดาผลลัพธ์ได้ว่าจะออกหัวหรือออกก้อย แถม เรือใบสีฟ้า ออกอาการแผ่วให้เห็นเล็กๆด้วยหลังได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก ไปแล้วเนื่องจากทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่ชนะเลยในสองเกมสุดท้ายของซีซั่นแม้เขาอาจโรเตชั่นทีมก็ตาม

ขณะเดียวกัน เทน ฮาก สร้างสถิติพาทีมกำชัยในรังได้รวมทุกรายการของซีซั่นนี้เป็นนัดที่ 27 ซึ่งเป็นสถิติที่ดีที่สุดของสโมสรด้วยจากที่ ผีแดง เคยทำได้ด้วยตัวเลขหลักนี้ในซีซั่น 2002/03 มันจึงน่าจะทำให้เขามีความมั่นใจ และฮึกเหิมสุดขีดก่อนปะทะกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ เวมบลีย์

สำหรับเกมชนะ ฟูแล่ม หลังดวลกันครบ 90 นาที แมนฯ ยูไนเต็ด ยังครองบอลได้มากกว่า 54:46% และได้ยิงรวมกัน 21:10 ครั้ง อีกทั้งส่งบอลเข้ากรอบมากกว่า 8:3 ครั้ง