ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » เก็บตก 10 ประเด็นฮอตจากศึกพรีเมียร์ลีกวีก12

เก็บตก 10 ประเด็นฮอตจากศึกพรีเมียร์ลีกวีก12

Posted 10/11/2015 by siamsport

สมรภูมิพรีเมียร์ลีกวีกที่ 12 ผ่านไปเรียบร้อยแล้ว มีหลายคู่ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะศึก "นอร์ธลอนดอน ดาร์บี้แมตช์" ระหว่าง "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล เปิด เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม รับการมาเยือนของ "ไก่เดือยทอง" ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ โดยรูปเกมสนุกสูสีสมกับเป็น นอร์ธลอนดอน ดาร์บี้ ผลสุดท้ายเจ๊ากันไปอย่างสุดมันส์ 1-1 โดย คลับไก่ กระต๊ากตีปีกขึ้นนำไปก่อน 1-0 จาก แฮร์รี่ เคน ก่อนเจ้าบ้านตามตีเสมอได้อย่างหวุดหวิดจาก คีแรน กิ๊บบ์ส ส่งผลให้ลูกทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ กระโดดนั่งแท่นจ่าฝูงไม่สำเร็จ

มาเริ่มกันที่คืนวันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม มีให้ติดตามกัน 7 คู่ โดยเกมเปิดหัวของสัปดาห์ เอเอฟซี บอร์นมัธ ยังสะกดคำว่าชนะไม่สำเร็จเป็นนัดที่ 4 ติดต่อกันหลังพ่ายคาบ้านให้ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 0-1 ทำให้ สาลิกาดง กระโดดหนีโซนตกชั้นได้สำเร็จ แถมเป็นการชนะนอกบ้านได้เป็นเกมแรก และเก็บชัยสะสมเป็นนัดที่ 2 ได้สำเร็จจาก 12 เกมที่ผ่านมา

"ขุนค้อน" เวสต์แฮม ยูไนเต็ด พลาดการคว้าสามแต้มในรังของตัวเองอย่างน่าเสียดาย โดยทีเด็ดของ โรเมลู ลูกากู หัวหอก เอฟเวอร์ตัน ยิงตามตีเสมอแชร์แต้มกันไป 1-1 ส่วน "แมวดำ" ซันเดอร์แลนด์ ก็อาการหนักไม่แพ้กัน 5 นัดหลังไม่ชนะใคร แถมแพ้คาบ้านให้กับ "นักบุญ" เซาธ์แฮมป์ตัน ไปอีก 0-1

นอริช ซิตี้ ปลดล็อคชัยชนะได้สำเร็จ เปิดบ้านเฉือน สวอนซี ซิตี้ ไป 1-0 โดยได้ประตูโทนจาก โจนาธาน ฮาวสัน ดีดตัวเองขึ้นมาอยู่อันดับ 15 แถมถีบ เชลซี ตกลงไปอันดับ 16 แทน

จะมีอะไรมาหยุดความร้อนแรงของ "จิ้กจอกสยาม" เลสเตอร์ ซิตี้่ ได้อีก หลังเปิด คิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม เอาชนะ วัตฟอร์ด ไปอย่างไม่ยากเย็น 2-1 โดย เจมี่ วาร์ดี้ ยิงติดต่อกันเป็นนัดที่ 9 เข้าไปแล้ว เหลืออีกแค่นัดเดียวจะทำสถิติเทียบเท่า รุด ฟาน นิสเตลรอย อดีตดาวยิง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เคยทำไว้ 10 นัดติดต่อกัน แถมรั้งอันดับ 3 กับผลงานชนะ 4 เสมอ 1 จากเกม 5 นัดหลังสุด

ข้ามมายัง โอลด์ แทรฟฟอร์ด "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชำระแค้นทาง เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ได้สำเร็จ 2-0 โดยได้ประตูจาก เจสซี่ ลินการ์ด ที่ยิ่งลงเล่นยิ่งฉายแววเก่งขึ้นมาอีกคน และจุดโทษของ ฆวน มาต้า ช่วงท้ายเกม และคู่ดึกคู่สุดท้ายประจำวันเสาร์ "ช่างปั้นหม้อ" สโต๊ค ซิตี้ เอาชนะ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ที่นัดนี้ไม่มีทาง โชเซ่ มูรินโญ่ ยืนคุมทัพข้างสนามเนื่องจากโดนโทษแบน ไปได้ 1-0 จากประตูของ มาร์โค อาร์เนาโตวิช ทำให้ลูกทีมของเฮียมู แพ้เป็นนัดที่ 3 ติดต่อกันแล้ว

ส่วนเกมในวันอาทิตย์ เกิดเหตุเซอร์ไพรส์ "สิงห์ผงาด" แอสตัน วิลล่า ทีมบ๊วยของตาราง หยุดความร้อนแรงของจ่าฝูงอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไว้ได้อย่างน่าชื่นชม 0-0 โดยทางทีมเยือนมีโอกาสมากมายแต่ไม่สามารถเจาะตาข่ายเจ้าบ้านผ่านไปได้ ทำให้ทำคะแนนหนี อาร์เซนอล ไม่สำเร็จ

ตัดมาเกมที่ แอนฟิลด์ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ประสบพบเจอคำว่าพ่ายแพ้เป็นนัดแรกตั้งแต่เข้ามาคุมทีมเรียบร้อยแล้ว หลังโดน สก๊อตต์ แดน ปราการหลังตัวเก่งของ คริสตัล พาเลซ โหม่งประตูปลิดชีพ พา ปราสาทเรือนแก้ว มายำแค้นให้ฝังลึกเข้าไปอีกด้วยสกอร์ 2-1 ทำให้ ลิเวอร์พูล ไม่ชนะ พาเลซ เป็นนัดที่ 5 ติดต่อกันแล้วในการเจอกันของทั้งสองทีม

ซึ่งทาง "เดอะ มิร์เรอร์" สื่อชื่อก้องของแดนผู้ดี ได้จัด 10 ประเด็นฮอตจากศึกพรีเมียร์ลีกวีก12 มาให้คุณผู้อ่านได้เสพกัน จะมีเหตุการณ์ไหนเด็ดบ้าง ไปติดตามกันได้เลยจ้า...

 

1. แม้ มูรินโญ่ ไม่อยู่คุมทัพข้างสนามก็ไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้น

         เกมไปเยือน สโต๊ค ซิตี้ ที่ไร้ โชเซ่ มูรินโญ่ คุมทีมข้างสนาม ก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ของทีมดีขึ้นมาเลย หนำซ้ำยังแพ้กลับมาจาก บริทานเนีย สเตเดี้ยม อีก ทำให้อันดับของทีมถอยร่นลงไปอยู่อันดับ 16 แล้ว และเป็นการแพ้ในลีกเป็นนัดที่สามติดต่อกันแล้วด้วย

 

2. เหลืออีกแค่ก้าวเดียวแล้วสำหรับ วาร์ดี้

         จนถึงตอนนี้ หัวหอกฟอร์มพุ่งกระฉูดปรอทแตกอย่าง เจมี่ วาร์ดี้ กดไปแล้ว 12 ประตู จาก 12 นัด นำดาวซัลโวเดี่ยวๆตัวคนเดียว แถมนัดล่าสุดยังทำเพิ่มอีก 1 ประตูจากลูกจุดโทษพาทีมชนะ วัตฟอร์ด 2-1 ทำให้เหลือยิงอีกแค่นัดเดียวเท่านั้น สถิติยิงประตูติดต่อกันจะเทียบเท่า รุด ฟาน นิสเตลรอย ทันทีที่ทำไว้ 10 นัดติดต่อกัน

 

3. ฟาน กัล ยังคงยึดมั่นในหลักการของเขา

         ถึงแม้จะเปิดบ้านเอาชนะ เวสต์บรอมวิช ไปได้ก็จริง แต่ก็ยังมีแท็กติกที่อาจจะขัดหูขัดตาบรรดาแฟนบอลหรือนักวิเคราะห์วิจารณ์ทั้งหลายก็คือ การที่กุนซือทิวลิปเหล็กมักจะชอบจัดมิดฟิลด์คู่กลางที่เป็นสไตล์ โฮลด์ดิ้ง มิดฟิลด์ ลงสนามพร้อมกัน ทั้ง คาร์ริค และ ชไวน์สไตเกอร์ เพื่อที่จะเน้นการครองบอลตรงกลาง และใช้ประโยชน์ของทั้งคู่ในการถ่ายบอลที่แม่นยำไปมาเรื่อยๆ ไม่ให้เสียบอลง่ายๆ แต่ก็อย่าลืมว่า เกมรุกก็จะไปไม่เป็นด้วยเช่นกัน หากมัวแต่ถ่ายบอลไปมา ซึ่งเป็นสิ่งที่ ฟาน กัล ไม่ค่อยที่จะเปลี่ยนสไตล์ตรงนี้มากเท่าที่ควรเลย

 

4. ลึกลงเท่าไหร่ก็ยิ่งมืดมนสำหรับ ซันเดอร์แลนด์

         จากเกมที่แพ้คาบ้านให้ เซาธ์แฮมป์ตัน 0-1 ทำให้ เจ้าแบล็คแคท แพ้เป็นนัดที่ 8 จาก 12 เกมแล้ว แถมแนวรับก็ยุ่ยพร้อมจะเสียประตูได้ทุกเมื่อ ตอนนี้เสียไป 26 เม็ด เยอะที่สุดในลีก ซึ่งอีกสองนัดถัดไปจำเป็นต้องมีแต้มอย่างจงหนักก่อนที่จะเจอทั้ง อาร์เซนอล และ เชลซี

 

5. สไตล์การใช้หอกร่างยักษ์ยืนค้ำหน้ากลับมานิยมอีกครั้ง

         ทั้ง เวสต์แฮม และ เอฟเวอร์ตัน ก็เริ่มกลับมานิยมใช้หัวหอกร่างใหญ่ยืนค้ำในแดนหน้าเพื่อโจมตีหรือคอยสนับสนุนเกมบุก ซึ่งทาง ขุนค้อน มี "บิ๊กแอนดี้" แอนดี้ คาร์โรลล์ ส่วน ทอฟฟี่สีน้ำเงิน มี โรเมลู ลูกากู คอยข่มขวัญ ซึ่งสไตล์ของทั้งคู่ก็ดีต่างกันออกไป โดยทาง คาร์โรลล์ เด่นในเรื่องลูกกลางอากาศ แต่ ลูกากู จะมีความหลากหลายมากกว่า และก็เป็นทางศูนย์หน้าวัย 22 ปี ที่ทำได้ดีกว่าในเกมนี้ หลังพังประตูตีเสมอให้เอฟเวอร์ตันได้สำเร็จ

 

6. นอริช ต้องปรับปรุงการจบสกอร์ให้มากกว่านี้

         โอกาสที่จะชนะมากกว่า 1 ลูก ของ "นกขมิ้นเหลืองอ่อน" นั้นมากมายเสียเหลือเกิน หากแต่ว่าพวกเขานั้นเน้นกันให้มากกว่านี้ในจังหวะทีเด็ดทีขาด และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งงานหนักของ อเล็กซ์ นีลล์ ในการแก้ปัญหาตรงนี้ให้ได้ หากแก้ปัญหาจุดนี้ได้ ทีมก็จะอยู่รอดในลีกสูงสุดของอังกฤษต่อไป

 

7. ถ้าไม่มีคุณภาพเพียงพอในการป้องกันประตู ก็ยืนอยู่บนลีกสูงสุดยากเหมือนกัน

         ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า บอร์นมัธ เก็บคลีนชีต หรือภาษาบ้านเราก็คือการที่ทีมไม่เสียประตู ได้เพียงแค่นัดเดียวเท่านั้นจาก 12 นัดที่ผ่านมา ในเกมที่เปิดบ้านเอาชนะ ซันเดอร์แลนด์ 2-0 เมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งตำแหน่งผู้รักษาประตูของ เดอะ เชอร์รี่ส์ เมื่อดูตามศักยภาพแล้ว ยังไว้ใจใครไม่ได้ซักคน ทั้ง อาเธอร์ โบรุค  ที่ดูจะเสียผู้เสียคนเป็นอย่างมากในเกมที่เปิดบ้านแพ้ สเปอร์ส เละเทะ 1-5 เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ก่อนจะได้รับบาดเจ็บไปเพิ่งจะกลับมานั่งบนม้านั่งสำรองได้ในเกมนัดล่าสุด ส่วนนายทวารอีกรายอย่าง อดัม เฟเดริชี่ ก็ไม่ต่างกัน ในเกมกับ นิวคาสเซิ่ล เจ้าตัวมีโอกาสได้เซฟเพียงครั้งเดียวในครึ่งแรก แต่เขาก็ดันพลาดเสียอีก ทำให้ทีมพ่ายแพ้ไปในที่สุด

 

8. แท็กติกของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นเรื่อยๆ

         ถึงแม้จะพ่ายแพ้เป็นเกมแรกในการคุมทีม หงส์แดง แต่มองในแง่ของแท็กติกที่ มิสเตอร์ เจเค นำมาปลูกฝังให้กับลูกทีมนั้น ถือว่าเห็นเป็นรูปธรรมขึ้นมามากหลังจากผ่านไป 7 นัดเท่านั้น ทั้งการเคลื่อนที่เล่นเกมรุก-รับ การรับ-ส่งบอล และการไล่เพรสซิ่งคู่แข่ง จะเหลือแค่การเข้าทำที่แม่นยำ เด็ดขาด และการจบสกอร์อย่างเหมาะเจาะเท่านั้น ไม่แน่หากแก้ตรงจุดนี้ได้เราอาจจะได้เห็น ลิเวอร์พูล ชุดรองแชมป์เมื่อสองปีก่อนก็เป็นได้

 

9. เคนคนดีคนเดิมเมื่อซีซั่นก่อนกำลังกลับมาแล้ว

         หลังจากบ้าพลังยิงไม่เลี้ยงเมื่อฤดูกาลก่อน มาปีนี้อาจจะเงียบเหงาไปในช่วงออกสตาร์ท แต่กองหน้าวัยชายฉกรรจ์กลับมาแล้วกับการยิง 6 ประตู จาก 4 นัดติดต่อกันรวมทุกรายการ ในจำนวนนี้จำแนกแจกจ่ายเป็นการทำ แฮตทริก ใส่บอร์นมัธ, 1 เม็ดใส่แอสตัน วิลล่า, อันเดอร์เลชท์ ในเกมยูโรป้า ลีก และ อาร์เซนอล เมื่อคืนที่ผ่านมา

 

10. มันจะง่ายกว่าหากจะเชื่อมความสัมพันธ์ในทีมกับคนชาติเดียวกัน

         หลายฝ่ายคาดเดาว่า เรมี่ การ์ด อาจจะไม่ใส่ชื่อบรรดาแข้งเชื้อสายฝรั่งเศสลงเป็น 11 ตัวจริง แต่เมื่อรายชื่อออกมาแข้งที่คุยภาษาเดียวกันกับนายใหญ่คนใหม่ ถูกยัดลงสนามไปถึง 4 คน ทั้ง จอร์แดน อมาวี่, อิดริสซ่า กานา กูอาย, จอร์แดน แวร์ตูท์ และ จอร์แดน อายิว แถมยังช่วยกันทำผลงานได้อย่างน่าชื่นชม และนี่ก็เป็นข้อปฏิบัติที่ดีของ เรมี่ การ์ด ในการเชื่อมความสัมพันธ์กับคนชาติเดียวกันหรือพูดภาษาเดียวกัน ทำให้ผลงานโดยรวมของทีมกระเตื้องขึ้นมาบ้าง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »