เป็นอีกหนึ่งคู่รักแห่งวงการบันเทิงที่ลั่นระฆังวิวาห์ไปหมาดๆ เมื่อปลายปี 2555 ที่ผ่านมา หลังจากบ่มต้นรักจนสุกงอมนาน 11 ปี ต้องยกนิ้วให้กับนักแสดงหนุ่มหน้าคม ''ตั๊ก'' นภัสกร มิตรเอม และภรรยาสาวหน้าสวย ''ป๊อก''ปิยธิดา มิตรเอม หลายคนคงแอบตาร้อนกับความรักของทั้งคู่กันอย่างแน่
อ๊ะๆๆ แต่เดี๋ยวก่อน เนื่องในโอกาสพิเศษวันแห่งความรักแบบนี้ ทางสยามดาราขอมอบความพิเศษแก่ผู้อ่านทันที ไม่พลาดโอกาสทองเมื่อมีได้เจอคู่รักมาราธอน ''ป๊อก-ตั๊ก'' ในงานเปิดตัว ''คนอร์ สูตรสำเร็จ ฮอลล์ ออฟ เลิฟ'' จึงไม่รอช้าที่จะดึงทั้งคู่มาเผยกลเม็ดวิธีดูแลความรักมาให้ได้ฟังกันจ้า ซึ่งเจ้าตัวแอบกระซิบมาว่าใครจะนำไปใช้ก็ไม่ว่ากันน้า!!
หลังวิวาห์ล่าสุดมีผลงานโฆษณาคู่รัก ทำอาหารด้วยกัน เป็นอย่างไรบ้าง ?
ตั๊ก :ดีใจและ กึ่งๆ ตื่นเต้น เพราะตั้งแต่เด็กเราก็รู้จักคนอร์แล้ว และตอนนี้เขาก็ไว้ใจให้เรามาเป็นหนึ่งเชฟ ซึ่งบอกได้ว่ามีความสุข ตื่นเต้นและดีใจมากๆครับ และตอนนี้เขาก็มีออกมาเป็นสูตรสำเร็จ แปลว่าก็ต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์อยู่แล้ว ผสมมาแล้ว พัฒนาแล้ว ออกมาเป็นสูตรสำเร็จเพราะฉะนั้นเราใช้แบบนี้ง่ายๆ วัตถุดิบต่างหากมีเราเลือกมาใช้กับอะไรที่เราไปหามา การเป็นสูตรสำเร็จมันง่าย ไม่ต้องเสียเวลา เพราะฉะนั้นเป็นสูตรที่เขาคิดมาอย่างดี อย่างรอบคอบแล้ว เรียบร้อย ชิมแล้ว คือสูตรนี้ ทดลองกันแล้ว ใช้วัตถุหลายอย่างแล้ว พัฒนาต่อยอด เพราะฉะนั้น 1.คุณไม่ต้องเสียเวลา คุณทำด้วยตนเองที่บ้านแน่นอน แล้วคุณสามารถพัฒนาตัวคุณเองได้จากอันนี้ เป็นสิ่งที่แจ่มมาก
ใช้คำว่าครอบครัวแล้ว หวานมากกว่าก่อนวิวาห์หรือเปล่า ?
ป๊อก : ก็ดีขึ้น รู้สึกว่าเรามั่นใจ เป็นความอุ่นใจอย่างหนึ่ง เยอะขึ้น เป็นหลักเป็นฐานแล้ว เราก็รู้สึกว่าเราไม่ได้อยู่คนเดียว เรามีใครที่มาคอยแชร์ในทุกๆเรื่องอย่างเป็นทางการจริงๆ เราคบกันมานานก็จริง แชร์ทุกเรื่องอยู่แล้ว แต่อันนี้เรารู้สึกว่า มันเป็นหลักฐาน กิจลักษณะ สิ่งที่บอกกล่าวคนทั่วไปว่าเราเป็นสามีภรรยากันจริงๆ แล้ว ก็เลยรู้สึกว่ามันมีความมั่นคง กำลังจะบอกว่ามันมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร (หัวเราะ) ที่จริงแล้วมันเป็นความมั่นใจที่มันได้เกิดขึ้นแล้ว
ยังต้องมีปรับอะไรไหม ?
ป๊อก : ไม่ค่อยนะ
ตั๊ก : ไม่มี อย่างที่บอกครับ ว่ามันคือสิ่งที่สำเร็จมาแล้ว คือตัวเราแน่นแล้ว มั่นใจแล้ว พื้นฐานเรามีแล้ว เก็บประสบการณ์ ไตร่ตรองแล้วก่อนที่เราจะแต่งานกัน
หาก ''ความรัก'' คือเมนูอาหาร คิดว่า เมนูความรักนี้ของทั้งคู่น่าจะมีส่วนผสมของอะไรบ้าง ?
ตั๊ก :โอ้โห!หลาก มากเลยนะ ความรักของผมกลมกล่อม เน้นความพอดี หวานกำลังดี เปรี้ยวกำลังดี จะไม่เน้นอะไรเวอร์จนเกินไปหรือโดดไปนะ ผมทำไม่เป็นหรอกครับ จะบอกว่าผมโรแมนติก ผมก็ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ค่อยๆ ไป ทุกอย่างควบคู่ไป แต่ที่สำคัญพื้นฐานควบคู่กันไปจากตัวเราที่เราเก็บเกี่ยวเพราะฉะนั้นจะทำ อะไรก็กลมกล่อมได้
ป๊อก : อร่อย (ยิ้ม) ก็ครบแล้วความรู้สึกเรา ไม่มากไม่น้อยทุกอย่างกำลังดี ทานได้นานๆ (หัวเราะ) ไม่ได้เปรี้ยวจนเข็ดฟัน เค็มจนขม คิดว่าเป็นรสชาติที่ลงตัวที่สุดแล้วสำหรับเรา รสชาติตอนนี้เป็นสิ่งที่เราชอบที่สุดค่ะ
หากเปรียบชีวิตคู่มาสร้างเป็นภาพยนตร์หรือละคร คิดว่าน่าจะเป็นแนวไหน ?
ตั๊ก : ผมก็ชอบหลากหลายนะคือผมเป็นคนชอบจินตนาการไปเองว่าเราอยู่ในโรคของการผจญภัย ในโรคของนักเดินทาง เผอิญเรื่องนั้นยังไม่ถูกสร้างขึ้นมานะครับ (หัวเราะ) เราชอบที่จะตะลุยแต่เรามีความมั่นคงในชีวิตเรา เรามีพื้นฐาน เราไปผจญภัยข้างนอกได้ แต่เราต้องกลับมาอยู่ที่ฐานของเราให้ได้
ป๊อก : ชอบคิดว่าตัวเองอยู่ในหนังดรามาญี่ปุ่น หนังญี่ปุ่นจะเป็นการดำเนินเรื่องที่เรียบง่าย ตามธรรรมชาติ บางเรื่องอาจจะไม่ได้มีไคลแม็กซ์ไปถึงขั้นนั้น ดำเนินชีวิตไปเรื่อยๆ พอจบเรื่องเราจะได้รู้ว่าเขาพยายามที่จะบอกอะไร รู้สึกว่าเรื่องของป๊อกเป็นแบบนั้น อาจจะดำเนินไปแบบคาดเดาไม่ได้ แต่ไม่หวือหา แต่คิดว่ามันน่าจะมีความลึกซึ้งและก็ได้คิดอะไรบ้าง
เพลงอะไรที่สามารถอธิบายความเป็นคู่ของคุณได้มากที่สุด ?
ตั๊ก :เอาเพลงที่ ผมแต่งให้เขาในวันแต่งงานดีกว่าครับ ชื่อเพลงว่า ''คำรับรอง'' ครับ เพลงนั้นบอกว่าสิ่งที่ทำมาทั้งหมดเรารับรองว่าเราไม่ได้โกหก เราทำมาจากใจ มันเป็นความจริง นั่นหล่ะเพลงที่ผมแต่งให้เขา
เทศกาลวาเลนไทน์จะมีการเติมความหวานกันอย่างไรบ้าง ?
ตั๊ก :ปกติวาเลน ไทน์เราถือว่าเป็นวันวันหนึ่งซึ่งความรักเรามีให้ทุกวันอยู่แล้ว ผมเชื่อแบบนั้นนะ ไม่จำเป็นต้องไปไหนก็ได้ แค่อยู่บ้านนั่งดูทีวีมันก็โรแมนติกแล้วมั้ง บางทีมันเหนื่อย มีเรื่องที่ผ่านมา ส่วนตัวผมโรแมนติกคือสิ่งที่เราทำเองทั้งหมด ทำเอง ได้แค่ไหนแค่นั้น ขอแค่มาจากความรู้สึกที่เราอยากทำ นั่นเรียกว่าโรแมนติก
ป๊อก : พูดแบบนี้แปลว่าไม่มีของขวัญ (หัวเราะ)
ตั๊ก :ไม่ใช่ไม่มี อย่างน้อยเราก็มีดอกไม้ กระแสโลกซะหน่อย ทุกคนก็ต้องการ ผู้หญิงทุกคนก็ต้องการ
ป๊อก : อย่างวันเกิดป๊อก บอกอยากไปไหนได้หมดเลย แต่ความรู้สึกเราอยู่บ้านเหอะ ทำอาหารทานที่บ้าน แล้วนั่งดูทีวี คุยกันกัน นั่งทานข้าวหน้าทีวี มันก็แฮปปี้แล้ว ไม่อยากออกไปข้างนอก
มุมไหนที่ทั้งคู่มักใช้เวลาอยู่ด้วยกันบ่อยที่สุด
ป๊อก : หน้าทีวี (อยากตอบอย่างอื่น..หัวเราะ แต่อย่าเลย) แซวเล่นค่ะ จริงก็ในในครัวละกันค่ะ พี่ตั๊กจะอยู่ห้องครัวตลอด ถ้าจะถามหาเขาต้องลงไปหา จะทำกับข้าวทั้งวัน ช่วงเช้าทำทานเอง ทำเย็นต่อเลย ทำให้หลาน ให้พ่อให้แม่
เรื่องทายาทที่ทั้งคู่บอกไม่พร้อม แต่จะได้เห็นกันอย่างแน่ใช่ไหม ?
ตั๊ก :ไม่น่านะ เท่าที่คิดกัน ไม่น่าจะมีครับ
ป๊อก : ไม่น่าค่ะ เราคุยกันไว้แล้ว เราก็ไม่อยากตัดความหวังของผู้ใหญ่ เราก็จะแบ่งรับแบ่งสู้ ใจเราไม่อยากมี มีเวลาผู้ใหญ่ถาม เราก็กลัวว่าท่านจะเสียใจแบ่งรับแบ่งสู้ 50/50 เดี๋ยวรอทำงานก่อน ใจจริงเราอยู่กันสองคนแบบนี้แฮปปี้แล้ว เรามีหลานเรามีญาติมีครอบครัวของเราอยู่แล้ว ก็เลยคิดว่าอยู่สองคนนี้ได้ พร้อมที่จะดูแลตัวเอง เราไม่เคยมี เราไม่ได้ขาด เพียงแต่ว่าไม่เคยมีแค่นั้นเอง โดยส่วนตัวพี่ป๊อกเป็นคนชอบอยู่เงียบๆ ชอบทำอะไรเงียบๆ ชอบอยู่นิ่งๆ ขนาดหลานเข้ามาวิ่งเล่นในห้อง ยังบอกว่าระยะเดียวพอนะลูก
กลเม็ดวิธีที่หลายคนอยากรู้จากทั้งคู่ ว่าทำอย่างไรให้รักยืนยาวแบบนี้ ?
ตั๊ก :เริ่มจากตัว เราก่อน ก่อนที่จะมองคู่นะ เราเป็นอย่างไร นั่นพื้นฐานเรา เราสำรวจตัวเองก่อน ว่าเราเป็นแบบนี้ เรามีความสุขที่เป็นตัวเราในแบบที่เขารับได้เหรือเปล่า ถ้าเราทำแบบั้นได้ แล้วเขาแฮปปี้ตรงนั้น เขารับได้แฮปปี้ตรงนั้น นั่นคือพื้นฐานอันดับแรกที่ชีวิตจะอยู่กันยาวแน่นอน สำหรับผมเป็นแบบนั้น และถือปฏิบัติตั้งแต่วันแรกที่เจอเขา
ป๊อก : เราเป็นแค่คู่เดียวค่ะ ที่คบกันมาอย่างนี้ เราไม่ใช่คู่ที่คบกันมานานมากที่สุด คู่ที่คบกันมานานมากที่สุด เรามีมาเป็นสิบล้านคู่ คุณพ่อคุณแม่เราคบกันมานานอีก เขาเราก็เป็นส่วนที่คบกันมา ไม่ใช่กูรูเรื่องความรัก แต่ถ้าถามถึงคติความรักที่ยืนยาว แนะนำให้ไปถามคุณพ่อคุณแม่ที่บ้านกันเลย ผู้ใหญ่ที่เขาคบกันมา มีหลาน 40-50 ปี เขาน่าจะให้คำตอบได้ดีกว่าเรา
อยากรู้ว่านิยามความรักของทั้งคู่ให้กันไว้ว่าอย่างไรบ้าง ?
ป๊อก : เป็นธรรมชาติของกันและกัน และยอมรับธรรมชาติของแต่ละคนให้ได้ ก็จะอยู่ด้วยกันยืนยาว
ตั๊ก :ยอมรับความเป็นธรรมชาติของกันและกัน เหมือนกันครับ
หากเปรียบคู่รักเป็นอะไรได้ในโลก จะให้เป็นอะไรดี ?
ป๊อก : ขอเปรียบพี่ตั๊กเป็นแฝดของเราที่เป็นผู้ชาย คือเขาจะคิดและทำอะไรที่คล้ายเราโดยธรรมชาติของเราเลย จะทำคล้ายกัน ความคิดความอ่านเหมือนกัน ไม่กังวลอะไรแล้ว
ตั๊ก :เป็นส่วนหนึ่งที่เข้ามาไม่รู้ตอนไหน ไม่รู้เป็นส่วนไหนของร่างกาย จิตวิญญาณ แต่มันบอกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่ง ที่ไม่มีคงแปลก
ในอนาคตอีก 20 ปีข้างหน้า ชีวิตคู่จะเป็นอย่างไร ?
ตั๊ก : ให้พูดจริงๆ ยังไม่ได้คิด อย่างนี้ ที่รักษาให้เป็นแบบนี้ ไปทุกวันเท่าที่เป็นไปได้ แต่ถ้าจะมีมีปัจจัยอื่นเข้ามาแปรเปลี่ยน นั่นเป็นเรื่องของอนาคต คืออยู่บนหลักหนึ่งว่าอยู่กับปัจจุบัน ปัจจุบันเป็นตัวบอกอนาคต ถ้าวันนี้เราทำอย่างนี้ก็เป็นผลต่ออนาคต เดี๋ยวจะมีอะไรโผล่ขึ้นมา ก็จะเปลี่ยนไปตามปัจจุบัน ณ ขณะนั้น ผมว่าเป็นสิ่งที่ดีที่เราคาดหวังอะไรบางอย่าง ซึ่งถ้ามันไม่ได้ ถ้ามันได้ก็ดี ไม่ได้ขึ้นมาก็จะทำให้ผิดหวัง ท้อแท้กับชีวิตคู่ก็ได้ ผมเลยเชื่อว่าปัจจุบันเราเห็นอะไร อย่างนั้นหล่ะคือความสุขพอแล้ว