แซมเบีย ผนึกหัวใจสิงห์ยันเสมอ ไอวอรี่ โคสต์ 120 นาที 0-0 ก่อนเป็นฝ่ายชนะในการดวลจุดโทษด้วยผลรวม 8-7 ผงาดคว้าแชมป์สมัยแรกไปครองได้อย่างยิงใหญ่และอาจนับได้ว่าเป็นการอุทิศถ้วย รางวัลแด่ขุนพลแซมเบียชุดปี 1993 ที่เสียชีวิตจากโศกนาฏกรรมเครื่องบินตกอีกด้วย ในศึกฟุตบอล แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ รอบชิงชนะเลิศ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 12 ก.พ. ที่ผ่านมา

ฟุตบอล แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ รอบชิงชนะเลิศ

วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2555

แซมเบีย 0     -     0 ไอวอรี่ โคสต์

(แซมเบียชนะจุดโทษ 8 - 7)

สนาม : สต๊าด ด็องกงด์เช่ (ลิเบรวิลล์, กาบอง)  ผู้ชม : 20,000 คน

        ทีมชาติแซมเบีย ม้านอกสายตา สร้างเซอร์ไพร้ส์ ผ่านเข้ามาชิงชนะเลิศ ทัวร์นาเม้นต์ แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ 2012 โดยปะทะ ไอวอรี่ โคสต์ ตัวเต็งแชมป์ในการเล่นที่สต๊าด ด็องกงด์เช่ เมือง ลิเบรวิลล์ ประเทศ กาบอง ชาติเจ้าภาพร่วม นับเป็นการผ่านเข้าชิงชนะเลิศ ครั้งที่ 3 ของแซมเบีย หลังจากเคยแพ้ ซาอีร์ ปี 1974 และพ่าย ไนจีเรีย ในนัดชิงชนะเลิศเมื่อ 20 ปีก่อน ส่วนทีมช้างส้ม ได้แชมป์เนชั่นส์ คัพ มาแล้ว 1 สมัยปี 1992

        สำหรับเส้นทางของทั้งสองทีมในการผ่านเข้าชิงชนะเลิศ แซมเบีย พลิกล็อคโค่น กาน่า 1-0 ในรอบรองชนะเลิศ เมื่อวันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ที่บาต้า และวันเดียวกัน ไอวอรี่ โคสต์ เชือด มาลี 1-0 ที่ลิเบรวิลล์

        เกมนี้ เซ็ปป์ แบล็ตเตอร์ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า), มิเชล พลาตินี่ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า), เปเล่ ตำนานวงการฟุตบอลโลก รวมถึงผู้บริหารหลายคนของสมาพันธ์ฟุตบอลแอฟริกัน (ซีเอเอฟ) นำโดย อิสซ่า ฮายาตู ประธานซีเอเอฟ พร้อมกับ ธีโอโดโร่ โอเบียง ประธานาธิบดีอิเควทอเรียล กินี, โธมัส ยายี่ โบนี่ ประธานาธิบดีเบนิน เข้ามาเป็นเกียรติ ดูเกมฟุตบอลอยู่บนอัฒจันทร์

        แอร์กเว่ เรอนาร์ โค้ชชาวฝรั่งเศสวัย 43 ปีของแซมเบียส่ง เอ็มมานูเอล มายูก้า และ คริสโตเฟอร์ คาตอนโก้ กัปตันทีมเป็นกองหน้าตัวหลัก ซึ่งทั้งคู่ยิงไปแล้ว 3 ประตูนำดาวซัลโวร่วมในทัวร์นาเม้นต์ ส่วน ฟร็องซัวส์ ซาอุย หัวหน้าโค้ชของไอวอรี่ โคสต์มีแกนหลักอย่าง ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา กองหน้าเชลซี กัปตันทีม, แชร์วินโญ่, ยาย่า ตูเร่, ซาโลมง กาลู, ฌอง-ฌักส์ กอสโซ่ และ โคโล ตูเร่

        ก่อนเกมเริ่มต้น ได้มีพิธีปิดการแข่งขันที่จัดได้อย่างยิ่งใหญ่ ขณะที่ อาลี บงโก้ เอิงดิมบา ประธานาธิบดีกาบอง ได้จับมือทักทายนักเตะทั้งสองทีม และมีการยืนสงบนิ่ง 1 นาทีไว้อาลัยให้กับ แฟนบอลอียิปต์ 79 คนที่เสียชีวิตในเหตุจลาจลบอลลีกอียิปต์ ที่สนามพอร์ท ซาอิด เมื่อวันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ โดยนักเตะต่างลงสนามท่ามกลางฝนที่ตกลงมาโดยตลอด

        ครึ่งแรกผ่านไปเพียง 2 นาที กองเชียร์แซมเบียเกือบได้เฮ เรนฟอร์ด คาลาบา เปิดลูกเตะมุม บอลลอยมาเข้าทาง นาธาน ซินคาล่า ยิงเท้าขวาระยะเผาขน บอลพุ่งเข้าซอง บูบาการ์ บาร์รี่ เซฟได้เยี่ยม

        แต่นาที 12 แซมเบียต้องเปลี่ยนเอา โจเซฟ มูซอนด้า แบ็กซ้ายออกจากสนาม เนื่องจากบาดเจ็บที่ขา และก็เป็น เอ็นย็อมเบ้ มูเลนก้า ลงเล่นแทน

        จากนั้น ไอวอรี่ โคสต์ เป็นฝ่ายสร้างสรรค์เกมรุกมากกว่า นาที 26 ซาโลมง กาลู ผ่านบอลให้ ยาย่า ตูเร่ ซัดเท้าขวาในกรอบเขตโทษ บอลพุ่งถากเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย

        นาที 30 ไอวอรี่ โคสต์ น่าได้ประตูอีกครั้ง ฌอง-ฌักส์ กอสโซ่ ทำชิ่งกับ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา ในกรอบเขตโทษฝั่งขวามาถึง ยาย่า ตูเร่ ซัดเท้าขวา ถากเสาออกเส้นหลังไป

        นาที 37 ดร็อกบา ได้บอลเปิดให้ แชร์วินโญ่ ยิงในกรอบเขตโทษฝั่งขวาไปติด เคนเนดี้ เอ็มเวเน่ เซฟได้ที่เสาแรก และสามนาทีต่อมา แซมเบียได้บอล คริสโตเฟอร์ คาตอนโก้ กัปตันทีมเลี้ยงบอลหนีการกสกัดของ โซล บ็อมบา เซนตอร์ฮาล์ฟไอวอรี่ โคสต์ ก่อนยิงเท้าซ้ายหน้าประตู เข้าข้างตาข่าย จบครึ่งแรกทั้งสองทีมเสมอกัน 0-0

        มาถึงครึ่งหลัง ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา กัปตันทีมช้างส้มบาดเจ็บที่ศีระษะ หลังจากชนกับ เอ็นย็อมเบ้ มูเลนก้า ตัวสำรองของแซมเบีย นาที 47 แต่หลังจากได้รับการปฐมพยาบาล เขาสามารถเล่นต่อไปได้

        นาที 54 ซาโลมง กาลู เปิดฟรีคิกระยะไกล 35 หลา บอลมาเข้าหัว ดร็อกบา โหม่งไม่เข้ากรอบ

        และนาที 69 แชร์วินโญ่ โดน อิซัค ชานซ่า มิดฟิลด์แซมเบีย เบียดล้มลงในกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าให้ทีมช้างส้มได้ลูกจุดโทษ แต่ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา สังหารจุดโทษเท้าขวาข้ามคานอย่างไม่มีลุ้น ทำให้ ไอวอรี่ โคสต์ ชวดได้ประตูขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย

        หลังจากนั้น แซมเบีย ได้สร้างสรรค์เกมรุกไม่น้อย บุกกดดันเข้าใส่ ทีมช้างส้มได้ดี นาที 83 ชิซ็อมบา ลุนกู ยิงเท้าขวาระยะไกลมากกว่า 25 หลา บอลไม่เข้ากรอบ

        นาที 88 ไอวอรี่ โคสต์ น่าได้ประตูเมื่อ วิลเฟร็ด โบนี่ ตัวสำรองโหม่งตั้งให้ มักซ์-อแล็ง กราเดล ตัวสำรองยิงเท้าขวาระยะเผาขน บอลถากเสาไม่กี่หลา จบเกม 90 นาที ทั้งสองทีมเสมอกัน 0-0 ต้องต่อเวลาพิเศษ 30 นาที

        ช่วงต่อเวลาพิเศษ นาที 95 แซมเบียน่าได้ประตูมากที่สุดเมื่อ เฟลิกซ์ คาตอนโก้ มิดฟิลด์ตัวสำรองวัย 27 ปี เปิดบอลจากฝั่งขวาให้ คริสโตเฟอร์ คาตอนโก้ กัปตันทีม พี่ชายวัย 29 ปี ของเขายิงที่เสาแรกชนเสาอย่างจัง

        นาที 106 ดีดิเย่ร์ ยา โกน็อง ตัวสำรองของไอวอรี่ โคสต์ ซัลโวระยะไกลข้ามคานไปอย่างหวุดหวิด จบเกม 120 นาที ทั้งสองทีมยังเสมอกัน 0-0 ทำให้ต้องยิงจุดโทษตัดสิน


     ในการดวลลูกที่จุดโทษเป็น แซมเบีย ที่แม่นกว่าเป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ด้วยประตูรวม 8-7 สามารถผงาดคว้าแชมป์สมัยแรกไปครองได้อย่างยิงใหญ่และอาจนับได้ว่าเป็นการ อุทิศถ้วยรางวัลแด่ขุนพลแซมเบียชุดปี 1993 ที่เสียชีวิตจากโศกนาฏกรรมเครื่องบินตกอีกด้วย


รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

        แซมเบีย : เคนเนดี้ เอ็มเวเน่ - เดวิส เอ็นโคซูเอ้, สต็อปปิล่า ซุนซู, ฮิชานี่ ฮิมูนเด้, โจเซฟ มูซอนด้า - ชิซ็อมบา ลุนกู, นาธาน ซินคาล่า, อิซัค ชานซ่า, เรนฟอร์ด คาลาบา - คริสโตเฟอร์ คาตอนโก้ (กัปตันทีม), เอ็มมานูเอล มายูก้า

        ไอวอรี่ โคสต์ : บูบาการ์ บาร์รี่ - ฌอง-ฌักส์ กอสโซ่, โคโล ตูเร่, โซล บ็อมบา, ซิยาก้า ติเยเน่ - อิสมาแอล เช็ก ติโอเต้, ยาย่า ตูเร่, ดีดิเย่ร์ โซโกร่า - ซาโลมง กาลู, ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา (กัปตันทีม), แชร์วินโญ่

        ผู้ตัดสิน : บาดาร่า ดิยัตต้า (เซเนกัล)