ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ลีกคัพอื่นๆ » ชำแหละกึ๋นกุนซือมือทอง "หลุยส์ ฟาน กัล"

ชำแหละกึ๋นกุนซือมือทอง "หลุยส์ ฟาน กัล"

Posted 01/07/2014 by siamsport

 
บีบหัวใจจนแทบแตกสลายเลยสำหรับแฟนบอลทีมชาติฮอลแลนด์ที่ได้เห็นพลพรรค "กังหันลม" โกงความตายด้วยการยิง 2 ประตูในช่วงห่าง 6 นาทีพลิกเชือด เม็กซิโก 2-1 ทะลุเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศได้สำเร็จ

 ความพร้อมก่อนเกมของ ฮอลแลนด์ ถือว่าอยู่ในระดับสูงสุดเมื่อ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ พ้นโทษแบนกลับมาประจำการอีกครั้ง แถม บรูโน่ มาร์ตินส์ อินดี้ ที่เจ็บจากเกมล่าสุด ก็ฟิตกลับมาเป็นอีกทางเลือก ส่วน เลอรอย เฟอร์ ที่เจ็บจากการซ้อม ต้องพักรักษาตัวต่อไป


 หลุยส์ ฟาน กัล ยังยึดมั่นในระบบ 5-3-2 ต่อไป ยาสเปอร์ ซิลเลสเซ่น ประจำการหน้าปากประตู แนวรับ 3 ตัวเป็น สเตฟาน เดอ ฟราย, รอน ฟลาร์ และ ดาลี่ย์ บลินด์ 


 วิง แบ็กขวาเลือกดร็อป ดาริล ยันมาต แล้วใช้งาน พอล แฟร์ฮาก โดยเชื่อว่าน่าจะเพื่อเน้นเกมรับในการรับมือ มิเกล ลายุน วิงแบ็กซ้ายขาลุยของ เม็กซิโก ส่วนวิงแบ็กซ้ายเป็น เดิร์ค เค้าท์ ที่ฉลองสถิติลงเล่นครบ 100 นัดให้ ฮอลแลนด์ โดยนับเป็นคนที่ 7 ต่อจาก ฟิลิปป์ โคคู (101), เวสลี่ย์ สไนเดอร์ (103), โจวานนี่ ฟาน บรองค์ฮอร์สท์ (106), ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท (109), แฟรงค์ เดอ บัวร์ (112) และ  เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ (130)


 แดนกลางเป็น 3 ประสาน จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม, ไนเจล เดอ ยอง และ เวสลี่ย์ สไนเดอร์ ร่วมกันรับผิดชอบ ส่วนแดนหน้าเป็นการกลับมาจับคู่อีกครั้งของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ และ อาร์เยน ร็อบเบน


 ขุนพล "จังโก้" เป็นฝ่ายเดินเกมรุกเข้าหา ฮอลแลนด์ อย่างต่อเนื่องแถมได้ลุ้นประตูหลายต่อหลายครั้งจากความวูบวาบของเหล่าตัว รุกอย่าง มิเกล ลายุน, เอ็คตอร์ เอร์เรร่า, โจวานี่ ดอส ซานโตส และ โอริเบ เปรัลต้า อาจจะเป็นเพราะ "อัศวินสีส้ม" ขาดตัวตัดเกมคนสำคัญอย่าง เดอ ยอง ที่ดันมาเจ็บโคนขาหนีบตั้งแต่ 10 นาทีแรก โดยเชื่อว่าเจ้าตัวอาจจะพลาดลงสนามในรอบก่อนรองชนะเลิศด้วย ส่วนคนลงมาแทนเป็น มาร์ตินส์ อินดี้ ที่ลงมาเป็นเวนเตอร์แบ็กพร้อมขยับ บลินด์ ขึ้นมาเป็นกองกลาง


 เข้าสู่ช่วง 30 นาทีแรก เปโดร โปรเอนซ่า เชิ้ตดำเมืองฝอยทอง เป่าหยุดเกมให้มีการเบรกดื่มน้ำ 3 นาทีอย่างเป็นทางการครั้งแรกใน ฟุตบอลโลก 2014 หลังจากนั้น เม็กซิโก ยังเป็นฝ่ายหาโอกาสเข้าทำได้อย่างจะแจ้งจนช่วงท้ายครึ่งแรก ฮอลแลนด์ น่าจะได้จุดโทษจากจังหวะที่ ร็อบเบน โดน ราฟาเอล มาร์เกซ และ เอ็คตอร์ โมเรโน่ เข้ามาสกัดในเขตโทษ โดยผู้ตัดสินปล่อยให้เกมดำเนินต่อไป และจากจังหวะนี้ทำให้ โมเรโน่ บาดเจ็บหน้าแข้งแตกต้องเปลี่ยนตัวออกไปด้วย


 กลับ มาต่อครึ่งหลังแค่ 3 นาที เม็กซิโก เป็นฝ่ายได้เฮเมื่อส่งบอลซุกก้นตาข่ายจนได้ ต้องยกนิ้วให้ความยอดเยี่ยมของ ดอส ซานโตส ที่พักอกเอาบอลลงมาได้ดีก่อนกดด้วยซ้ายข้างถนัดพุ่งผ่านมือ ซิลเลสเซ่น เป็นประตูนำ 1-0


 "จังโก้" ยิ่งได้ใจก่อนเดินหน้าโหมบุกหนัก กระทั่ง ฟาน กัล เริ่มการแก้เกมด้วยการถอด แฟร์ฮาก แล้วส่ง เมมฟิส เดอปาย ตัวสำรองคนสำคัญ ลงมาเพิ่มมิติในเกมรุกเพื่อประตูตีเสมอ และทำให้ ฮอลแลนด์ เริ่มมีโอกาสยิงประตูเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ


 ตรงจุดนี้ต้องโทษการ แก้เกมของ มิเกล เอร์เรร่า เทรนเนอร์ทีมชาติเม็กซิโก ด้วย เนื่องจากดันถอด ดอส ซานโตส แล้วส่ง ฮาเวียร์ อากีโน่ ลงไปเพื่อเพิ่มความแน่นหนาในแดนกลางเหมือนพอใจกับผล 1-0 แทนที่จะส่งตัวรุกไว้ค้ำไม่ให้ ฮอลแลนด์ กล้าเดินหน้าบุกเต็มตัว แถมในช่วง 15 นาทีสุดท้ายก็เปลี่ยน เปรัลต้า ออกแล้วให้ ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ "ชิชาริโต้" ลงไปห้อยหน้าแค่คนเดียวอีก


 มาถึงนาที 75 โปรเอนซ่า ให้พักดื่มน้ำอีกครั้ง โดย ฟาน กัล เปิดเผยว่าช่วงเวลานี้ตนตัดสินใจใช้แผนสำรองด้วยการดัน เค้าท์ ที่เล่นได้อย่างโดดเด่นด้วยการวิ่งไปทั่วสนามทั้งที่อายุปาเข้าไป 33 ปีแล้ว ขึ้นไปอยู่ข้างหน้าคู่กับ คลาส-แยน ฮุนเตลาร์ ที่ลงมาแทน ฟาน เพอร์ซี่ ที่เล่นไม่ออกเลย พร้อมถอย ร็อบเบน ลงมาเป็นตัวทำเกมรุก


 รูปเกม ของ ฮอลแลนด์ ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดก่อนมาได้ประตูตีเสมอในช่วง 2 นาทีสุดท้าย ร็อบเบน เปิดเตะมุมให้ ฮุนเตลาร์ โหม่งย้อนกลับมาให้ สไนเดอร์ วิ่งเข้ามาตะบันด้วยขวาเต็มข้อพุ่งวาบเสียบตาข่ายชนิดที่ กิเยร์โม่ โอชัว ได้แต่เซฟด้วยสายตา โดยนับเป็นการฉลองการทำสถิติเป็นผู้เล่นที่ลงสนามในฟุตบอลโลกให้ "อัศวินสีส้ม" มากที่สุดตลอดกาลของ สไนเดอร์ ที่ 15 นัดด้วย


 แล้ว ก็เป็นช่วงเวลาได้ใจของ ฮอลแลนด์ บ้าง พวกเขาบุก, บุกแล้วก็บุก และ ร็อบเบน มาประสบความสำเร็จในการพุ่งล้มจนได้หลังโดน มาร์เกซ สะกิดล้มในเขตโทษในช่วงทดเจ็บนาทีที่ 4 โดย ดาวเตะบาเยิร์น มิวนิค เสียสละให้ ฮุนเตลาร์ สวมบทฮีโร่ของชาติด้วยการซัดจุดโทษจมก้นตาข่ายเป็นประตูชัยพาทีมโกงความตาย ได้สำเร็จ


 หลังจบเกม เอร์เรร่า ออกมาตำหนิการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินโดยเฉพาะจังหวะจุดโทษเนื่องจากเห็นว่า ร็อบเบน พยายามพุ่งล้มทั้งเกม และชี้ว่า เชิ้ตดำจากเมืองฝอยทอง ควรเบรกด้วยการให้ใบเหลืองตั้งแต่ครั้งแรกด้วย ส่วน ร็อบเบน ออกมายอมรับผิดว่าตนพุ่งล้มจริงๆแต่เป็นจังหวะตั้งแต่ครึ่งแรก แถมยืนยันว่าจังหวะที่ตนโดนเสียบในช่วงท้ายครึ่งแรกและในช่วงทดเจ็บสมควร เป็นจุดโทษอย่างไร้ข้อโต้แย้ง


 สำหรับ ฮอลแลนด์ เป็นเวลาสำหรับการฉลองอีกครั้งหลังเดินทางสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย เริ่มขยับเข้าใกล้การคว้าแชมป์โลกสมัยแรกในประวัติศาสตร์เข้าทุกที โดยรอบต่อไป "อัศวินสีส้ม" จะเจอกับ คอสตาริกา ผู้สร้างปาฏิหาริย์จากกลุ่มดี ที่ดวลจุดโทษเอาชนะ กรีซ มาได้ 5-3 หลังเสมอ 1-1 หลังผ่าน 120 นาทีไปแล้ว
 ฮอลแลนด์ ไม่เคยดวลกับ คอสตาริกา มาก่อนเลย แม้ชื่อชั้นจะเป็นเหนือกว่าเยอะ แต่เชื่อเลยว่าพวกเขาไม่กล้าประมาทแข้ง "กล้วยหอม" แน่นอน เนื่องจากมีบทเรียนมาแล้วจาก อุรุกวัย, อิตาลี และ อังกฤษ ทว่า "กังหันลม" จะเป็นผู้หยุดม้ามืดตัวนี้ได้หรือไม่ รอลุ้นกันวนในเสาร์ที่ 5 ก.ค. นี้

สำรองเปลี่ยนเกม


 นอก จากการแก้เกมอันหลากหลายแล้ว หลุยส์ ฟาน กัล ยังตอกย้ำความเป็นกุนซือมือทองที่ตัดสินใจได้อย่างถูกต้องไปเสียทุกอย่างและ กลายเป็นนัดที่ 3 ติดต่อกันแล้วที่ตัวสำรองของเขากลายเป็นซูเปอร์ซับช่วยพลิกเกมและพาทีมคว้า ชัยได้สำเร็จ


 ในเกมกับ ออสเตรเลีย เมมฟิส เดอปาย ถูกส่งลงมาตั้งแต่ช่วงทดเจ็บของครึ่งแรก ก่อนกลายเป็นฮีโร่ด้วยการยิงประตูชัยพา ฮอลแลนด์ แซงคว้าชัยด้วยสกอร์ 3-2


 นัด ถัดมากับ ชิลี เกมทำท่าว่าจะจบลงด้วยผลเสมอ แต่ "อัศวินสีส้ม" มาได้ 2 ประตูจากตัวสำรองโดย เลอรอย เฟอร์ ลงมาในนาที 75 ก่อนใช้เวลาราว 90 วินาทีในการโหม่งประตูเบิกร่อง เข้าสู่ช่วงทดเจ็บ พวกเขามาได้ประตูย้ำชัยจาก เดอปาย ที่โดนหย่อนลงสนามในนาที 69 ทำให้เจ้าตัวกดไปแล้ว 2 ประตูจาก 2 นัดในฐานะตัวสำรอง


