ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ยูฟ่า /ยูโรป้าลีก/ยูโรคัพ » ชุดขาวสุดช้ำ!อัดเสือเหลือง2-0รวมพ่ายหวิว3-4

ชุดขาวสุดช้ำ!อัดเสือเหลือง2-0รวมพ่ายหวิว3-4

Posted 01/05/2013 by siamsport

"ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด เปิดบ้านอัด "เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 2-0 แต่ยังไม่ดีพอเมื่อรวมผลเป็น ดอร์ทมุนด์ เข้ารอบชิงด้วยสกอร์รวม 4-3 ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (รอบรองชนะเลิศ นัดที่สอง) เมื่อคืนวันอังคารที่ 30 เม.ย. ที่ผ่านมา

ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก


(รอบรองชนะเลิศ นัดที่สอง) ฤดูกาล 2012-13


วันอังคารที่ 30 เมษายน 2556


เรอัล มาดริด (สเปน) 2   -   0 โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (เยอรมัน)

(โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เข้ารอบด้วยผลรวม 4-3)

  สนาม: เอสตาดิโอ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว (มาดริด, สเปน)


        "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ยอดทีมจากสเปนออกไปพ่ายมาก่อนในนัดแรกถึง 1-4 เกมนี้ต้องเน้นเต็มพิกัดเมื่อได้กลับมาเล่นในรังตัวเอง แต่ต้องขาด อัลบาโร่ อาร์เบลัว ที่มีอาการบาดเจ็บต้องให้ ไมเคิล เอสเซียง ประจำการแบ็คขวาแทน พร้อมกับให้ เซร์คิโอ รามอส กัปตันทีมยืนเซนเตอร์ฮาล์ฟร่วมกับ ราฟาแอล วาราน


        ในแดนกลางให้ ลูก้า โมดริช ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงยืนคุมเกมร่วมกับ ชาบี อลอนโซ่ พร้อมดร็อป ซามี เคดิร่า เป็นแค่สำรอง


        แนวรุกจัดเต็มส่ง อังเคล ดิ มาเรีย, เมซุต โอซิล และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ลงมาสร้างเกมรุกสนับสนุน กอนซาโล่ อิกวาอีน หัวหอกตัวเป้าเข้าทำสกอร์ โดยรายของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ทำไปแล้ว 12 ประตูในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หายเจ็บกลับมาฟิตทันลงล่าตาข่าย


        ส่วน "เสือเหลือง" ดอร์ทมุนด์ ผู้มาเยือนจากเยอรมันได้ ลูคัสซ์ พิสซ์เซ็ค ผ่านความฟิตลงประจำการแบ็คขวาตามปกติ โดยมี โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ดาวยิงทีมชาติโปแลนด์ที่เหมาคนเดียว 4 ประตูในนัดแรกนั้น ลงยืนเป็นหน้าเป้า


        ออกสตาร์ทครึ่งแรกมาได้ 4 นาที เรอัล เปิดฉากบุกทันทีแล้วมีโอกาสก่อนจากจังหวะที่ เมซุต โอวิล จิ้มต่อให้กับ กอนซาโล่ อิกวาอีน หลุดเข้าไปซัดไปติด โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์ นายทวารของดอร์ทมุนด์ที่ใช้ขาเซฟไว้ได้อย่างหวุดหวิด บอลทะลักออกหลังไป


        ห้านาทีต่อมา เจ้าบ้านขึ้นเกมมาทาง ลูก้า โมดริช ลากมาทางกรอบเขตโทษด้านขวาแล้วไหลเข้ากลางให้กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หวดด้วยขวาบอลข้ามคานไป


        ผ่านมา 11 นาที เรอัล ได้ฟรีคิกทางด้านขวา เมซุต โอซิล โยนมาเสาแรกให้กับ กอนซาโล่ อิกวาอีน โหม่งหลุดกรอบไป แต่ผู้ตัดสินเป่าว่ามีการฟาวล์ไปก่อนแล้ว


        สามนาทีต่อมา ชุดขาวน่าจะได้ประตูเมื่อ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มีจังหวะพักอกในกรอบเขตโทษแล้ววอลเลย์ด้วยขวาจ่อๆ แต่ โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์ นายทวารของดอร์ทมุนด์ ออกมาบล็อคไว้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ


        นาทีเดียวกันนั้น ดอร์ทมุนด์ จำเป็นต้องเปลี่ยนเอา มาริโอ เกิตเซ่ ที่มีอาการบาดเจ็บออกมาพักแล้วส่ง  เควิน โกรสส์ครอยท์ซ ลงมาเล่นแทน


        เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 15 เจ้าถิ่นน่าจะได้ประตูขึ้นนำ เมื่อทำชิ่งกันบอลมาถึง เมซุต โอซิล หลุดเดี่ยวาทางด้านขวาแล้วเลือกยิงเองด้วยซ้ายบอลหลุดเสาแรกไปอย่างน่าเสียดาย


        เรอัล บุกไม่หยุดมีโอกาสอีก เมื่อ อังเคล ดิ มาเรีย ไหลบอลทะลุขึ้นหน้าให้กับ กอนซาโล่ อิกวาอีน สปีดเข้าไป แต่ โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์ นายทวารของดอร์ทมุนด์ออกมาตัดบอลได้ก่อนอย่างหวุดหวิดในนาทีที่ 25


        นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก เรอัล ได้ฟรีคิกระยะประมาณ 35 หลา แต่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซัดโด่งข้ามคานไปแบบไม่ได้ลุ้นเลย หมดครึ่งแรกเสมอกันอยู่ 0-0



        กลับมาเล่นกันต่อในครึ่งเวลาหลังได้แค่ 5 นาที เสือเหลืองเกือบได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะที่ มาร์โก รอยส์ จ่ายให้กับ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ หลุดเข้าไปยิงทางกรอบเขตโทษด้านขวาบอลพุ่งชนใต้คานดังสนั่นแล้วตกลงมาแต่ยังไม่ข้ามเส้นประตู เจ้าถิ่นรอดไปในจังหวะนี้


        เกมของเรอัล ไม่ดีขึ้นเลยตัดสินใจเปลี่ยนผู้เล่นรวดเดียวสองรายให้ กาก้า ลงมาเล่นเกมรุกแล้วถอด โคเอนเตรา แบ็คซ้ายออก พร้อมให้ คาริม เบนเซม่า ยืนหน้าแทน อิกวาอีน ในนาทีที่ 57


        ดอร์ทมุนด์ น่าจะได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 62 เมื่อ มาร์โก รอยส์ สปีดขึ้นมาทางกรอบเขตโทษด้านขวาแล้วไหลให้กับ อิลคาย กุนโดกาน ตามมาแปโล่งๆ แต่ ดีเอโก้ โลเปซ นายทวารเรอัล มาดริด ผวามาปัดไว้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ


        ห้านาทีต่อมา เรอัล มีโอกาสเมื่อต่อบอลกันมาเป็นทอดๆ โรนัลโด้ สะกิดให้ กาก้า พลิกจ่ายต่อออกมาทางซ้ายให้กับ อังเคล ดิ มาเรีย ที่ยืนโล่งๆคนเดียวจิ้มด้วยซ้ายหลุดเสาไกลไปอย่างน่าเสียดาย


        นาทีที่ 67 เรอัล เปลี่ยนผู้เล่นเป็นคนสุดท้ายให้ ซามี เคดิร่า ลงมาเล่นแทน ชาบี อลอนโซ่ ในแดนกลาง
 

        ถัดมาสองนาที ชุดขาวได้โอกาสอีกครั้ง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้จิ้มด้วยขวาบริเวณริมกรอบเขตโทษบอลหลุดกรอบออกไปอีก


        เจ้าถิ่นบดหนักแล้วนาทีที่ 72 อังเคล ดิ มาเรีย เปิดจากซ้ายเข้ามากลาง กาก้า สอดมาดีดหลุดเสาแรกไปอย่างน่าหวาดเสียว


        สามนาทีให้หลัง ดอร์ทมุนด์ สวนขึ้นมาเกือบได้ประตูขึ้นนำ เมื่อ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ได้ซัดในกรอบเขตโทษ แต่โดน ไมเคิล เอสเซียง ล้มตัวขวางไว้ได้ทัน


        นาทีที่ 81 ซามี เคดิร่า โดนใบเหลืองจากจังหวะเข้าเสียบบอลอันตรายเข้าใส่ผู้เล่นเสือเหลือง


        นาทีถัดมาความพยายามของชุดขาวมาประสบความสำเร็จทำประตูขึ้นนำ 1-0 จากการประสานงานของ กาก้า ที่แทงบอลออกฝั่งขวาให้ เมซุต โอซิล หลุดไปผ่านบอลเข้ามากลางเขตโทษเสือเหลืองและเป็น คาริม เบนเซม่า วิ่งเข้ามาแปไม่เหลือซาก


        ชุดขาวที่กำลังได้ใจมาหวดเพิ่มเป็น 2-0 นาทีที่ 88 จากจังหวะที่ เบนเซม่า ไหลบอลริมเส้นคืนให้ รามอส ซัดด้วยเท้าซ้ายไม่ถึง 6 หลาบอลเสยคานเข้าไปตาข่ายสั่นสะเทือน


        ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ชุดขาว เป็นฝ่ายโหมบุกแทบจะฝ่ายเดียวแต่แข้งเสือเหลืองช่วยกันป้องกันเอาไว้ได้และไม่เสียประตูเพิ่มจบเกม เรอัล มาดริด เฉือน โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 2-0 รวมผลสองนัด ดอร์ทมุนด์ เข้ารอบชิงด้วยสกอร์รวม 4-3 ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่เวมบลี่ย์ โดยจะพบกับผู้ชนะระหว่าง บาเยิร์น มิวนิค หรือ บาร์เซโลน่า ในวันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม นี้



รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม


        เรอัล มาดริด: ดีเอโก้ โลเปซ - ไมเคิ่ล เอสเซียง, ราฟาแอล วาราน, เซร์คิโอ รามอส (กัปตันทีม), ฟาบิโอ โคเอนเตรา (กาก้า น.57) - ลูก้า โมดริช, ชาบี อลอนโซ่ (ซามี เคดิร่า น.66) - อังเคล ดิ มาเรีย, เมซุต โอซิล, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ - กอนซาโล่ อิกวาอีน (คาริม เบนเซม่า น.57)

        สำรองไม่ได้ใช้:
อีเกร์ กาซียาส (ผู้รักษาประตู) - เปเป้, ราอูล อัลบิโอล, อัลบาโร่ โมราต้า


        โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์: โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์ (กัปตันทีม) - ลูคัสซ์ พิสซ์เซ็ค, เนเว่น ซูโบติช, มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์, มาร์เซล ชเมลเซอร์ - อิลคาย กุนโดกาน, สเวน เบนเดอร์ (เฟลิเป้ ซานตาน่า น.90+1) - ยาคุบ บลาสซิซคอฟสกี้, มาริโอ เกิทเซ่ (เควิน โกรสส์ครอยท์ซ น.13), มาร์โค รอยส์ - โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (เซบาสเตียน เคห์ล น.87)

        สำรองไม่ได้ใช้
: มิทเชลล์ ลันเกรัค (ผู้รักษาประตู) - โมริตซ์ ไลต์เนอร์, นูรี่ ซาฮิน, ยูเลี่ยน ชีเบอร์


         ผู้ตัดสิน: ฮาวเวิร์ด เว็บบ์ (อังกฤษ)


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »