ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

วันอาทิตย์ที่ 23 เมษายน 2559

ลิเวอร์พูล 2-2 นิวคาสเซิ่ล

สนาม : แอนฟิลด์

         "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ที่ยังมีลุ้นท็อปโฟร์ กลางสัปดาห์มีเกมยูโรปา ลีก กับบียาร์เรอัลรออยู่ แต่เกมนี้พักตัวหลักแค่รายเดียวคือ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ หน้าเป้าเหลือ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ เป็นตัวหลัก หลังจาก ดิว็อค โอริกี้ บาดเจ็บ ขณะที่ มามาดู ซาโก้ โดนสโมสรแบนหลังไม่ผ่านโด๊ป ทำให้ใช้ โคโล่ ตูเร่ ลงแทน

         ทางด้าน "สาลิกาดง" นิวคาสเซิ่ล ทีมหนีตาย เกมนี้ ราฟา เบนิเตซ กลับมาเยือนถิ่นเก่าอีกครั้งในฐานะคู่แข่ง โดยจัดผู้เล่นเหมือนเกมที่แล้วเป็นหลัก หน้าเป้าวาง ปาปิส เดมบา ซิสเซ่ ยืนค้ำ โดยมี แอนทรอส ทาวน์เซนด์, มุสซ่า ซิสโซโก้ และ อโยเซ่ เปเรซ ปั้นเกมหนุน

         นกระจอกไม่ทันกินน้ำ เปิดฉากแค่นาทีเศษ แฟนหงส์ได้เฮอย่างรวดเร็ว จากจังหวะได้ฟาวล์แถวกลางสนาม โมเรโน่ฉวยโอกาสเล่นเร็ว โยนยาวมาหน้าประตู สเตอร์ริดจ์พักบอลแล้วตวัดยิงด้วยซ้ายหักข้อ บอลเสียบเสาขวาอย่างเด็ดขาด ลิเวอร์พูลนำ 1-0

         เจ้าถิ่นไหลรื่นกว่า นาที 16 จังหวะเคาะบอลตามช่อง บอลถึงฟีร์มิโน่สับไกในเขต แต่กองหลัง อีกนาที อัลเลนจ่ายให้สเตอร์ริดจ์หน้าเขตโทษ ดาวยิงหงส์พลิกหาเหลี่ยม ก่อนสับไกด้วยซ้าย บอลโค้งข้ามคาน

         เกมตกเป็นของหงส์แดงโดยสมบูรณ์ นาที 30 โมเรโน่เติมมาทางซ้าย ก่อนปาดเข้ากลางแถวหัวกระโหลก ผู้เล่นนิวคาสเซิ่ลถลำไปข้างหน้ากันหมด ทำให้ อดัม ลัลลาน่า ได้ปั่นด้วยซ้ายเต็มๆ บอลโค้งเสียบใต้คานงามหยด ลิเวอร์พูลตีปีก 2-0

         สาลิกาเจาะไม่ได้เลย นาที 33 อาโยเซ่ เปเรซ ลองยิงไกล แต่บอลไม่เข้ากรอบอีก นาทีถัดมา ลอฟเรนจ่ายบอลเข้าเขตโทษให้ฟีร์มิโน่ พลิกหนีเอ็มเบมบ้า ดึงบอลเข้าซ้าย ก่อนเอ็มเบมบ้าเสียบโดนที่บอลได้ก่อน ไม่ฟาวล์ชัดเจน

         ขยับถึงนาที 35 ฟีร์มิโน่ได้บอลทางขวา ก่อนตบเข้ากลาง บอลโดนแขนดัมเม็ตต์ แต่ผู้ตัดสินไม่เป่าเป็นจุดโทษ สาลิการอดตัว

         หงส์เกือบได้แบบขำๆ นาที 38 ดาร์โลว์คว้าลูกได้แล้ว และเตรียมเปิด แต่ดาร์โลว์คว้าบอลไปโดนสเตอร์ริดจ์ กระเด้งกลับมาหน้าประตูตัวเอง ยังดีที่บอลเบา ทำให้ดาร์โลว์หันกลับมาคว้าไว้ได้

         ทีมเยือนได้ลุ้นบ้าง นาที 42 อานิต้าครอสบอลจากขวามาหน้าประตูให้ซิสเซ่โฉบเข้าโหม่งโดนบางๆ บอลปลิ้นหลุดเสาไกล แต่มีธงล้ำหน้าชูก่อนแล้ว

         ช่วงทดเจ็บ ทีมเยือนได้ลุ้นอีก ซิสเซ่โยนจากซ้าย บอลข้ามทาวน์เซนด์ล้นไปเสาสอง แต่ยังมีอานิต้าตามมาถึงบอล ก่อนฮาล์ฟวอลเล่ย์โด่งข้ามคานแบบน่าเสียดาย จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูลนำนิวคาสเซิ่ล 2-0

         กลับมาเล่นครึ่งหลัง เบนิเตซแก้เกมส่งไวนัลดุมลงแทน อาโยเซ่ เปเรซ หวังทวงประตูคืน และแค่ 3 นาที ทีมเยือนได้ประตูทันควัน อานิต้าครอสบอลจากขวามาหน้าประตู มิโญล่ต์ออกมาแต่ไม่ถึง บอลเข้าหัวซิสเซ่ที่ขึ้นสูงกว่าลอฟเรนแล้วโขกตุงตาข่ายง่ายๆ นิวคาสเซิ่ลไล่เป็น 1-2

         เกมกลับมาสนุก นาที 52 สเตอร์ริดจ์เบียดกับติโอเต้แล้วล้มในเขต ผู้ตัดสินไม่เป่า สาลิกาโต้กลับเร็ว ไวนัลดุมกระชากมาทางซ้าย ก่อนเข้ากลางให้ซิสเซ่ที่สปีดมาคนเดียว ก่อนล็อกไปทางซ้ายหนีมิโญเล่ต์ที่ออกมาปิดมุม แต่โดนกองหลังหงส์ตามมาพัวพัน ต้องคืนหลังให้ทาวน์เซนด์แปเน้นๆ ด้วยซ้าย ฝ่าดงผู้เล่นเจ้าถิ่น บอลเหินข้ามคาน

         ทีมเยือนคึกคัก นาที 54 อานิต้าโยนให้ซิสโซโก้โหม่งเข้าซองมิโญเล่ต์ อีก 3 นาที ลัลลาน่าผ่านให้มิลเนอร์ ยิงจากหน้าเขตโทษ บอลติดแนวรับทีมเยือน

         ขยับมาถึงนาที 59 เจ้าถิ่นเฮเก้อ มิลเนอร์โยนจากขวามาหน้าประตู อัลเลนโหม่งติดเซฟดาร์โลว์ บอลปลิ้นออกมา ฟีร์มิโน่ตามไปซ้ำตุงตาข่าย แต่มีธงล้ำหน้าในตำแหน่งของฟีร์มิโน่ไปแล้ว

         กระทั่งนาที 66 แฟนทีมเยือนเฮลั่น ทาวน์เซนด์กระชากมาทางขวา ก่อนโยนเข้ากลาง ลอฟเรนโหม่งออกมาไม่เด็ดขาด บอลเข้าทางปืน แจ็ค โคลแบ็ค วิ่งมาซัดด้วยซ้ายเต็มๆ บอลแฉลบลอฟเรนเสียบเสาแรก ขณะที่มิโญเล่ต์ขาตายไปแล้ว สกอร์กลับมาเท่ากัน 2-2

         นับหนึ่งใหม่ นาที 71 จากจังหวะเหมือนไม่มีอะไร ลัลลาน่าได้บอลทางกราบขวา ก่อนกึ่งยิงกึ่งผ่านหักข้อ บอลเฉี่ยวเสาสองแบบได้เสียว นาที 79 แนวรับสาลิกาเคลียร์บอลไม่ขาด บอลปลิ้นมาหน้าเขตโทษ เควิน สจ๊วร์ต วิ่งมากระหน่ำโด่งขึ้นอัฒจันทร์ อีกนาที บอลจากฝั่งขวาเข้าหัวสเตอร์ริดจ์ขวิดเข้าซองดาร์โลว์

         จบเกม ลิเวอร์พูล ได้แค่เสมอ นิวคาสเซิ่ล 2-2 ห่างท็อปโฟร์ 8 คะแนน ขณะที่ "สาลิกาดง" ยังรั้งบ๊วย แต่ห่างโซนปลอดภัยคะแนนเดียว

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

 ลิเวอร์พูล : ซิมง มิโญเลต์ - คอนเนอร์ แรนดอลล์, เดยัน ลอฟเรน, โคโล่ ตูเร่, อัลแบร์โต้ โมเรโน่ - เจมส์ มิลเนอร์, โจ อัลเลน, เควิน สจวร์ต, อดัม ลัลลาน่า - โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ - แดเนียล สเตอร์ริดจ์

 สำรอง : แดนนี่ วอร์ด, ลูคัส เลว่า, เชยี่ โอโจ, จอร์ดอน ไอบ์, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, มาร์ติน สเคอร์เทล, แบร็ด สมิธ

 นิวคาสเซิ่ล : คาร์ล ดาร์โลว์ - ฟูร์นอน อนิต้า, ยามาล ลาสเซลส์, ชานเซล เอ็มเบมบ้า, พอล ดัมเม็ตต์ - ชีค ติโอเต้, แจ็ค โคลแบ็ค - แอนดรอส ทาวน์เซ่นด์, มุสซ่า ซิสโซโก้, อาโยเซ่ เปเรซ, ปาปิส เดมบา ซิสเซ่

 สำรอง : เฟรเดอริค วู้ดแมน, จอร์จิโย่ ไวนัลดุม, เซียม เด ยอง, จอนโจ้ เชลวี่ย์, โรแลนโด้ อารอนส์, เควิน เอ็มบาบู, อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช

 ผู้ตัดสิน : มาร์ติน แอตกินสัน