''โจ-ธรัช'' น้องเขย ''จา-พนม'' เผยพ่อพระเอกนักบู๊ประเคนหมัดใส่ลูกชาย เพราะเห็นแม่และพี่สาวโดนบอดี้การ์ดอีกฝ่ายผลักจนล้มก่อน แฉให้คุยกันไม่ถึง 5 นาทีแถมลูกชายยังมีท่าทีเฉยชา ด้านฝั่งภรรยา ''บุ้งกี๋'' โร่แจ้งความยันเห็นชายฉกรรจ์ทางฝั่งพ่อสามีพกปืนบุกมาถึงบ้าน

    ข่าวคราวความร้าวฉานครอบครัวยีรัมย์กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่มีข่าวว่า ''ทองดี ยีรัมย์'' พ่อของพระเอกนักบู๊ชื่อดัง ''จา'' พนม ยีรัมย์ ได้บุกไปตามลูกชายถึงกองถ่ายภาพยนตร์ที่วัดพนังเชิง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังจากที่ได้ป่าวประกาศตามหามานานหลายเดือนแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ ก่อนจะบานปลายถึงขั้นลงไม้ลงมือจนมีเรื่องราวในเวลาต่อมา
    

    ทั้งนี้จากการเปิดเผยของ ''ปลา'' ทิพย์กัญญา สุรวิทยานนท์ ผู้จัดการส่วนตัวของ  ''จา-พนม'' ระบุว่าเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 56 ที่ผ่านมาทางฝั่งของพ่อทองดี คุณแม่ พี่สาว พี่ชาย และ พี่เขย ได้พาชายฉกรรจ์อีก 2 คนไปตามบุตรชายที่บ้านของ  ''บุ้งกี๋'' ปิยรัตน์ โชติวัฒนานนท์ ภรรยาของจาที่ปทุมธานี โดยต้องการจะพาจากลับบ้านไปทำพิธีปะกำที่จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งระหว่างนั้นได้มีการสังเกตว่าชายฉกรรจ์อีก 2 คนที่มาด้วยพกวัตถุที่มีลักษณะคล้ายปืน ประกอบกับ ''จา-พนม'' ไม่ได้อยู่บ้าน ทางพ่อของบุ้งกี๋จึงขอให้พ่อทองดีไปหาจาที่กองถ่ายหนังที่วัดพนัญเชิง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    

    จากนั้นจึงได้มีการนัดแนะกับทางทีมงานเพื่อให้พ่อของจาได้เจอกับลูกชายที่กองถ่าย แต่เพื่อความปลอดภัย เพราะเห็นว่าทางครอบครัวพ่อจามีการ์ดมาด้วย จึงได้ให้พ่อของจาไปคุยกับลูกชายพร้อมโปรดิวเซอร์เป็นการส่วนตัวบนรถตู้ แต่หลังจากนั้นไม่นานผู้จัดการสาวก็สังเหตเห็นสิ่งผิดปกติบนรถตู้จึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป ก่อนจะพบว่าพ่อของจากำลังประเคนหมัดและเท้าใส่ลูกชาย ก่อนที่ทีมงานจะรีบกรูกันพาตัวจาออกมา โดยพี่สาวกับแม่ก็รีบวิ่งตามไป ด้านพ่อจาก็วิ่งตามไปจะเอากำปั้นชกตนอีกคน แต่โชคดีหลบได้ทัน และได้มีการแยกตัวจาไปขึ้นรถฟอร์จูนเนอร์หลบออกไปเพื่อให้พ่อได้สงบสติอารมณ์ก่อน
    

    และจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ ''บุ้งกี๋'' ปิยรัตน์ โชติวัฒนานนท์ ภรรยาของ ''จา-พนม'' ได้ไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน เพราะหวั่นว่าชายฉกรรจ์สองคนที่พกปืนมาที่บ้านอาจมาทำอันตรายครอบครัว
    

    อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 18 มิ.ย. 56 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวสยามดาราได้ติดต่อไปยัง ''โจ'' ธรัช ศุภโชคไพศาล น้องเขย ''จา-พนม'' กลับได้รับการบอกเล่าเหตุการณ์ที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง โดย ''โจ-ธรัช'' เปิดเผยว่าจากการบอกเล่าของผู้อยู่ในเหตุการณ์ยืนยันว่า การลงมือของคุณพ่อทองดีมีมูลเหตุมาจากการที่เห็นแม่และพี่สาวของจาถูกการ์ดของพระเอกหนุ่มผลักจนล้มก่อนจึงปรี่เข้าไปหาลูกชายในเชิงต้องการอบรมสั่งสอนเท่านั้น  อีกทั้งความพยายามพบเจอลูกชายของพ่อทองดียังถูกกีดกันตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา แต่เมื่อตามมาจนเจอกลับได้มีโอกาสพูดคุยเพียงไม่ถึง 5 นาทีเท่านั้น ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความบันดาลโทสะ
    

    ''คือการไปหาลูกชายของคุณพ่อก็อย่างที่ในข่าวน่ะครับ  คือตอนแรกไปหาที่ปทุมธานีก่อน แต่ไม่เจอแล้วเขาก็นัดให้ไปเจอกันที่อยุธยา ก็มีคนในครอบครัวไปกัน 5 คน แต่เขาเห็นว่าไปไกลๆ และมีแต่คนแก่กับพี่เขยแค่คนเดียวก็เลยให้ผู้ชายไปด้วยอีก 2 คน ซึ่งตอนที่นัดเจอก็มีการ์ดพาจามาหาแล้วเขาก็กันให้ผู้ชายของเราออกมา โดยมีแค่พ่อ แม่ และพี่สาว ไปคุยกับจาในรถตู้ แล้วตอนที่คุยกันพ่อก็คงโกรธเหมือนกัน เพราะ 5 เดือนที่ผ่านมาโทร.หาจาก็ไม่ได้ เขาก็ว่าทำไมทำร้ายพ่อแม่พี่น้องกันแบบนี้ ว่าแค่เรื่องพวกนี้เท่านั้น ไม่ได้เป็นอย่างที่เป็นข่าว ไม่ได้เรียกร้องเงินทองอะไรกันเลย เพราะที่ผ่านมาจาก็ส่งเงินให้พ่อกับแม่เดือนละ 1 หมื่นบาททุกเดือน ซึ่งเขาก็ไม่ได้ใช้จ่ายอะไรมาก บ้านรถก็มีแล้วไม่เคยมีใครจะไปขอเงินเพิ่ม แต่แค่เพียงอยากให้จาติดต่อกลับมาบ้าง แต่ก็โดนเอาเรื่องงานมาอ้างตลอด พ่อเขาว่าขอแค่เดือนนึงมาเจอสักวันสองวันไม่ได้เลยเหรอ แล้วพอได้คุยกันก็คุยได้ไม่ถึง 5 นาที การ์ดเขาก็พาจาแยกออกไปเลย แล้วโดยสภาพแกแล้วคงยื้ออะไรไม่ได้ แต่จังหวะนั้นแกเห็นแม่กับพี่สาวจาร้องห่มร้องไห้จะไปหาจา แต่โดนการ์ดผลักจนล้มก็เลยทนดูไม่ได้เลยปรี่เข้าไปลงไม้ลงมือ'' น้องเขยจากล่าว
    

    ''โจ-ธรัช'' ยังบอกอีกด้วยว่าผู้ชายอีก 2 คนที่ไปด้วยไม่ได้มีการพกปืนแต่อย่างใด
    

    ''ผมว่าไม่น่าจะมีใครพกปืนไปทำอะไรนะครับ อย่างที่บอกคือเราก็มีแต่คนแก่กับผู้หญิงแล้วไปต่างถิ่นไกลๆ ก็เลยขอให้มีผู้ชายไปช่วยดูแลด้วย ก็เอารถไปอีกคันแต่เจตนาของคุณพ่อไม่ได้ต้องการจะทำร้ายใครเลย เพียงแค่อยากพบลูกชายเท่านั้น''
    

    น้องเขยพระเอกหนุ่มยังชี้แจงเรื่องพ่อของจาที่ถูกว่าหาไม่ได้ป่วยจริงก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ถูกกล่าวหา ซึ่งตนยืนยันได้ว่าพ่อทองดีป่วยมาตั้งแต่ตอนที่จาถ่ายทำหนังเรื่อง ''องค์บาก 2'' แล้ว
    

    ''คือเรื่องป่วยเนี่ยการที่แกนอนอยู่ที่ห้องไอซียูของโรงพยาบาลคงตอบได้ แต่ถามว่าทำไมมาตามลูกชายได้ก็เพราะแกเพิ่งพักฟื้นมาประมาณ 4-5 วันแล้วมีความร้อนใจมากที่แกวิ่งลงไปลงมือกับลูกชายคงเพราะเห็นแม่กับพี่สาวโดนทำร้ายจึงเกิดอารมณ์วูบหนึ่งขึ้นมา แต่ผมยืนยันได้ว่าแกป่วยเกี่ยวกับเส้นเลือดในสมองและเป็นอัมพฤกษ์มาตั้งแต่ตอนที่จาทำหนังองค์บาก 2 แล้ว'' โจกล่าว
    

    นอกจากนี้ ''โจ-ธรัช'' ยังได้รับการบอกเล่าจากพ่อของจาว่า ตอนที่จามาพบกับพ่อนั้นมีสีหน้าที่เรียบเฉย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขณะที่สิ่งที่พ่อได้บอกกับลูกก็มีเพียงเรื่องที่จะให้กลับไปทำพิธีปะกำไหว้บรรพบุรุษที่บ้านเกิด พูดคุยถึงปัญหาและอมรมสั่งสอนลูกเท่านั้น แต่การพูดคุยก็เป็นไปเพียงสั้นๆ ไม่ถึง 5 นาทีอย่างที่กล่าวไว้ และจากท่าทีที่ดูแปลกไปบวกกับความคุ้มกันที่เข้มงวดผิดปกติ ทางครอบครัวของจาจึงอาจจะแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ในท้องที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา