มาริโอ บาโลเตลลี่ หัวหอกอารมณ์ศิลปินของ เอซี มิลาน ออกโรงเฉ่งเหล่าผู้บริหารของแวดวงฟุตบอลอิตาลี ที่ไม่ทำอะไรจริงจังกับเรื่องเหยียดผิวมากนัก จนทำให้เกิดเรื่องดังกล่าวขึ้นในเกมลูกหนังอยู่บ่อยๆ พร้อมระบุ เห็นด้วยกับการที่ เควิน-พริ๊นซ์ บัวเต็ง มิดฟิลด์เพื่อนร่วมทีมเคยเดินออกจากสนาม หลังจากโดนหมิ่นสีผิว ในเกมอุ่นเกือกนัดที่ "ปีศาจแดง-ดำ" เจอกับ โพร พาเทรีย เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

มาริโอ บาโลเตลลี่ กองหน้าคนเก่งของ เอซี มิลาน สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเวทีกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี กล่าวโจมตีคนใหญ่คนโตของวงการลูกหนังแดนมะกะโรนี ที่ปล่อยให้เรื่องการเหยียดผิวกลับมาสู่เกมฟุตบอลอีก หลังจากที่ผ่านมาเกิดเรื่องหมิ่นสีผิวอยู่บ่อยครั้ง

อดีตหัวหอก อินเตอร์ มิลาน และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เจอเหยียดผิวอย่างหนักนับตั้งแต่ย้ายจาก "เรือใบสีฟ้า" มาอยู่กับ "ปีศาจแดง-ดำ" ในตลาดซื้อ-ขายนักเตะ รอบ 2 ช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยเฉพาะจากแฟนบอลพันธุ์โหดบางส่วนของ "งูใหญ่" ที่ยังแค้นเขาอยู่กับการที่ย้ายไปซบตักอริร่วมเมือง

ทั้งนี้ กองเชียร์ขาโหดของ อินเตอร์ ร้องเพลงเหยียดผิว "ซูเปอร์มาริโอ" อย่างหนัก ในเกมที่ "งูใหญ่" คว้าชัยเหนือ คิเอโว เวโรน่า 3-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา จนทำให้ทีมแของกุนซือ อันเดรีย สตรามัชโชนี่ โดนปรับเงินเป็นจำนวน 15,000 ยูโร (ประมาณ 6 แสนบาท) แถมพวกเขายังทำอย่างนั้นอีกครั้ง ในเกมดาร์บี้แมตช์แห่งเมืองมิลาน นัดที่ อินเตอร์ เสมอกับ มิลาน 1-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาด้วย

อย่างไรก็ตาม บรรดาคนใหญ่คนโตของวงการลูกหนังแดนมะกะโรนี ยังกลับมาลงโทษปรับเงิน บาโลเตลลี่ อยู่ดี จากการที่เขาแสดงพฤติกรรมหยาบคายในตอนที่เขาเผชิญหน้ากับกลุ่มแฟนบอล ซึ่งนี่ทำให้แข้งวัย 22 ปีไม่พอใจมากๆ โดยเขาให้สัมภาษณ์ว่า "มันทำให้ผมหงุดหงิด และโมโหสุดๆ ผมไม่ชอบมันเลย เรามีความคืบหน้าน้อยมากกับประเด็นนี้"

หัวหอกทีมชาติอิตาลี เสริมว่า ตนเห็นด้วยกับการกระทำของ เควิน-พริ๊นซ์ บัวเต็ง กองกลางเพื่อนร่วมทีม ที่นำนักเตะคนอื่นของ มิลาน เดินออกจากสนามทันที ในเกมอุ่นเครื่องนัดที่ "ปีศาจแดง-ดำ" บุกไปเยือน โพร พาเทรีย สโมสรในระดับดิวิชั่น 4 ของแดนมะกะโรนี เมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา หลังจากที่มิดฟิลด์ดีกรีทีมชาติกานาโดนแฟนบอลของเจ้าถิ่นตะโกนเหยียดผิวใส่อย่างหนัก "ผมเห็นด้วยกับเขานะ เพื่อที่จะหยุดยั้งการเหยียดผิวให้ได้แล้วนั้น เราทุกคนก็จำเป็นที่จะต้องมีส่วนช่วยเหลือร่วมกัน"