 เกมล่า สุดกับ ฮอลแลนด์ โดน เม็กซิโก นำ 1-0 โดยที่จังหวะการเข้าทำยังขาดความอันตรายเนื่องจาก โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ โดนตามประกบจนแทบไม่มีบทบาทเลย ทำให้ ฟาน กัล โชว์ความเด็ดขาดด้วยการถอด "อาร์วีพี" ออกจากสนามแล้วส่ง คลาส-แยน ฮุนเตลาร์ ลงมาเป็นหอกเป้า นับเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญเนื่องจาก ดาวยิงเจ้าของฉายา "ฮันเตอร์" โหม่งย้อนหลังให้ เวสลี่ย์ สไนเดอร์ ยิงตีเสมอก่อนมายิงจุดโทษเป็นประตูชัยได้ในที่สุด

เกร็ดน่าสนใจ

- คลาส-แยน ฮุนเตลาร์ ยิงไปแล้ว 3 ประตูจาก 280 นาทีล่าสุดในสีเสื้อ "อัศวินสีส้ม"
- คลาส-แยน ฮุนเตลาร์ พลาดเป้าในการซัด 3 จุดโทษหลังสุดใน บุนเดสลีกา
- คลาส-แยน ฮุนเตลาร์ ได้สัมผัสบอลทั้งสิ้น 7 จังหวะในเกมกับ เม็กซิโก โดยรวมจังหวะแอสซิสต์และยิงจุดโทษแล้ว
- เวสลี่ย์ สไนเดอร์ ยิงประตูแรกในรอบ 630 นาทีล่าสุดในการรับใช้ทัพ "กังหันลม"
- ฮอลแลนด์ คว้าชัยทั้ง 11 นัดที่พวกเขายิงประตูได้ในฟุตบอลโลก
- ฮอลแลนด์ สังหารจุดโทษในช่วงเวลาปกติแบบไม่พลาดเป้าทั้ง 9 ครั้งในฟุตบอลโลก
- ฮอลแลนด์ คว้าชัยเป็นนัดที่ 4 ติดต่อกันแล้วที่พวกเขาโดนยิงนำไปก่อนในฟุตบอลโลก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
  • สำนึกแล้ว!ซัวเรซรับผิดแถลงขอโทษคิเอลลินี่
    หลุยส์ ซัวเรซ หัวหอกทีมชาติอุรุกวัย ออกโรงขอโทษ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ กองหลังทีมชาติอิตาลีแล้ว หลังไปงับไหล่อีกฝ่ายในเกม ฟุตบอลโลก 2014 แม้ก่อนหน้านี้จะยืนยันมาตลอดว่าตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ก็ตาม โดยให้สัญญาว่าจะไม่ก่อเเรื่องอย่างนี้อีกแล้ว
  • ทำไปได้!ฮัจวาเลียเล็งยืมซัวเรซล่าตาข่ายลีกโคโซโว
    ฮัจวาเลีย ทีมแกร่งในลีกโคโซโว อาศัยช่องว่างเนื่องจากไม่เป็นสมาชิกฟีฟ่า ยื่นข้อเสนอไปยังลิเวอร์พูล เพื่อขอยืมตัวหลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าทีมชาติอุรุกวัย มาร่วมทีมในระหว่างที่โดนแบนยามว 4 เดือน ตามรายงานข่าวจากเดอะ เทเลกราฟ สื่อดังเมื่อผู้ดีเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
  • เยอรมันหืดต่อเวลาโค่นแอลจีเรีย2-1ชนตราไก่
    ทัพ "อินทรีเหล็ก" เยอรมัน หืดขึ้นคอ ต้องดวลเดือด "จิ้งจอกทะเลทราย" แอลจีเรีย จนถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ ก่อนจะเชือดชนะไปได้อย่างหวุดหวิด 2-1 ทะลุรอบ 8 ทีมสุดท้ายไปพบกับ "ตราไก่" ฝรั่งเศส ในศึกฟุตบอลโลก 2014 รอบ 16 ทีมสุดท้าย วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน 2557
  • ฝรั่งเศสไม่แผ่ว!อัดไนจีเรีย2-0ฉลุย8ทีม
    "ทีมตราไก่" ฝรั่งเศส ยังรักษาฟอร์มได้เหมือนเคย หลังเป็นฝ่ายเอาชนะ "อินทรีมรกต" ไนจีเรีย ไปได้แบบไม่ยากเย็น 2-0 ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 รอบ 16 ทีม สุดท้าย เมื่อวันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน ที่ผ่านมา

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »