ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » เชลซีจะคว้าแชมป์(จริงหรือ?)

เชลซีจะคว้าแชมป์(จริงหรือ?)

Posted 26/12/2014 by siamsport

 
 
แม้การรั้งตำแหน่งจ่า ฝูงในวันคริสต์มาสจะไม่ได้การันตีถึงตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีก 100% แต่อย่างน้อยมันก็ช่วยได้ในแง่ของความน่าจะเป็น

        ถึงขณะนี้เชลซีแชมป์ พรีเมียร์ลีกสามสมัยรั้งอยู่ในตำแหน่งหัวขบวน โดยเก็บได้ 42 แต้ม จาก 17 นัด นำหน้า แมนฯ ซิตี้ แชมป์เก่าอยู่สามแต้ม

        นอกจากเรือใบสีฟ้าแล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด ทีมยักษ์อีกรายจากเมืองแมนเชสเตอร์ก็ไล่ตามหลังอยู่ห่างๆ ในอันดับสาม โดยมีคะแนน 32 แต้ม

        กระนั้นก็ตามที ด้วยเหตุที่การฟาดแข้งยังเหลืออีกครึ่งทาง จึงน่าสนใจว่าทีมดังแห่งกรุงลอนดอนจะแผ่วปลายในครึ่งซีซั่นหลังหรือไม่?

        แต่ทั้งนี้ทีมไหนที่จะคว้าแชมป์ได้ในท้ายที่สุด จะใช่สิงโตน้ำเงินครามของ โชเซ่ มูรินโญ่ หรือเปล่า เอาเป็นว่าเรามาย้อนดูประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีกกันดีกว่าว่าเท่าที่ผ่าน มาทีมจ่าฝูงในวันคริสต์มาสจบซีซั่นในอันดับไหนกันบ้าง

        1992/93 : นอริช

        คงไม่มีใครจำได้แล้วกระมังว่านอริชภายใต้การกุมบังเหียนของ ไมค์ วอล์คเกอร์ เคยนำหน้าเป็นจ่าฝูงของพรีเมียร์ลีกในช่วงคริสต์มาส โดยเก็บได้ 40 แต้ม

        แต่สุดท้ายนกขมิ้นเหลืองอ่อนก็จบซีซั่นในอันดับสาม กระทั่งปัจจุบันหล่นไปเล่นอยู่ในแชมเปี้ยนชิพ เนื่องจากซีซั่นก่อนร่วงลงไปอยู่ในอันดับที่ 18

        และเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ต่างหากที่ได้แชมป์ไปครอง โดยเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกซีซั่นปฐมฤกษ์ก่อนที่ผีแดงจะคว้าโทรฟี่ไปเชยชม อย่างต่อเนื่อง

        1993/94 : แมนฯ ยูไนเต็ด

        ยังประสบความสำเร็จเช่นเดิมสำหรับผีแดง ซึ่งรั้งตำแหน่งจ่าฝูงในช่วงคริสต์มาส โดยเก็บได้มากถึง 53 แต้ม

        และในที่สุด แมนฯ ยูไนเต็ด ก็พุ่งเข้าสู่เส้นชัยเป็นปีที่สองติดต่อกันกับการโกยแต้มได้ 92 แต้ม โดยมีแบล็คเบิร์นคว้าตำแหน่งรองแชมป์กับการมี 84 แต้ม

        1994/95 : แบล็คเบิร์น

        การเก็บได้ 46 แต้ม ทำให้กุหลาบไฟในฐานะรองแชมป์ซีซั่นก่อนผงาดขึ้นเป็นทีมนำของตารางก่อนขึ้นปีใหม่

        และสุดท้ายทีมของกุนซือ เคนนี่ ดัลกลิช ก็ซิวแชมป์ไปครองอย่างเฉียดฉิวในนัดปิดซีซั่น โดยมีแต้มมากกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด เพียงแค่แต้มเดียวเท่านั้น

        อย่างไรก็ดี เหลือเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าอีกสามปีต่อมา แบล็คเบิร์นกลับตกชั้นก่อนจะกลับขึ้นมาได้อีกหนในซีซั่น 2000/01

        1995/96 : นิวคาสเซิ่ล

        สาลิกาดงสร้างเซอร์ไพรส์ผงาดขึ้นมานำหน้าเป็นจ่าฝูงเหนือทีมยักษ์ใหญ่ทั้งหลาย โดยเก็บได้ 45 แต้ม

         อย่างไรก็ดี สุดท้ายแล้วทีมของ เควิน คีแกน ก็ไม่อาจต้านทานแรงกดดันได้ และปล่อยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ไล่หลังแบบสุดกู่เร่งสปีดเข้าเส้นชัยไปจนได้ โดยมีแต้มมากกว่าสี่แต้ม

        1996/97 : ลิเวอร์พูล

        หงส์แดงจบครึ่งซีซั่นแรกในตำแหน่งจ่าฝูงกับการมี 39 แต้ม

         กระนั้นหลังจากผ่านเข้าสู่ปีใหม่ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็แซงหน้าลิเวอร์พูลได้ กระทั่งได้แชมป์สมัยที่สามไปครอง โดยเก็บได้ 75 แต้ม

        ต่อความล้มเหลวของหงส์แดง ยังผลให้ทีมชุดดังกล่าวซึ่งมีร็อบบี้ ฟาวเลอร์, สตีฟ แม็คมานามาน, เจมี่ เร้ดแน็ปป์, เดวิด เจมส์ ฯลฯ ได้รับฉายาว่า "สไปซ์ บอยส์" โทษฐานมีความสำอางเกินกว่าที่จะเป็นพ่อค้าแข้ง อันเป็นฉายาที่ได้มาจากวงดนตรีเกิร์ลกรุ๊ป "สไปซ์ เกิร์ลส์" ที่กำลังดังคับเกาะอังกฤษในยุคนั้นพอดี

        1997/98 : แมนฯ ยูไนเต็ด

        ปีศาจแดงส่อเค้าพร้อมคว้าแชมป์อีกสมัยหลังระเบิดฟอร์มเก็บแต้มได้ 43 แต้ม นำหน้าเป็นจ่าฝูงท่ามกลางเสียงดนตรีจิงเกิลเบล

        กระนั้นก็ดี เรื่องช็อกก็บังเกิดขึ้นเมื่ออาร์เซน่อลโชว์ความแรงปลาย ผงาดคว้าแชมป์ไปเชยชมได้ โดยมีแต้มเฉือนเอาชนะผีแดงแค่แต้มเดียวเท่านั้น

         และมันเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกหนแรกของ อาร์แซน เวนเกอร์ ซึ่งสำแดงฝีมือพา เดอะ กันเนอร์ส ซิวถ้วยเอฟเอ คัพ ไปครองได้เช่นกันในซีซั่นดับเบิลแชมป์

        1998/99 : แอสตัน วิลล่า

        สิงห์ผงาดกระโดดขึ้นนำฝูงในช่วงคริสต์มาส แต่ก็ถูกเชลซีเก็บแต้มได้เท่ากันที่ 36 แต้ม ในวันบ็อกซิ่งเดย์

         กระนั้นก็ตามที สองสิงห์ต่างก็ไม่ได้แชมป์ไปครองเนื่องจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ระเบิดฟอร์มซิวแชมป์สมัยที่ห้าในรอบเจ็ดปีไปเป็นกรรมสิทธิ์ได้ในท้ายที่สุด

        ลงเอยแล้ววิลล่าจบซีซั่นในอันดับหก ขณะที่เชลซีได้อันดับสาม

        1999/2000 : ลีดส์

        ยูงทองกระโจนขึ้นมาเป็นจ่าฝูงหน้าใหม่บ้าง โดยเก็บได้  44 แต้มในช่วงคริสต์มาส

        แต่พอถึงเดือน พ.ค.พวกเขาก็จบซีซั่นในอันดับสาม โดยมี 69 แต้ม ซึ่งถือเป็นผลงานที่ดีที่สุดของสโมสรในพรีเมียร์ลีก

          และเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด เจ้าเก่าอีกตามเคยที่ได้รับโทรฟี่จากผลงานเก็บได้มากถึง 91 แต้ม

        2000/01 : แมนฯ ยูไนเต็ด

        ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเมื่อปีศาจแดงรั้งตำแหน่งจ่าฝูงในช่วงคริสต์มาสได้กับการมี 43 แต้ม

        และสุดท้ายแล้วก็เป็นปีศาจแดงนี่เองที่รักษาแชมป์เอาไว้ได้โดยมี 80 แต้ม ทิ้งห่างอาร์เซน่อลทีมอันดับสองมากถึงสิบแต้ม

        2001/02 : นิวคาสเซิ่ล

        เดอะ แม็กพายส์ กลับมารั้งจ่าฝูงในช่วงคริสต์มาสได้อีกครั้งหลังจากเคยทำได้สำเร็จเมื่อหกปีก่อน

        แม้ซานตาคลอสจะมอบคะแนนให้ทีมอีสาน 36 แต้ม แต่สุดท้ายพวกเขาก็ได้อันดับสี่ โดยเก็บได้ 71 แต้ม

        ส่วนแชมเปี้ยนไม่ใช่ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่เป็นอาร์เซน่อลซึ่งคว้าถ้วยเอฟเอ คัพ ได้ก่อน และอีกห้าวันต่อมาก็ซิวโทรฟี่พรีเมียร์ลีกมาเชยชมได้อีกใบ

        2002/03 : อาร์เซน่อล

        แชมป์เก่าอาร์เซน่อลยังรั้งอันดับหนึ่งได้ในช่วงคริสต์มาสโดยซิวแต้มได้ 39 แต้ม

        และแม้จะสะสมแต้มเพิ่มได้เป็น 78 แต้ม แต่ทีมปืนโตก็เสียแชมป์คืนให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งมีคะแนนมากกว่าห้าแต้ม

        อย่างไรก็ดี นับจากนั้นลีกเมืองผู้ดีก็ก่อเกิด ''บิ๊กโฟร์'' ขึ้นมาซึ่งประกอบไปด้วย แมนฯ ยูไนเต็ด, เชลซี, ลิเวอร์พูล และอาร์เซน่อล

        2003/04 : แมนฯ ยูไนเต็ด

        อสูรร้ายยังโชว์ความแข็งแกร่งออกมา โดยรั้งตำแหน่งจ่าฝูงในช่วงปลายปีได้เป็นครั้งที่สี่ โดยมี 40 แต้ม

         ถึงอย่างนั้น เอาเข้าจริงผีแดงก็เข้าป้ายในอันดับที่สาม โดยถูก เดอะ กันเนอร์ส ชำระแค้นได้สำเร็จกับการโกยแต้มทิ้งห่างถึง 15 แต้ม โดยมีเชลซีคว้าตำแหน่งรองแชมป์

        2004/05 : เชลซี

        กับการมี 43 แต้ม ยังผลให้สิงห์บลูส์รองแชมป์ปีก่อนกระโดดขึ้นนำฝูงได้เป็นหนแรกในช่วงคริสต์มาส

        และในที่สุด สิงห์บลูส์ก็สมหวังจนได้เมื่อคว้าแชมป์ไปครองโดยมีคะแนนมากเป็นสถิติ 95 แต้ม หลังพะบู๊กับโบลตันเป็นเกมส่งท้าย

        2005/06 : เชลซี

        แชมป์เก่ายังจับจองเก้าอี้จ่าฝูงได้สำเร็จจากการเก็บแต้มได้ 49 แต้ม

        กระทั่งสิ้นสุดซีซั่น เศรษฐีลอนดอนก็ป้องกันโทรฟี่เอาไว้ได้โดยมี 91 แต้ม ปล่อยให้ แมนฯ  ยูไนเต็ด รั้งอันดับสอง

        2006/07 : แมนฯ ยูไนเต็ด

        ปลายเดือน ธ.ค. ผีแดงกลับมาทวงบัลลังก์จ่าฝูงได้อีกครั้งโดยสะสมแต้มได้ 47 แต้ม เหนือกว่าเชลซีแชมป์เก่า ซึ่งเก็บได้ 45 แต้ม

        เมื่อเป็นเช่นนี้สองยักษ์ใหญ่จึงต่อกรกันได้อย่างถึงพริกถึงขิง แต่สุดท้ายปีศาจแดงสามารถกำราบสิงห์บลูส์ลงได้ด้วยคะแนน 89 ต่อ 83 แต้ม

        2007/08 : อาร์เซน่อล

        ทีมปืนโตกลับมารั้งตำแหน่งจ่าฝูงได้อีกคำรบ โดยมีคะแนน 43 แต้ม

        แต่แล้วทีมดังจากลอนดอนก็จบซีซั่นเพียงอันดับสามตามหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด และเชลซี

        2008/09 : ลิเวอร์พูล

         ตำแหน่งจ่าฝูงในช่วงคริสต์มาสปีดังกล่าวตกเป็นของเร้ด แมชีน ซึ่งเก็บแต้มได้ 39 แต้ม

        อย่างไรก็ตาม ทีมยักษ์จากเมอร์ซี่ย์ไซด์ยังต้องฝันค้างถึงตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีกต่อไป เมื่อถูก แมนฯ ยูไนเต็ด อริเบอร์หนึ่งฉกโทรฟี่ไปประดับโรงละครได้อีกหน โดยเก็บได้  90 แต้ม ปล่อยให้ลิเวอร์พูลรั้งอันดับสองจาก 86 แต้ม

        2009/10 : เชลซี

        สิงห์บลูส์กลับมานั่งเก้าอี้ตัวสำคัญอีกครั้ง โดยมีคะแนน 42 แต้ม

        และในที่สุดพวกเขาก็คว้าแชมป์ไปครองเหนือ แมนฯ ยูไนเต็ด เพียงแต้มเดียวเท่านั้น และเป็นผลงานอันยอดเยี่ยมในซีซั่นแรกของกุนซือ คาร์โล อันเชลอตติ

        ด้านลิเวอร์พูลซึ่งยังไปไม่ถึงดวงดาวซะทีจบซีซั่นนอกอันดับ ท็อปโฟร์เป็นครั้งแรก โดยได้แค่อันดับเจ็ดเท่านั้น ซึ่งนับเป็นผลงานที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 11 ปี ของ เร้ด แมชีน

        2010/11 : แมนฯ ยูไนเต็ด

        ผีแดงกระโดดขึ้นรั้งตำแหน่งจ่าฝูงได้อีกตามเคย แต่มีคะแนนเพียงแค่ 34 แต้มเท่านั้น

        แต่ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยม ทีมอสูรจึงคว้าแชมป์ไปครอง โดยมี 80 แต้ม เหนือกว่าเชลซีทีมรองแชมป์ซึ่งเก็บได้ 71 แต้ม

        2011/12 : แมนฯ ซิตี้

        เรือใบสีฟ้าจับจองตำแหน่งจ่าฝูงได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่พรีเมียร์ลีกก่อกำเนิด โดยคว้าแต้มมาได้ทั้งสิ้น 44 แต้ม

        กระทั่งเดือน ต.ค. เศรษฐีใหม่ก็พลัดตกจากเก้าอี้โดยถูก แมนฯ ยูไนเต็ด คู่ปรับร่วมเมืองแซงนำได้สำเร็จ

        ด้วยเหตุนี้สองทีมร่วมเมืองจึงขับเคี่ยวกันอย่างดุเด็ดเผ็ดร้อน กระทั่งในนัดสุดท้ายเรือใบสีฟ้าก็คว้าแชมป์ไปครองอย่างสุดระทึกจากลูกยิงใน นาทีที่ 94 ของ เซร์คิโอ อเกวโร่

        2012/13 : แมนฯ ยูไนเต็ด

        คราวนี้ผีแดงนำเป็นจ่าฝูงเหนือเรือใบบ้าง โดยมีคะแนน 43 แต้ม

        และเมื่อจบซีซั่น แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ได้แชมป์ไปเชยชม ขณะที่ทีมร่วมเมืองตามหลังมาในอันดับสอง

        2013/14 : ลิเวอร์พูล

        ซีซั่นก่อนหงส์แดงเก็บได้ 36 แต้มนำหน้าเป็นจ่าฝูงในช่วงคริสต์มาสหนที่สาม

        แต่สุดท้าย เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ก็ไม่อาจสร้างประวัติศาสตร์พาหงส์แดงผงาดคว้าแชมป์ได้ และตกเป็นพระรองต่อจาก แมนฯ ซิตี้ อย่างน่าเจ็บกระดองใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
  • 10เกมเตะระห่ำวันบ็อกซิ่งเดย์
    "บ็อกซิ่งเดย์" คือวันที่คุณควรมีความสุขกับการแกะกล่องของขวัญที่บ้าน แต่สำหรับฟุตบอลอังกฤษแล้ว มันหมายถึงประเพณีการหวดลูกหนังที่ดุเดือดเลือดพล่าน ซึ่งปฏิบัติสืบกันต่อมาช้านาน และต่อไปนี้คือสุดยอดเกมที่ยิงกันไส้ทะลักเฉพาะในวันที่ 26 ธันวาคมเท่านั้น
  • ห่วงเพื่อน! รูนเตือนแข้งใหม่ผีเตรียมรับมือโปรแกรมโหดท้ายปี
    กัปตันปีศาจแดงยอมรับว่าเป็นห่วงบรรดานักเตะต่างชาติรายใหม่ของทีม ที่กำลังจะต้องเจอโปรแกรมเตะสุดโหดช่วงคริสต์มาส แต่มั่นใจทุกคนจะปรับตัวได้เวย์น รูนีย์ กองหน้าทีมชาติอังกฤษของสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอมรับว่ารู้สึกเป็นห่วงบรรดานักเตะต่างชาติที่เพิ่งย้ายเข้ามาในฤดูกาลนี้ เพราะกำลังจะต้องเจอโปรแกรมเตะถี่ยิบในช่วงคริสต์มาส
  • เอลนินโญ่อาจเปิดตัวตราหมีเจอราชัน
    "อาส" เผย เฟร์นานโด ตอร์เรส หัวหอก เชลซี ที่มีสัญญายืมตัวกับ เอซี มิลาน 2 ซีซั่น ใกล้กลับมาซบอกทีมรักอย่าง แอตเลติโก มาดริด เต็มแก่ หลังไม่มีใครเอา แถมเจ้าตัวมีโอกาสได้ลงโม้แข่งเปิดตัวให้ "ตราหมี" ในเกมบอลถ้วยกับ เรอัล มาดริด ช่วงต้นปีหน้าด้วย

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »