"พละกำลัง" อีกหนึ่งปัจจัยสู่แชมป์โลก
Posted 13/07/2014 by siamsport
ในฟุตบอลโลก ไม่ใช่เพียงแค่บททดสอบของความสามารถเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสภาพร่างกาย และความฟิต บวกกับความกดดันต่างๆ ที่ต้องเล่นท่ามกลางสายตาคอยจดจ้องเป็นล้านๆ จากทั่วทุกมุมโลก
อีกทั้งสภาพอากาศที่ร้อนระอุในบราซิล นั่นทำให้ฟุตบอลโลก 2014 นักเตะคงต้องรีดพลังที่มีอยู่ในตัว เพื่อก้าวข้ามลิมิตต่างๆ ของร่างกาย สำหรับการประสบความสำเร็จในบั้นปลาย
เกมในวันอาทิตย์นี้ จะมีสุดยอดของสุดยอดทีมที่ประสบความสำเร็จ
ทั้งเยอรมัน และอาร์เจนติน่า ต้องแก่งแย่งกันบนพื้นหญ้าสนามมาราคาน่า ในริโอ เด จาเนโร โดยนี่เป็นการเจอกันของ 2 ทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในฟุตบอลโลกครั้งนี้
โดยทั้งคู่ต่างต้องผ่านความยากลำบาก และเหนื่อยล้าก่อนมาถึงจุดนี้ได้
ตั้งแต่เปิดสนามเมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา อาร์เจนติน่า ลงสนามไปถึง 600 นาที จากทั้งหมด 6 นัดด้วยกัน โดยในจำนวนนั้น 2 นัดเป็นการเล่นถึง 120 นาที เมื่อเกมยืดเยื้อไปจนถึวช่วงต่อเวลาพิเศษ
ฝั่งเยอรมัน เริ่มต้นในอีก 1 วันให้หลัง โดยพวกเขาเล่นน้อยกว่าทีมฟ้า-ขาว 30 นาที เพราะมีเกมที่ต่อเวลาแค่นัดเดียวเท่านั้น
บางทีทีมจากเมืองเบียร์ อาจไม่ได้เปรียบมากนัก แม้มีเวลาพักมากกว่า 1 วันเมื่อผ่านรอบรองชนะเลิศ โดยพวกเขาได้รับโอกาสให้หยุดพักเป็นพิเศษ 1 วันก่อนนัดชิงดำ เมื่อเอาชนะบราซิล ในวันอังคาร
แมตช์รอบรองชนะเลิศของอาร์เจนติน่า มีในวันพุธ อีกทั้งยังต้องเล่น 120 นาที ก่อนดวลลูกโทษเอาชนะฮอลแลนด์
ดังนั้นอาจบอกได้ว่าเยอรมัน มีสภาพร่างกายสมบูรณ์พร้อมกว่าสำหรับนัดชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์นี้ กระนั้นยังมีหลายเหตุผลสนับสนุนว่าสภาพความฟิตของทั้งสองทีมไม่แตกต่างกันมากนัก
แม้ว่าเล่นมมากกว่าคู่แข่งในนัดชิงฯ 30 นาที (5.2%) ทว่าตามสถิติของฟีฟ่า ทีมฟ้า-ขาว วิ่งน้อยกว่าทีมอินทรีเหล็ก 6.7 กิโลเมตร
ตลอดเส้นทางที่ผ่านมา นักเตะทั้งสองทีมวิ่งรวมกันไปแล้วเกือบ 700 กม. (เยอรมัน อยู่ที่ 690 กม. อาร์เจนติน่า น้อยกว่าที่ 683 กม.) โดยช่วงว่างอาจต่างกันไม่ถึงเปอร์เซนต์เดียว
กระนั้น มันก็ช่วยให้เห็นว่าอาร์เจนติน่า ไม่ได้เป็นรองแม้ลงสนามในจำนวนนาทีที่มากกว่า
อย่างไรก็ตามเมื่อมาเจาะลงไปเฉพาะในช่วงสั้นๆ อาร์เจนติน่า เจอปัญหาในการเล่นรอบน็อกเอาต์ในช่วง 10 วันหลังสุด เพราะทีมของอาเลฮานโดร ซาเบย่า ต้องเล่นไปกว่า 330 นาที หลังผ่านรอบแบ่งกลุ่ม
โดยเป็นจำนวนระยะทาง 375.6 กม. ซึ่งตัวเลขนี้ มากกว่าทีมอินทรีเหล็ก อยู่ 10% ของเวลาในสนาม และมากกว่า 6.3% ในเรื่องระยะทางวิ่ง
กระนั้นซาเบย่า คงมองข้ามความเครียดในจุดนี้ไปได้ ในเมื่อเขาใช้งานขุมกำลังที่มีอยู่แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยกว่าโยอาคิม เลิฟ
สิ่งนี้พิสูจน์จากการเปลี่ยนแปลงนักเตะในทีม ในเมื่อทีมฟ้า-ขา ใช้นักเตะไป 20 จาก 23 คนในทีม โดยในนั้น 4 คนลงเล่นทุกนาทีของทัวร์นาเมนต์ และอีก 5 คนลงสนามมากกว่า 500 นาที
ตรงกันข้าม ทีมอินทรีเหล็ก ใช้นักเตะแค่ 18 คน มี 4 คนที่ลงเล่นทุกนาที และอีก 6 คน ลงสนามมากกว่า 500 นาที
ดาวเด่นที่จะเป็นตัวตัดสินเกมในนัดนี้ และน่าเป็นนักเตะที่ถูกจับตามองมากว่าที่สุดอย่างลิโอเนล เมสซี่ อาจมีปัญหาบาดเจ็บในฤดูกาลที่ผ่านมา กับการรับใช้ต้นสังกัดอย่างบาร์เซโลน่า
กระนั้นในนามทีมชาติในฟุตบอลโลก เขากำลังโชว์ฟอร์มได้ดี ด้วยการยิง 4 ประตู บวกกับอีก 1 แอสซิสต์ จาก 8 ประตูของทีมในทัวร์นาเมนต์
เมสซี่ เป็นนักเตะเงียบๆ ซึ่งหลายคนรู้ดีว่าเขามักจะเดินเป็นหลัก แต่จะค่อยมาเร่งฝีเท้าในจังหวะเข้าทำ จนทำให้เขาวิ่งเกิน 10 กม. เพียงแค่ 2 นัดเท่านั้น และมันเป็นเกมที่ต้องเล่นช่วงต่อเวลาพิเศษ
ถึงกระนั้น เขากลับวิ่งมากสุดแค่ 10,702 เมตรใน 120 นาทีเกมพบสวิตเซอร์แลนด์ น้อยกว่าค่าเฉลี่ยของเพื่อนร่วมทีมที่นับแค่ 90 นาที ไปถึง 200 เมตร ตลอดทั้ง 4 นัดด้วยซ้ำไป
เมสซี่ วิ่งเฉลี่ย 8,157 เมตร ต่อเกม 90 นาทีของทัวร์นาเมนต์นี้ และวิ่ง 10,495 เมตรในเกมพบฮอลแลนด์
แตกต่างกับเพื่อนร่วมทีมอย่างลูก้า บีญ่า ที่วิ่ง 15,013 เมตร หรือมากกว่าครึ่งต่อครึ่ง
ตรงจุดนี้บอกได้ว่า เมสซี่ คงไม่ได้มีอาการเหนื่อยล้าก่อนเล่นนัดชิงชนะเลิศ เช่นเดียวกันกับกอนซาโล่ อิกวาอิน ที่ถูกเปลี่ยนตัวออกหลังวิ่งไปแค่ 8,909 เมตร ในเกมพบทีมหังหันสีส้ม
ฝั่งตรงกันข้าม ตัวรุกทีเด็ดของเยอรมัน อย่างโธมัส มุลเลอร์ อาจเหนื่อยล้ามากกว่า
ในเมื่อเขาลงเล่นทุกนัดในฟุตบอลโลกครั้งนี้ และมีแค่ 7 นาทีที่ไม่ได้อยู่ในสนาม โดยเขาวิ่งไปกว่า 68 กิโลเมตร หรือคิดเป็นการวิ่งเฉลี่ย 10,901 เมตร ในช่วง 90 นาทีของแต่ละนัด
สถิตินี้มีแค่ซามี่ เคดิร่า และบาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ที่ทำงานหนักกว่า เมื่อนับรวมนักเตะเยอรมันทุกคน
แต่จุดที่แตกต่างคือมุลเลอร์ เป็นนักเตะในแนวรุก ที่บางจังหวะต้องสปีดด้วยความเร็วที่มากกว่า และยิ่งระยะทางออกมาไกลกว่าเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ นี่จึงเป็นอะไรที่น่าประทับใจมาก
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามุลเลอร์ คือยอดนักเตะที่วิ่งเต็มที่เพื่อทีม
และแน่นอนว่าทั้งมุลเลอร์ และเมสซี่ จะกลายเป็นความหวังสำคัญของทีมในการชูถ้วยแชมป์โลก
พวกเขา และเพื่อนร่วมทีมทุกคนคงต้องทุ่มเทสุดกำลังในเกมวันอาทิตย์นี้ และแน่นอนสภาพร่างกาย และความฟิตของทั้งสองทีมไม่ต่างกันมากนัก เพียงแต่ทีมที่ดีสุดจะเป็นฝ่ายชนะ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
แฟนเซ็ง!ร็อบเบนเบี้ยวนัดฟานกัลปัดมาผีแล้ว
อาร์เยน ร็อบเบน ปีกจอมพลิ้วของ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค กลืนน้ำลายตัวเอง ด้วยการปฏิเสธคำชวนของ หลุยส์ ฟาน กัล เทรนเนอร์ทีมชาติฮอลแลนด์ ที่อยากให้ย้ายไปร่วมงานกันในรัง "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เรียบร้อยแล้วสื่อสเปนตีข่าว!มูปัดนั่งเก้าอี้กุนซือบราซิล
สื่อสเปนกระพือ สหพันธ์ฟุตบอลบราซิลหน้าแหกยับเยิน หลังกางแผนดึง โชเซ่ มูรินโญ่ หวังให้มาสานงานต่อจาก หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ ในการทำภารกิจพาทัพ "เซเลเซา" ผ่านเข้าชิงชัยในฟุตบอลโลก ณ แดนหมีขาว แต่โดนนายใหญ่ เชลซี บอกปัดเรียบร้อยเมื่อประวัติศาสตร์เข้าข้างทีมฟ้า-ขาว
ไม่ว่าคุณจะสนับสนุนฝั่งไหน กระนั้นการปะทะกันระหว่าง อาร์เจนตินา กับเยอรมัน ในเกมนัดชิงชนะเลิศวันอาทิตย์นี้ บนสังเวียนอันมีมนต์ขลังอย่างมาราคาน่า บทสรุปของทัวร์นาเมนต์จะเป็นหน้าประวัติศาสตร์
TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน
อัลบั้มภาพเด็ดๆ
มาย ฮาเร็ม ส่งภาพเขย่าโซเชียล นุ...
เจนนี่ ธมนภัค พริตตี้สุดฮอต นุ่ง...
ฮาน่า ฮาอึน ชอง ดาว TikTok สาวสว...
นาฟ ฉัฐนันท์ ปล่อยแซ่บท้าลมหนาว ...
เต็มที่แล้ว! ไทย พ่าย อุซเบกิสถา...
ตัดเกรด นักเตะไทย เกมเสมอ โอมาน ...
คลิปไฮไลท์