ว่ากันว่า "ศึกแดงเดือด" คือเกมลูกหนังที่สะเด่าที่สุดในเมืองมนุษย์ ทั้งศักดิ์ศรีระหว่าง แมนฯ ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล รวมถึงความจงเกลียดจงชังที่ฝังรากลึกในหมู่แฟนๆ และในหลายๆ ขบวนที่ผ่านมา ได้บังเกิดเหตุการณ์คลาสสิคขึ้นมากมายหลายอย่าง ซึ่งอาจมีมากกว่านี้อีก หลังจบเกมที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด วันอาทิตย์นี้

* วิดิช ออกทะเล

เนมานย่า วิดิช อาจถูกเชิดชูเป็นยอดปราการเหล็ก แต่ไม่รู้ทำไมดาวเตะเซิร์บจึงมักออกทะเลเสมอยามลงสู่สมรภูมิแดงเดือด เริ่มตั้งแต่ฤดูกาล 2008/09 ซึ่งถือเป็นฝันร้ายสมบูรณ์แบบของ แมนฯ ยูไนเต็ด เพราะแพ้ทั้งเหย้า-เยือน และ "วิด้า" ก็ถูกตะเพิดพ้นสนามทั้งสองนัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกมที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ที่เขาถูก เฟร์นานโด ตอร์เรส ล่อหลอกจนเสียบุคลิกไปเลย และทีมถูกยำ 4-1 ก่อนที่จะแฮงก์โอเวอร์มาถึงฤดูกาลถัดมา 2009/10 ที่ แอนฟิลด์ ซึ่ง "หงส์แดง" ประกาศชัยชนะ 2-0 และ วิดิช ได้ใบแดงเป็นใบที่สามติดต่อกันในการเจอกับอริตัวฉกาจ ก่อนจะโดนอีกใบแดงเมื่อฤดูกาลที่แล้ว รวมเป็นสี่ใบยามเจอคู่แข่งจากเมอร์ซี่ย์ไซด์

 * ฟอร์ลัน กับ Lord Dark

ก่อนจะอวตารเป็นนักเตะยอดเยี่ยมฟุตบอลโลก คุณอาจลืมไปแล้วว่า ฟอร์ลัน เคยเป็นดาวยิงที่ถูกล้อมากที่สุดคนหนึ่งของ แมนฯ ยูไนเต็ด โทษฐานที่เกือกฝืด ถึงขนาดต้องใช้เวลาถึง 27 นัดหรือแปดเดือนกว่าจะกะซวกประตูแรกให้ทีมได้ แถมมาจากจุดโทษอีกต่างหาก อย่างไรก็ดี หัวหอกทีมชาติอุรุกวัยพาตัวเองเข้าไปนั่งในใจ "แฟนผี" ทุกคนได้เมื่อระเบิดฟอร์มกระทุ้งสองประตูพาทีมบุกไปกำราบ ลิเวอร์พูล 2-1 ถึง แอนฟิลด์ ในปี 2002 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประตูที่เขาซัดแค่แผ่วเบา แต่ เจอร์ซี่ ดูเด็ค ดันรับลอดหว่างขาซะงั้น จนได้รับแต่งตั้งเป็นขุนนาง "Lord Dark"

* จารย์ไมค์ ใจร้าย

         อุตส่าห์โหมโรงกันยกใหญ่สำหรับเกมพรีเมียร์ลีกที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อ 5 เมษายน 2003 แต่ "แฟนหงส์" ก็ต้องหมดอารมณ์ตั้งแต่ไก่โห่ในนาทีที่ 4 เมื่อผู้ตัดสิน ไมค์ ไรลี่ย์ เป่าให้จุดโทษกับเจ้าถิ่น แถมยังชูใบแดงไล่ ซามี่ ฮูเปีย ออกจากสนามด้วย และ รุด ฟาน นิสเตลรอย ก็สังหารไม่พลาด ก่อนที่ ไรลี่ย์ จะให้จุดโทษ "ปีศาจแดง" อีกในนาทีที่ 65 ตามมาด้วยประตูสวยๆ จาก ไรอัน กิ๊กส์ กับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ในนาทีที่ 78 และ 90 ตามลำดับ แน่นอน หลังจบเกม "แฟนผี" ฉลองยิ่งใหญ่ ขณะที่ "เดอะ ค็อป" ตั้งสมญา "กรรมการห้ามไก่" ให้แก่ ไรลี่ย์

* หงส์ มึน โฮ

         นักเตะอย่าง มิกาแอล ซิลแวสต์ อาจเป็นตัวตลกของแฟนบอลทีมอื่นๆ แม้แต่ "แฟนผี" บางคนเองก็เหอะ ด้วยรูปลักษณ์ไม่หล่อเหลา แถมลีลาเล่นยังล่กๆ อีก แต่เขาก็เคยทำในสิ่งที่เหลือเชื่อมาแล้วด้วยการทะยานให้หัวเบี้ยวๆ ของตัวเองโหม่งจมตาข่ายถึงสองประตูในเกมแดงเดือดที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเชือด ลิเวอร์พูล เมื่อ 20 กันยายน 2004

 
* บราวน์ ก็มีเหมือนกันนะ

         การประจันบาญเมื่อ 23 มีนาคม 2008 กำลังตรึงเครียดตามแบบฉบับศึกแดงเดือด และเจ้าถิ่น แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ต้องการประตูปลดล็อค กระทั่งคนที่ไม่มีคาดคิดอย่าง เวส บราวน์ โผล่ขึ้นมาพังตาข่ายซะงั้น แถมเป็นการใช้อวัยวะที่เรียกว่า "เนื้อหนอก" กระทุ้งประตูอีก จากนั้น สถานการณ์ของ ลิเวอร์พูล ยิ่งแย่เมื่อ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ โดนใบแดงโทษฐานไปเถียงกรรมการแบบโง่ๆ ทั้งๆ ที่เพื่อนๆ พยายามยื้อยุดฉุดกระชากแล้ว เมื่อตัวน้อยกว่า เลยถูกสองคู่หูจากโปรตุเกสอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ นานี่ หวดอีกคนละเม็ดเด็ดชัย 3-0

* แอนฟิลด์ หนาวมาก

 ทำไมถึงมีแต่นักเตะตัวตลกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่สร้างความเจ็บปวดให้ ลิเวอร์พูล? ครั้งนี้ก็เช่นกัน รูปเกมของ "ปีศาจแดง" เป็นรองโดยตลอดในการโรมรันที่ แอนฟิลด์ เมื่อ 3 มีนาคม 2007 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงท้ายเกม หลัง พอล สโคลส์ โดนไล่ออกในนาทีที่ 86 โทษฐานะชักศอกใส่คู่ต่อสู้ เรียกได้ว่า ผลเสมอก็คงพอให้ "ปีศาจแดง" ดีใจแล้ว แต่ไม่มีใครคาดคิด จอห์น โอเช นักเตะสารพัดประโยชน์ที่ถูกเปลี่ยนลงเล่นในนาทีที่ 73 ดันยืนถูกที่ถูกเวลาจิ้มประตูให้ "แฟนผี" เฮฮาเหลือเชื่อในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ

 * ป่าช้าแตก

หลังจากที่เล่นดียังไงก็แพ้ จนพี่ป๋อเคยรำพึงรำพันว่า "สุดท้าย แมนฯ ยูฯ เป็นแชมป์" ในที่สุดแล้ว "เดอะ ค็อป" ก็ได้ปลดแอกตัวเองเสียทีเมื่อ 14 มีนาคม 2009 แถมเป็นการปลดแอกที่นำมาซึ่งความสะใจอย่างยิ่งยวดเมื่อ ลิเวอร์พูล แซงกลับมาบุกกำชัยยิ่งใหญ่ถึง 4-1 จาก เฟร์นานโด ตอร์เรส, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ฟาบิโอ ออเรลิโอ และ อันเดรีย ดอสเซน่า หลัง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซัดจุดโทษให้เจ้าบ้านนำก่อน นับเป็นความพ่ายแพ้ในบ้านที่ย่อยยับที่สุดของ "ปีศาจแดง" นับตั้งแต่ปี 1992 โน่นเทียว (แต่สุดท้าย แมนฯ ยูฯ เป็นแชมป์)

* feat. คาร์ราเกอร์

ศึกแดงเดือดที่ แอนฟิลด์ เมื่อ 11 กันยายน 1999 สะเด่าเหลือหลาย แต่คนที่คงไม่สนุกด้วยคือ เจมี่ คาร์ราเกอร์ กองหลังเด็กปั้น ลิเวอร์พูล ผู้ยืดอกภาคภูมิใจในความเป็นสเก๊าเซอร์ของตัวเอง เพราะเขา feat. ให้ชัยชนะ 3-2 ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยการทำเข้าประตูตัวเองถึงสองลูกเลยทีเดียว

* นี่แหละแดงเดือด

 ศึกใหญ่ที่ แอนฟิลด์ เมื่อ 4 มกราคม 1994 บอกนิยามของศึกแดงเดือดได้เป็นอย่างดี เพราะมันสนุก ตื่นเต้น เร้าใจ เหลือเกิน หลังจากที่ชัยชนะน่าจะตกเป็นของ แมนฯ ยูไนเต็ด แบบชิลๆ เพราะเป็นฝ่ายนำห่างถึง 3-0 ก่อนจาก สตีฟ บรูซ, ไรอัน กิ๊กส์ และ เดนิส เออร์วิน แต่ "หงส์แดง" ก็ไม่ยอมตายง่ายๆ และลุกขึ้นมาจากหลุมรัวทีเดียวสามลูกรวดจาก ไนเจล คลัฟ สองเม็ด และอีกหนึ่งจาก นีล รัดด็อก จนเก็บผลเสมอ 3-3 ได้ชนิดสะใจสาวกทั้ง เมอร์ซี่ย์ไซด์

* พี่เบิร์บ ขอสาม

         ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ เคยโดนค่อนขอดว่าเป็นกองหน้าอาร์ตตัวพ่อ เล่นตามอารมณ์ศิลปิน อยากวิ่งก็วิ่ง บางทีก็เหยาะแหยะ แต่เขาฝากผลงานที่มิอาจลืมเลือนไว้ในชุด "ปีศาจแดง" หลังถูก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ซื้อมาด้วยค่าตัว 30 ล้านปอนด์ โดย "เบิร์บ" จารึกชื่อตัวเองในฐานะนักเตะ "ปีศาจแดง" ที่ยิงแฮตทริกใส่ ลิเวอร์พูล ได้เป็นคนแรก นับตั้งแต่ สแตน เพียร์สัน ทำได้เมื่อปี 1946 โน่นเทียว ในนัดที่พาทีมเชือดอริ 3-2 เมื่อปี 2010 ทุกวันนี้ แม้จะจากไป แต่เชื่อเหอะว่า แฟนผีไม่มีทางลืมดาวยิงจอมลีลาชาวบัลแกเรียคนนี้แน่นอน

* ถอน "มอยส์"

         ซีซั่นก่อนนับเป็นปีแรกที่ เดวิด มอยส์ เข้ามาสืบบัลลังก์จาก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และหนึ่งในผลงานที่แสนบัดซบของเขา คือการทำทีมโดน ลิเวอร์พูล อริตัวฉกาจบุกถล่มเละคา โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ถึง 3-0 จากสองจุดโทษของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด บวกกับอีกหนึ่งประตูของ หลุยส์ ซัวเรซ ขณะที่ เนมานย่า วิดิช โดนใบแดงเป็นใบที่สี่ในชีวิตยามเจอกับ "หงส์แดง"