ลูคัส ปิอาซอน หัวหอกดาวรุ่งบราซิเลี่ยนซัดกู้ชีพช่วย "สิงห์บูลส์" เชลซี รอดพ้นความปราชัยไล่ตามตีเสมอ เปแอสเช ช่วงท้ายเกม 1-1 ในเกมปรีซีซั่นเวิลด์ ฟุตบอล ชาลเลนจ์ ที่สหรัฐอเมริกา

 

 ฟุตบอล เวิลด์ ฟุตบอล ชาลเลนจ์
วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฏาคม 2555
เชลซี (อังกฤษ)  1-1 เปแอสเช (ฝรั่งเศส)

        สนาม : แยงกี้ สเตเดี้ยม, นิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา
 
         "สิงห์บูลส์" เชลซี เจ้าของแชมป์สโมสรยุโรป ลงอุ่นแข้งเป็นเกมที่สองพบกับ เปแอสเช ทีมเศรษฐีจากฝรั่งเศส โดยเกมนี้ โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ กุนซือของสิงห์บูลส์ เปลี่ยนแปลงผู้เล่นจากเกมที่แล้วหลายตำแหน่ง แกรี่ เคฮิลล์ ยืนเซ็นเตอร์แบ็กคู่กับ ดาวิด ลุยซ์ โดยมีแฟร้งค์ แลมพาร์ดเชื่อมเกมแดนกลาง และปล่อยให้ เอแด็ง อาซาร์ ทำเกมรุกสนับสนุน โรเมลู ลูกากู ที่ยืนเป็นหน้าเป้า ส่วน เปแอสเช ของ คาร์โล อันเชล็อตติ อดีตกุนซือเชลซีเกมนี้จัด ฮาเวียร์ ปาสตอเร่ ,เอเซเกล ลาเวซซี่ และเกแว็ง กาเมโร่ เป็นทีเด็ดในแนวรุก
 
         เริ่มเกมแค่สามนาทีแรก เปแอสเช เกือบได้ประตูขึ้นนำเมื่อ เอเซเกล ลาเวซซี ดาวเตะที่เพิ่งย้ายมาจากนาโปลีหลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปก่อนซัดไปติดขา ปีเตอร์ เช็ก นายทวารของสิงห์บูลส์ที่ออกมาปิดมุมได้ทันนาทีที่ น.7 ลาเวซซี ได้บอลหลุดเข้าไปดวลกับปีเตอร์ เช็กก่อนจะล้มลงบนเส้น18หลา แต่ผู้ตัดสินตาไวมองว่าดาวยิงทีมชาติอาร์เจนตินาพุ่งล้มโดนใบเหลืองคาดโทษ ตามระเบียบ
 
         นาทีที่ 15 เชลซี มีโอกาสได้ลุ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ เอแด็ง อาซาร์ เพลย์เมกเกอร์ชาวเบลเยียมได้จังหวะสับไกนอกเขตโทษบอลพุ่งติดไซด์หลุดกรอบไป อย่างได้เสียว
 
         นาทีที่ 31 จนแล้วจนรอดเป็น เปแอสเช ที่ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากความสามารถเฉพาะตัวของ ฮาเวียร์ ปาสตอเร่ ที่เลี้ยงบอลฝ่าแนวรับสิงห์บูลส์เข้าไปยิงชนเสาก่อนจะมาเข้าทาง เนเน่ ตามซ้ำเข้าไปไม่เหลือ
 
         นาทีที่ 40 แฟร้งค์ แลมพาร์ด กัปตันทีมได้ลุ้นบ้างเมื่อซัดฟรีคิกไกลระยะกว่า 35 หลาบอลพุ่งทะลุกำแพงแต่ยังไม่ผ่านมือ นิโกล่าส์ ดูเชซ์ นายทวารเปแอสเช
 
         จบครึ่งแรก เปแอสเช ขึ้นนำเชลซี 1-0
 
         กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง เชลซี เปลี่ยนเอา มาร์โก มาริน, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, รามิเรส และ มิชาเอล เอสเซียง ลงสนามมาแทน แฟร้งค์ แลมพาร์ด, กาเอล กากูต้า, เควิน เดอ บรุน และ ดาวิด ลุยซ์
 
         ด้าน เปแอสเช ส่ง ดิเอโก้ ลูกาโน่, มิลาน บิเซวัช, ซูมาน่า กามาร์ร่า และ กีโยม โออาโร่ ลงเล่นแทน คริสตอฟ ยัลเลต์, อเล็กซ์, ซิลแว็ง อาร์ม็องด์ และ มาติเยอ บ็อดแมร์
 
         นาทีที่ 56 เอแด็ง อาซาร์ โชว์ลากเลื้อยหลบแนวรับ เปแอสเช เข้าไปในกรอบเขตโทษก่อนจะสับไกยิงไปติดบล็อกกองหลังออกไป
 
         นาทีที่ 68 เปแอสเช ได้ลุ้นจากลูกโหม่งของ กีโยม โออาโร่ แต่บอลเหินข้ามคานออกไป
 
         เข้าสู่นาทีที่ 70 เชลซี เร่งเกมมากขึ้นเพื่อหวังทวงประตูคืนแต่ก็มีแต่จังหวะเฉี่ยวไปเฉี่ยวมา เนื่องจากแนวรับของ เปแอสเช เข้าบีบแย่งบอลกันเร็ว
 
         หลังพยายามอยู่นาน เชลซี ก็มาประสบความสำเร็จในนาทีที่ 82 จากจังหวะที่ ลูคัส ปิอาซอน กองหน้าตัวสำรองที่ทำชิ่งกับ รามิเรส ก่อนหลุดเข้าไปล้มตัวยิงด้วยซ้ายบอลพุ่งเสียบโคนเสาเข้าไปให้ สิงห์บูลส์ ตีเสมอเป็น 1-1
 
         นาทีที่ 86 เชลซี เกือบได้ประตูขึ้นนำจากลูกยิงจ่อๆ ของ ฟลอร็อง มาลูดา ในกรอบเขตโทษแต่ไปติดเซฟของ อัลโปนเซ่ อเรโอล่า นายทวารมือสองที่เพิ่งถูกเปลี่ยนตัวลงสนามมา
 
         นาทีที่ 88 เปแอสเช ได้ลุ้นบ้าง มิลาน บิเซวัช ยิงจากนอกกรอบเขตโทษ บอลแฉลบเปลี่ยนทางไปเข้าทางปืนของ ฮาเวียร์ ปาสตอเร่ ที่ยิงเต็มๆแต่ รอสส์ เทิร์นบลู ยังไวพุ่งปัดทิ้งเอาไว้ได้
 
         ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมเปิดเกมแลกกันแต่ไม่มีฝ่ายใดทำประตูเพิ่มกันได้ จบ 90 นาที ทั้งสองทีมเสมอกันไปแบบสนุก 1-1

        รายชื่อผู้เล่น11ตัวจริงทั้งสองทีม
        เชลซี (4-2-3-1) : ปีเตอร์ เช็ก ; แซม ฮัทชินสัน, แกรี่ เคฮิลล์, ดาวิด ลุยซ์, เปาโล แฟร์เรยร่า ; จอห์น โอบิ มิเกล, แฟร้งค์ แลมพาร์ด ; กาเอล กากูต้า, เอแด็ง อาซาร์, เควิน เดอ บรุน ; โรเมลู ลูกากู

        เปแอสเช (4-1-2-1-2) : นิโกล่าส์ ดูเชซ์  ; คริสตอฟ ยัลเลต์, อเล็กซ์, ซิลแว็ง อาร์ม็องด์, มามาดู ซาโก้ ; มาติเยอ บอดแมร์ ; เนเน่, เคลเมนต์ เฌอโตม ; ฮาเวียร์ ปาสตอเร่ ; เอเซเกล ลาเวซซี่, เกวิน กาเมโร่