โคลอมเบีย ตีตั๋วเข้ารอบไปแล้ว จากชัยชนะอันสวยงาม 2 นัดแรก ดังนั้นเหลือแค่โควต้าเดียวในการแย่งชิง นั่นทำให้โปรแกรมนัดสุดท้าย ทั้งเกมระหว่างโคลอมเบีย พบญี่ปุ่น และกรีซ พบไอวอรี่ โคสต์ ยังคงน่าติดตาม

 โฮเซ่ เปเกร์มาน นายใหญ่โคลอมเบีย เคยบอกไว้การเข้ามาเล่นรอบสุดท้านเป็นอะไรที่น่าพอใจ แต่ถึงตอนนี้ทีมต้องการมากกว่านั้นแน่

 "อย่าง แรกเลย เราได้มาเล่นฟุตบอลโลก หลังฟ่างหายไปนาน แล้วเรามีความสุขกับชัยชนะ 2 นัดที่ผ่านมา กับนักเตะที่เพิ่งลงเล่นฟุตบอลโลกครั้งแรก ดังนั้นพวกเขาอยู่ในสถานการณ์ที่ดีมาก อย่างไรก็ตามเราคงไม่คิดไปไกลเกินไป หรืออะไรที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้"

 นี่คือ 10 ปัจจัยในการตัดสินว่าใครจะตามโคลอมเบียเข้ารอบ หรือทีมไหนจะเป็นแชมป์กลุ่ม

 1. โคลอมเบียจัดเต็มไหม?

 เรื่องแรกคือโคลอมเบีย จะส่งทีมชุดใหญ่ลงเล่นเกมสุดท้ายทั้งหมดไหม เนื่องจากการันตีการเข้ารอบ 16 ทีมแล้ว

 มี ความเป็นไปได้ที่เปเกมาน จะหมุยเวียนนักเตะในทีม ด้วยการพักนักเตะที่มีอาการล้า หรือมีใบเหลืองติดตัวอยู่ พร้อมให้โอกาสนักเตะหลายๆ คนในทีมได้รับประสบการณ์อันสุดวิเศษในฟุตบอลโลก

 นั่น จึงเป็นที่มาของการพักนักเตะระดับสตาร์บางคนเอาไว้ แล้วกลายเป็นการเปิดโอกาสให้คู่แข่งอย่างญี่ปุ่น ขุนพลของทีมอย่างฮาเมส โรดรีเกซ หรือฮวน กวาดราโด้ อาจถูกดร็อปเป็นแค่สำรองเท่านั้น

 2. โคลอมเบียต้องการแค่แต้มเดียวเพื่อเป็นแชมป์กลุ่ม

 การ เปลี่ยน 11 ตัวจริงหรือไม่ เป็นผลพวงจากการที่โคลอมเบีย ไม่ต้องชนะก็ได้ในนัดสุดท้าย ก็จะเป็นแชมป์กลุ่ม และจะเลี่ยงการเจอแชมป์กลุ่มดี ในรอบต่อไป

 พวกเขาไม่จำเป็นต้องเร่ง เกม หากต้องการ และก็อาจไม่ต้องเน้นรับแบบเต็มตัวแต่อย่างใด กระนั้นหากมองถึงขุนพลในเกมรับ ยังถือว่าแข็งแกร่ง และสามารถหยุดยั้งเกมบุกของคู่แข่งเป็นอย่างมาก หากลงไปรับลึกหน้าเขตโทษ นำโดยกองหลังตัวหลักอย่างมาริโอ เยเปส

 การคว้าชัย 2 นัดแรกของโคลอมเบีย เหมือนเปิดโอกาสให้ทดลองแผนการเล่นสวนกลับมานัดนี้ แม้ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นกับญี่ปุ่นก็ตาม

 3. เปลี่ยนกองหน้าตัวเป้าได้เลย

 เต โอฟิโล่ กูเตียร์เรซ ยิงประตูให้โคลอมเบีย ในนัดแรก ก่อนถูกแทนที่โดยแจ็คซอน มาร์ตีเนซ ที่พลาดโอกาสทองในเกมนัดที่ 2 ทั้งๆ ที่เล่นครบ 90 นาที

 ผลงานของกูเตียร์เรซ โดดเด่นเหลือเกิน ด้วยความทุ่มเทเป็นจุดเด่นของตัวเขา รวมทั้งการเคลื่อนตัวเพื่อเชื่อมเกมกับมิดฟิลด์ตัวรุกเพื่อหาช่องในการทำ ประตูเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยม และมีผลกับทีม

 กระนั้นหากเปเกมาน จะให้โอกาสอีกหนึ่งกองหน้าอย่างอาเดรียน รามอส ก็เป็นโอกาสที่ดี แม้ตำแหน่งของเตโอ เป็นอะไรที่น่าประทับใจอยู่แล้ว

 4. ญี่ปุ่นต้องปรับปรุงเกมบุก

 ทีมซามูไร มีโอกาสยิงตรงกรอบแค่ 6 ครั้งจาก 2 นัดแรก แล้วเปลี่ยนเป็น 1 ประตูเท่านั้น

 พวก เขาไม่สามารถเจาะแนวรับของกรีซ ในเกมที่เสมอ 0-0 ทั้งๆ มีโอกาสทองถึง 2 ครั้งด้วยกัน และแน่นอนทีมจำเป็นอย่างยิ่งต้องปรับปรุงในจุดนี้ หากต้องการผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์

 ญี่ปุ่น ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องชนะ ผลเสมอไม่เพียงพอต่อการเข้ารอบ ซึ่งการจะมี 3 แต้มต้องยิงประตูค่แข่งให้ได้

 อัล แบร์โต้ ซัคเคโรนี่ เทรนเนอร์ของทีม รู้ว่าทีมของเขาได้ผลที่ไม่ดีนักในเกมพบกรีซ จนทำให้ทีมต้องมาเจอกับความกดดัน "เราเล่นกันช้าเกินไป นี่ไม่ใช่ผลที่ดีสำหรับเราเลย แน่นอนเราต้องการชัยชนะ"

 5. กรีซต้องโชว์สิ่งอื่นนอกจากเกมรับ

 กรีซ จำเป็นต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ บ้าง แม้ว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จในการเป็นแชมป์ยูโร 2004 ด้วยรากฐานเกมรับอันเหนียวแน่น

 พวก เขาไม่ทำอะไรเลย นอกจากป้องกันไม่ให้ญี่ปุ่น เจาะเข้าทำในเกมนัดที่ 2 ของกลุ่ม แน่นอนหากรักษาคลีนชีตเอาไว้ได้ มันเป็นการการันตีสำหรับการมีแต้มในแต่ละนัด

 ตอนนี้สถานการณ์ของพวก เขาเหมือนญี่ปุ่น คือค้องการชัยชนะ และหวังว่าโคลอมเบีย จะไม่แพ้ให้ทีมซามูไร ด้วยสกอร์มากๆ แต่กระนั้นมีคำถามตามมาว่าทีมอย่างกรีซ จะเปิดเกมบุกใส่ไอวอรี่โคสต์หรือ?

 6. เฟ็ตฟัตซิดิสควรได้รับโอกาสต่อ

 จิ อานนิส เฟ็ตฟัตซิดิส เป็นหนึ่งในไม่กี่นักเตะกรีซ ที่เล่นเกมรุก ซึ่งเขามีทั้งความเร็ว, การเคลื่อนที่ที่ดี จนสร้างปัญหาให้แนวรับคู่แข่ง

 เขา ได้โอกาสลงสนามในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายในเกมแรกที่พบโคลอมเบีย บวกกับในช่วง 40 นาทีแรกของเกมพบญี่ปุ่น ซึ่งแน่นอนแทบไม่มีโอกาสที่เขาจะโชว์ศักยภาพในตัวออกมาได้เลย

 กรีซ ยังยิงประตูไม่ได้เลยในฟุตบอลโลกครั้งนี้ พวกเขาจำเป็นต้องพึ่งเฟ็ตฟัตซิดิส เพื่อสร้างสรรค์เกมบุก ในแมตช์ที่ต้องการชัยชนะ

 7. โบนี่ หรือดร็อกบา?

 ไอวอรี่ โคสต์ ยังต้องตัดสินใจการเปลี่ยนทีม เพื่ออนาคตของตัวเอง

 วิ ลฟรีด โบนี่ ลงเล่นเป็นกองหน้าตัวจริงทั้ง 2 นัด ส่วนดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ลงเป็นสำรองทั้ง 2 นัดเช่นกัน โดยโบนี่ ไม่ได้แสดงผลงานอันน่าประทับใจออกมา แม้จะเป็นผู้ทำประตูสุดล้ำค่าในเกมพบญี่ปุ่นก็ตาม

 ซาบรี ลามูชี่ นายใหญ่ของทีมควรให้โอกาสโบนี่ ต่อ แล้วให้ดร็อกบา นั่งอยู่ม้านั่งสำรองก่อนเพื่อลงมาช่วยทีมในช่วงคับขัน หรือในนัดสุดท้ายที่ต้องการผลชนะ จะส่งดร็อกบา เป็นตัวจริงเพื่อสร้างความมั่นใจในทีม

 หรือส่งทั้งคู่เป็นตัวจริงพร้อมกันเลย?

 8. บอลจากริมเส้นของไอวอรี่ โคสต์

 จุด แข็งของไอวอรี่ โคสต์ คือการจ่ายบอลทะลุช่อง โดยพวกเขาสามารถสร้างสรรค์เกมแบบนั้นได้ในเวลาที่ต้องการ เพียงแต่สิ่งนี้ขาดหายไป และไม่ได้เห็นบ่อยครั้งนักจากยาย่า ตูเร่ ใน 2 นัดแรก

 ด้วยกองหน้าที่ถ่างออกไปเล่นริมเส้น เหมือนเป็นการเปิดแนวรับของคู่แข่ง อันเป็นที่มาประตูของแชร์วินโญ่

 นอกจากนั้นแล้ว ทีมยังมีฟูลแบ็กที่สามารถเติมเกมบุก และเปิดบอลจากทางขวาได้ดีอย่างแซร์ก อูริเย่ร์ ที่คอยเปิดบอลจากริมเส้น

 9. เกมรับที่ไม่รัดกุม

 ในช่วงเวลาที่ทีมกำลังเดินหน้าเพื่อหาประตูเพิ่ม ในทางกลับกันไอวอรี่ โคสต์ กลับเป็นฝ่ายให้คู่แข่งทำแบบนั้นใส่

 พวก เขามอบโอกาสให้โคลอมเบีย อยู่บ่อยครั้งในเกมล่าสุด ในนั้นเป็นการเสียประตูที่ 2 ซึ่งแทบจะหาทางกลับไม่ได้เลย ดังนั้นทีมจำเป็นต้องปรับปรุงเกมรับให้เร็วที่สุด เพื่อผ่านเข้ารอบต่อไป

 ความ จริงแล้ว ไอวอรี่ โคสต์ น่าต้องการแค่ผลเสมอสำหรับการเข้ารอบ หากว่าได้ผลการแข่งขันที่แตกต่างออกไปจากนัดก่อน ถึงตอนนี้ทีมต้องมาเสี่ยงอีกครั้ง

 10. ทีมไหนเพลี่ยงพล้ำก่อนกัน

 กับการที่ทั้งสองแมตช์ในกลุ่มเตะเวลาเดียวกัน แน่นอนทั้งสองสนามย่อมไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองจะจบยังไง

 ญี่ปุ่น กับกรีซ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากคว้าชัยชนะ ในทางกลับกัน 2 ทีมทั้งโคลอมเบีย เล่นแค่ผลเสมอเท่านั้น เช่นเดียวกับไอวอรี่ โคสต์ ผลเสมออาจไม่เสียหาย

 ประตูแรกจาก 2 นัดนั้น น่าตัดสินอะไรได้หลายๆ อย่าง และหากว่ายังคงไม่มีประตูเกิดขึ้น คงจำเป็นอย่างยิ่งสำหรรับเทรนเนอร์ทีมที่ต้องการชัยชนะปรับเปลี่ยนทีม เพื่อการเป็นฮีโร่ หรือในทางกลับกันอาจกลายเป็นความผิดพลาดได้