โตโยต้า ล็อกเป้าปี 54 ตีตลาดรถยนต์ ที่คาดว่าขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในตลาดรถยนต์นั่ง และตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ โดยวาง ยอดขายไว้ที่ 360,000 คัน แถมยังได้ พัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งเป็นความท้าทายใหม่ เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดรถยนต์ เริ่มจากการขยายการผลิต รองรับความต้องการของลูกค้า และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า ไปด้วย

       มร.เคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บ.โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เป็นประธานแถลงข่าวสรุปภาพรวมตลาดรถยนต์ปี 2553 และ ประมาณการณ์ตลาดรถยนต์ปี 2554 พร้อมด้วย นายนินนาท ไชยธีรภิญโญ รองประธานกรรมการ บ.โตโยต้าฯ, นายวิเชียร เอมประเสริฐสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บ.โตโยต้าฯ และนายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บ.โตโยต้าฯ ที่รร.คอนราด ถนนวิทยุ เมื่อวันที่ 18 ม.ค.2554
 
       โดย มร.เคียวอิจิ กล่าวว่า ปีที่ผ่านมานับเป็นปีแห่งการทำสถิติใหม่ของตลาดรถยนต์ จากยอดขายตลาดรวมที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 800,357 คัน เพิ่มขึ้นถึง 45.8 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยรถยนต์นั่งเพิ่มขึ้น 50.7 เปอร์เซ็นต์ และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ เพิ่มขึ้น 42.3 เปอร์เซ็นต์
 
       เนื่องจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจ โดยรวมการไหลข้าวของเงินทุน ทำให้ปริมาณเงินในระบบมากขึ้นในขณะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งส่งผลดีต่อการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ รวมถึงความนิยมในตลาดรถยนต์นั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์นั่งขนาดเล็กการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ และรุ่นพิเศษที่มีมาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี
 
       สำหรับสถิติการขายรถยนต์ในปี 2553 นั้น ปริมาณการขายรวม 800, 357 คัน แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 346,644 คัน, รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 453,713 คัน, รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 387, 793 คัน, รถกระบะ 1 ตัน(ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 347, 314 คัน
  
       จากสถิติที่เพิ่มขึ้นโตโยต้านั้น ได้ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน ทั้งจากยอดขายในประเทศรวมทั้งสิ้น 326,007 คัน เพิ่มขึ้น 41.4 เปอร์เซ็นต์ ส่วนแบ่งตลาด 40.7 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นสถิติใหม่ ทั้งในตลาดรถยนต์นั่ง และรถกระบะขนาด 1 ตัน
 
       โดยรถยนต์นั่งมียอดขาย 141,733 คัน เพิ่มขึ้น 40.7 เปอร์เซ็นต์ ส่วนแบ่งตลาด 40.9 เปอร์เซ็นต์ รถกระบะขนาด 1 ตันมียอดขาย 164,795 คัน  (รวมรถกระบะดัดแปลง) เพิ่มขึ้น 40.5 เปอร์เซ็นต์ ส่วนแบ่งตลาด 42.5 เปอร์เซ็นต์ รถกระบะ 1 ตัน(ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 144,190 คัน เพิ่มขึ้น 41.3 เปอร์เซ็นต์ ส่วนแบ่งการตลาด 41.5 เปอร์เซ็นต์ และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 184,274 คัน เพิ่มขึ้น 41.9 เปอร์เซ็นต์ ส่วนแบ่งตลาด 40.6 เปอร์เซ็น ซึ่งเป็นยอดขายสูงสุดต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 ของทั้ง 3 ตลาด
 
       การส่งออกในปีที่ผ่านมา โตโยต้า ได้สร้างสถิติใหม่ ในการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป ด้วยยอดรวมที่ 334,124 คัน เพิ่มขึ้นถึง 40 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นมูลค่า 140,495 ล้านบาท ตลอดจนการส่งออกชิ้นส่วน มูลค่า 49,086 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าการส่งออก 189,581 ล้านบาท
 
       สำหรับแนวโน้มของตลาดรถยนต์ปี 2554 นั้น จากสถิติยอดขายที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจของไทยดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง บวกกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลบวกต่อตลาดรถยนต์ปีที่ผ่านมา และจะเป็นแรงบวกต่อเนื่องในปี 2554 ซึ่งคาดว่าตลาดรถยนต์ในปีนี้ จะขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในตลาดรถยนต์นั่งและตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์
 
       โดยจะมีปริมาณการขายที่ 860,000 คัน เติบโต 7.4 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งแบ่งเป็น รถยนต์นั่ง 385,200 คัน จะเพิ่มขึ้น 11.1 เปอร์เซ็นต์ ส่วนรถยนต์เพื่อการพาณิชย์คาดว่าจะประมาณ 474,800 คัน เพิ่มขึ้น 4.6 เปอร์เซ็นต์ โดยแบ่งเป็นรถกระบะขนาด 1 ตัน ประมาณ 375,000 คันเพิ่มขึ้น 7.9 เปอร์เซ็นต์
 
       ทั้งนี้โตโยต้าตั้งเป้าในปี 2554 ยอดขายไว้ที่ 360,000 คัน คิดเป็นส่งแบ่งทางการตลาด 42 เปอร์เซ็นต์ แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 162,000 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด 42.1 เปอร์เซ็นต์ และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 198,000 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด 41.7 เปอร์เซ็นต์ โดยเป็นกระบะ 1 ตัน 179,000 คัน
  
       ในส่วนเป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปของโตโยต้าในปีนี้อยู่ที่ 364,000 คัน คิดเป็นมูลค่า 139,000 ล้านบาท และชิ้นส่วนมูลค่า 59,900 ล้านบาท รวมมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้นประมาณ 198,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
 
       นอกจากนี้ปีนี้ โตโยต้า ยังได้พัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งเป็นความท้าทายใหม่ เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดรถยนต์ เริ่มจากการขยายการผลิต รองรับความต้องการของลูกค้าโดยโครงการขยายการผลิตที่โรงงานบ้านโพธิ์ จะเริ่มดำเนินการผลิตได้ตั้งแต่เดือนก.ย.2554 เป็นต้นไป อีกทั้งเน้นการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า กิจกรรมการตลาด
 
       โดยเฉพาะรถยนต์ไฮบริด อาทิ โตโยต้า พริอุส และ คัมรี ไฮบริด ตลอดจนโครงการยนต์ใช้แล้ว อย่าง โตโยต้า ชัวร์ ที่ตั้งเป้าเพิ่มยอดขายเป็น 20,000 คัน หลังจากที่ปีที่ผ่านมามียอดขาย 15,000 คัน ซึ่งจะมีการเพิ่มโชว์รูมจาก 56 แห่ง เป็น 70 แห่งในปีนี้
 
       ต่อข้อถามว่า จากการที่ดอกเบี้ยมีแนวโน้ม จะปรับขึ้นมีผลกระทบต่อการเช่าซื้ออย่างไรบ้าง มร.ทานาดะ กล่าวอีกว่า มีผลกระทบแน่นอน อย่างไรก็ตามถ้าเศรษฐกิจโตขึ้น ผู้บริโภคก็ยังมีกำลังซื้อเช่นเดิม และยังมั่นใจว่าตลาดรถยนต์ปีนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน นอกจากนี้อยากจะให้รัฐบาลสนับสนุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันต่างประเทศ และสนับสนุนการส่งออกรถปิ๊กอัพซึ่งมีฐานผลิตในประเทศไทย