แอนดรอส ทาวน์เซนด์ ดาวรุ่งที่ลงตัวจริงเป็นนัดแรกลงวาดลายแข้งสุดบรรเจิดยิงประตูแรกในฐานะทีม ชาติชุดใหญ่ช่วย "สิงโตคำราม" อังกฤษ เปิดถิ่นอัด มอนเตเนโกร สุดมัน 4-1 คว้าสามแต้มสำคัญพร้อมยังนำจ่าฝูงกลุ่ม และต้องไปลุ้นต่อนัดสุดท้ายต่อไป ในศึกฟุตบอลโลก 2014 (รอบคัดเลือกโซนยุโรป กลุ่มเอช.) เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 11 ต.ค. ที่ผ่านมา

 

ฟุตบอลโลก 2014

(รอบคัดเลือกโซนยุโรป กลุ่มเอช.)

วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม 2554

อังกฤษ 4 - 1 มอนเตเนโกร

สนาม : เวมบลีย์, ลอนดอน

        สิงโตคำราม ทีมนำกลุ่มเอช ต้องการสามแต้มเพื่อรักษาจ่าฝูงก่อนถึงนัดสุดท้าย เกมนี้แนวรุกสมบูรณ์ เวย์น รูนี่ย์ กับ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ กลับคืนทีม, แดนนี่ เวลเบ็ค พ้นโทษแบน และมีเซอร์ไพรส์ส่ง แอนดรอส ทาวน์เซนด์ ลงตัวจริง

        ด้าน มอนเตเนโกร มีปัญหาเพียบ เมียร์โก วูชินิช กับ ประตูมือ 1 มลาเดน โบโซวิช บาดเจ็บ วลาดิเมียร์ โบโซวิช แบ็กซ้ายติดโทษแบน แต่ก็ได้ วลาดิเมียร์ โวลคอฟ และ ซาโว พาวิเชวิช พ้นโทษแบน และ สเตวาน โยเวติช ฟิตทันเวลา

        เริ่มเกมมา เจ้าถิ่นเดินเครื่องบุกก่อน นาทีที่ 8 เวย์น รูนี่ย์ ตั้งป้อมยิงไกลแฉลบบล็อค โวลคอฟ ปลิ้นหลุดเสาออกไป โดยที่ โปเลคซิช ผวาเซฟสุดตัว

        สิงโตคำราม เปิดเกมรุกอย่างต่อเนื่อง นาทีที่ 23 เลห์ตัน เบนส์ เลาะไปสุดเส้นหลังฝั่งซ้าย แล้วเปิดให้ แดนนี่ เวลเบ็ค ไม่ยิงทีแรก ลากไปหามุมแคบแล้วไม่เปิดด้วย เลือกยิงเองไปติดบล็อค

        อังกฤษ บุกแล้วบุกเล่าก็ยังไม่ได้ประตูนำ นาทีที่ 30 เบนส์ โยนจากซ้ายไปให้ เวลเบ็ค ขึ้นโหม่ง แต่บอลดันไปโดนหัวไหล่กระเด้งหลุดกรอบออกไป

        3 นาทีถัดมา เจอร์ราร์ด รับบอลจาก เบนส์ แล้วบรรจงปั่นโค้งเท้าขวาจากระยะ 25 หลา บอลเลี้ยวไปหาเสาไกลแล้ว แต่ โปเลคซิช พุ่งเซฟได้เยี่ยม

        โอกาสทองที่สุดในครึ่งแรกเกิดขึ้นนาทีที่ 40 แอนดรอส ทาวน์เซนด์ ลากเข้าไปกดด้วยซ้ายแฉลบ โปเลคซิช เซฟออกมาตั้งให้ รูนี่ย์ ซ้ำเหน่งๆ คนเดียวไปเข้าตาข่ายด้านข้างอย่างน่าเสียดาย จบครึ่งแรก ยังเสมอ 0-0

        ครึ่งหลัง อังกฤษ มาได้ประตูนำ 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 48 ทาวน์เซนด์ กระชากขึ้นทางขวาด้วยความเร็วสูง ก่อนเปิดเข้ากลางแฉลบไปหา เวลเบ็ค ยิงด้วยขวาเหน่งๆ ไม่ดีไปติดเซฟ โปเลคซิช แต่ยังไม่พ้นอันตราย รูนี่ย์ เก็บได้แล้วซ้ำด้วยซ้ายระยะ 6 หลาเข้าไปไม่เหลือ

        ทีมเยือนลุ้นตีเสมอในนาทีที่ 56 จากฟรีคิกด้านซ้าย สเตวาน โยเวติช เปิดไปให้ เดยัน ดัมยาโนวิช โหม่งจะเสียบมุมอยู่แล้ว แต่ โจ ฮาร์ท เซฟเอาไว้ได้เยี่ยม

        สิงโตคำราม มีจังหวะสวนกลับอันตรายตลอด นาทีที่ 62 ก็ยิงหนีห่าง 2-0 สเตอร์ริดจ์ ตอกส้นจากริมเส้นฝั่งซ้ายให้ เวลเบ็ค หลุดทะลุเข้าเขตโทษ เปิดเข้ากลางไม่ตรงเพื่อนแล้ว แต่ บรังโก้ บอสโควิช สกัดผิดเหลี่ยมเสียบมุมประตูตัวเอง

        ประตูที่สามของเจ้าบ้านไม่ยอมมา รูนี่ย์ หลุดเข้าเขตโทษด้านซ้ายไม่ยอมยิง เปิดให้ เจอร์ราร์ด จะแปด้วยซ้ายแต่ยิงแป้กออกหลัง ถัดมา ทาวน์เซนด์ หลุดขึ้นทางขวาผ่านเข้ากลาง สเตอร์ริดจ์ ชาร์จไม่ถึงอีก

        กลับเป็น มอนเตเนโกร ที่มีความหวัง ยิงไล่มาเป็น 1-2 ในนาทีที่ 72 ฟาตอส เบชิราย ตัวสำรอง ยิงไกลบดเรียดไปเข้าทาง เดยัน ดัมยาโนวิช เปลี่ยนทางบอลผ่าน ฮาร์ท เข้าไป

        แต่ สิงโตคำราม ก็ยิงปิดท้าย 3-1 ในนาทีที่ 78 แอนดรอส ทาวน์เซนด์ ประเดิมทีมชาติเหมือนฝัน เล่นดีแล้วยังทำประตูแรกได้ด้วย เมื่อลากตะลุยขึ้นมาตรงกลางแล้วตะบันเท้าขวา 22 หลาติดไซด์ก้อยกระแทกเสาเหลี่ยมในเข้าประตูไป

        สิงโตคำราม มาได้ประตูปปิดเกมห่าง 4-1 นาทีที่ 93 เป็น แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ รับบทเพชรฆาตรสังหารเข้าไปไม่เหลือ

        จบเกม อังกฤษ เอาชนะ มอนเตเนโกร 4-1 รักษาจ่าฝูงกลุ่มเอชก่อนถึงนัดสุดท้ายโดยแค่ผลเสมอ 0-0 หรือ 3-3 ก็ส่งพวกเขาเข้าไปลุยรอบสุดท้ายที่บราซิลแล้ว ส่วนทีมเยือนโอกาสลุ้นเกือบเป็นศูนย์แล้ว

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

        อังกฤษ : โจ ฮาร์ท, ไคล์ วอล์คเกอร์, ฟิล จากีลก้า, แกรี่ เคฮิลล์, เลห์ตัน เบนส์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด (เจมส์ มิลเนอร์ น.88), แฟร้งค์ แลมพาร์ด (ไมเคิ่ล คาร์ริค น.65), แอนดรอส ทาวน์เซนด์ (แจ็ค วิลเชียร์ น.80), เวย์น รูนี่ย์, แดนนี่ เวลเบ็ค, แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์

        มอนเตเนโกร : วูคาซิน โปเลคซิช, ซาโว พาวิเชวิช (ฟาตอส เบชิราย น.57), สเตฟาน ซาวิช, มิลาน โยวาโนวิช, อิวาน เคโชเยวิช, วลาดิเมียร์ โวลคอฟ (ซิมอน วุคเชวิช น.73), เอลซัด ซเวโรติช, บรังโก้ บอสโควิช, นิโกล่า ดรินชิช, สเตวาน โยเวติช (ฟิลิป คาซาลิช่า น.81), เดยัน ดัมยาโนวิช

        ผู้ตัดสิน : อัลเบร์โต้ อุนเดียโน่ มาเยนโก้ (สเปน)