จากจุดเริ่มต้นที่ต้องโกหกโอสถสภาเพราะกลัวพลาดโอกาสการเซ็นสัญญา จนถึงเส้นทางที่ไม่เคยมีนักเตะต่างชาติคนไหนไปถึง เขาผ่านอะไรมาบ้าง หาคำตอบได้จากบทสัมภาษณ์เอ็กซ์คลูซีฟชิ้นนี้

เกือบ 20 ฤดูกาลนับตั้งแต่ศึกจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ ไทยแลนด์ลีก ก้าวแรกของลีกอาชีพลูกหนังไทยถือกำเนิดขึ้น จนมาถึงปัจจุบันในชื่อการแข่งขัน โตโยต้า ไทยลีก ต่างมียอดศูนย์หน้าหลากเชื้อชาติจากทั่วทุกมุมโลก มาร่วมกันยิงประตูมากมายในลีกแห่งนี้… แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่จะถูกจดจำในฐานะนักเตะประวัติศาสตร์

หนึ่งในนั้นคือ เคลตัน ออกุสโด โอลิเวียร่า ซิลวา ดาวเตะโลว์โปร์ไฟล์จากดินแดนละตินวัย 23 ปี ที่ตัดสินใจเดินทางมาเสี่ยงโชคชะตาลูกหนังที่ประเทศไทย ตามคำชวนของรุ่นพี่ ทั้งที่เจ้าตัวแทบไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับฟุตบอลแดนสยาม

สิ่งเดียวที่นักเตะจากลีกล่างของบราซิลคิด คือ ทำทุกอย่างไรก็ได้เพื่อให้ได้รับสัญญานักเตะอาชีพเร็วที่สุด นั่นจึงทำให้เด็กหนุ่มจากแดนกาแฟรายนี้ ยอมโกหกทีมระดับตำนานของไทยอย่าง โอสถสภาฯ เพื่อขอทดสอบฝีเท้าในตำแหน่งกองหน้า ทั้งที่ไม่ใช่ตำแหน่งถนัดของเจ้าตัว

จากจุดเริ่มต้นที่ผิดเพี้ยนบนในอาชีพการค้าแข้งที่เมืองไทย สู่การขึ้นทำเนียบ ‘ดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลไทยลีก’ - โกล ประเทศไทย ขอพาทุกท่านไปเปิดใจ นักแสวงโชคเลือดแซมบ้า “เกรโต้” เคลตัน ซิลวา ศูนย์หน้าจากเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ตลอดเส้นการล่าตะข่าย 101 ประตู ตลอด 5 ฤดูกาลครึ่ง

ยินดีด้วย เกรโต้ (ชื่อเล่นของเคลตัน) กับประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของไทยลีกที่คุณสร้างมันขึ้นมา รู้สึกไงบ้างกับเรื่องนี้

“ผมมีความสุขมากเลยนะ ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย จนกระทั่งมีคนในสโมสรมาบอกกับผมว่า เฮ้ย! นายยิงประตูในไทยลีกไป 90 ลูกแล้วนะ ผมรู้สึกเซอร์ไพรส์กับเรื่องนี้เหมือนกัน เท่ากับว่า ตลอดเกือบ 6 ปี ผมสามารถทำอะไรบางอย่างให้เกิดขึ้นและมีช่วยในการพัฒนาฟุตบอลของประเทศนี้”

ก่อนเกมเชียงรายคุณยิงไป 98 ประตู คุณคิดไหมว่าจะยิงเกินรัอยนัดนี้

“ผมทำประตูที่ 98 ในเกมกับบุรีรัมย์ แต่นัดต่อมากับ ชลบุรี ผมกลับยิงไม่ได้ ทำให้เกมกับเชียงราย ยูไนเต็ด ผมบอกกับตัวเอง เอาละ นัดนี้ยังไง ก็ต้องยิงให้ได้ ขืนทำประตูไม่ได้ 2 เกมติด ผมคงกดดันน่าดู ก่อนเกมกับเชียงรายฯ ผมตั้งใจจะยิงให้ถึง 100 ประตูไปเลย เพื่อช่วยให้ผมผ่อนคลายและรู้สึกว่า…โอ้ย ผมยิงได้ร้อยลูกแล้ว สุดท้ายผมก็ทำได้สำเร็จ”

พอคุณยิงประตูที่ 100 ได้สำเร็จ (ยิงลูกที่ 2 ใส่เชียงราย) คุณเลยจัดการตีลังกาฉลองประตูมันซะเลย

“ตอนนั้นผมทำอะไรไม่ถูกเลย มันเต็มไปด้วยอารมณ์ ทั้งกดดันและความสุข ผมภูมิใจที่เป็นนักเตะต่างชาติคนแรก ที่ยิงได้ถึง 100 ประตู ผมอาจจะแสดงท่าดีใจด้วยตีลังกาที่มันดูโอเวอร์ไปหน่อย แต่อยากรู้ไว้ว่าแต่ละลูกที่ผมยิงได้ มันยากลำบากมาก ผมเคารพทุกอย่างในประเทศไทย ให้เกียรติทุกทีมที่ยิงได้ เพราะประเทศนี้ให้ทุกอย่างในชีวิตของผม”

“คนไทยทุกคน นักเตะไทยทุกคน รวมถึงแฟนบอลเมืองทอง ล้วนมีส่วนสำคัญกับตัวผม ผมเล่นให้เมืองทองฯมา 2 ปีแล้ว ที่นี่ทำให้ผมเกิดใหม่อีกครั้ง แม้ช่วง 6 เดือนแรก (เลก 2 หลังกลับจากเม็กซิโก) ผลงานของผมจะไม่ดีเอาเสียเลย แต่พวกเขายังให้การสนับสนุน และเชื่อมั่นในตัวผม วันนี้เมื่อผมทำได้แล้ว ผมจึงไม่ลืมที่จะขอบคุณทุกๆ คน”

ความรู้สึกของแต่ละประตูที่คุณยิงได้ มันเป็นอย่างไร เพราะเท่ากับว่าคุณกำลังเข้าใกล้ลูกที่ 100 ไปเรื่อยๆ จนในที่สุดเขากลายเป็น ดาวยิงสูงสุดตลอดกาล เทียบเท่ากับ ศรายุทธ ชัยคำดี

“ผมพยายามมีสมาธิและไม่ไปสนใจเรื่องสถิติมากนัก ผมเชื่อว่าหากเราทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี แล้วสิ่งดีๆ มันจะตามมาเอง ที่สำคัญคืออย่าไปกดดันตัวเอง ทำงานของเราไป สร้างแรงกระหายให้กับตัวเองเหมือนวันแรกที่เราเล่นฟุตบอล ผมอยากทำผลงานให้ดีเพื่อสโมสร และตอนนี้ทุกอย่างก็ไปด้วยสวย มันคือช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมสุดในอาชีพของผมเลย”

นั่นหมายความว่าถ้าทีมคว้าแชมป์มาครองได้ แต่คุณไม่ได้ดาวซัลโวก็โอเคงั้นสิ

“แน่นอน เพราะผมอยู่เมืองไทยมาจะ 6 ปี แล้ว แต่ผมไม่เคยคว้าแชมป์มาครองเลยสักรายการ นั่นคือเป้าหมายของผม เหตุผลที่ผมย้ายมาเมืองทองก็เพราะเรื่องนี้เลย ใช่! การยิงประตูคือหน้าที่ของผม เพราะผมเป็นกองหน้า แต่เป้าหมายที่สำคัญสุดไม่ใช่การเป็นดาวซัลโว หรือคว้ารางวัลส่วนตัว แต่มันคือการช่วยให้ทีมการประสบความสำเร็จ ร่วมกับเพื่อนๆ ทุกคนในทีม”

เอาละ เคลตัน คุณย้ายมาเล่นที่เมืองไทยได้อย่างไร แล้วทำไมถึงตัดสินใจย้ายออกจากบ้านเกิด

“คืองี้ ฟาบิโอ บาร์โบซ่า รุ่นพี่ของผม เขาเล่นให้บุรีรัมย์ฯในตอนนั้น เขาชักชวนให้มาที่นี่”

“คุณรู้ไหม การเล่นฟุตบอลในลีกระดับล่างของบราซิลมันมีข้อจำกัด เพราะฤดูกาลหนึ่งคุณจะได้เล่นแค่ 5-6 เดือน หลังจากนั้นมันจะว่างมาก ไม่มีงานทำ ไม่มีเงิน ไม่มีอะไรเลย ผมไม่ต้องการเล่นฟุตบอลแบบเล่นๆ หยุดๆ ดังนั้นผมเลยขอไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า และกลายเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ผมรู้สึกโชคดีมากที่เลือกย้ายมาประเทศไทย ”

ยังจำวินาทีแรกที่บินมาถึงประเทศไทยได้ไหม

“ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก พอผมถึงสนามบิน ก็มีคนมารับทันที ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าเขาจะพาไปไหน ผมทำได้แค่ตาม กิ๊บบี้ (เอเยนต์ชาวแอฟริกา) อย่างเดียว เขาพาผมไปสนามซ้อมกับโอสถฯ ย่านสายไหม วันเดียวกับที่ผมเพิ่งลงจากเครื่องนั่นแหละ หนึ่งวันต่อมา เขาก็ให้ผมลงทีมอุ่นเครื่องกับ เพื่อนตำรวจ ซึ่งผมยิงได้ 1 ประตูด้วยนะ ผมซ้อมกับทีมอีกประมาณ 4-5 ครั้ง พวกเขาก็เซ็นสัญญากับผม ” 

บอกผมหน่อยได้ไหม คุณทำอย่างไรพวกเขาถึงยอมเซ็นสัญญากับคุณ

“ผมมาเทสต์กับโอสถฯ เป็นทีมแรก ดังนั้นผมจำเป็นต้องเรียนรู้ทุกอย่างให้เร็วที่สุด แม้มันจะโคตรเหนื่อยเลยก็ตาม หลังจากลงเครื่องถึงสนามบินแล้วต้องมาซ้อมต่อทันที ผมเคยแอบคิดนะว่า ถ้าโอสถฯไม่เซ็นวันนั้น ผมคงจะไปหาสโมสรอื่นเทสต์ต่อ”

“อ่ะ… ผมมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง ด้วยความที่ผมกลัวพวกเขาจะไม่สนใจผม ผมเลยโกหกโอสถฯว่า ผมเล่นกองหน้า เพราะผมคิดว่า ถ้าผมดันบอกไปว่าเป็นกองกลาง พวกเขาอาจจะมองข้ามผมก็ได้… จะว่าไปการทดสอบฝีเท้าครั้งนั้น ก็นับเป็นการเล่นกองหน้าครั้งแรกของผมเลยนะ ผมไม่เคยเล่นตำแหน่งนี้มาก่อนเลย”

ยังจำประตูแรก ในไทยลีกได้หรือไม่

“จำได้แม่นเลย มันเป็นลูกฟรีคิก เกมที่เราบุกไปเสมอกับ การท่าเรือ 1-1 ผมทำประตูแรกประมาณนาทีที่ 89 และทีมเราก็สามารถเก็บ 1 แต้มออกมาได้ จริงๆ ผลงานของทีมก่อนหน้านี้ไม่ค่อยดีนัก ผมดีใจที่ยิงประตูและช่วยลดความกดดันให้กับทีมรวมถึงตัวผมด้วย ตอนนั้นท่าเรือเป็นทีมที่ดี มีกองเชียร์ที่คอยข่มขวัญคู่แข่งตลอดทั้งเกม ซึ่งผมไม่เคยเจอบรรยากาศอย่างนี้มาก่อนเลย” (ดูคลิปนาทีที่ 7.07 เป็นต้นไป)

หลังจากนั้นคุณก็ซัลโวประตูต่อเนื่องไม่หยุดเลย

“ใช่ เพราะผมรู้สึกไม่กดดันแล้ว การทำประตูได้ ย่อมสร้างความมั่นใจให้กับกองหน้าทุกคน อีกอย่างช่วงนั้นโอสถฯมีนักเตะดีๆ เยอะที่ปั้นเกมให้กับผม บรรยากาศในทีมก็ดี สโมสรหนุนหลังนักเตะเต็มที่ อีกอย่าง นักฟุตบอลชาวไทย มีลักษณะนิสัยคล้ายคนบราซิลนะ มันทำให้ผมปรับตัวได้ง่ายด้วย”

ตอนค้าแข้งให้กับโอสถฯ เคยมีสักแวบไหมที่คิดว่าตัวเองจะยิงได้เกิน 100 ลูก

“ไม่เลย (ตอบสวนกลับมาอย่างเร็ว) ผมไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้เลย ผมเป็นคนไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง แถมเกิดมา ผมยังไม่เคยยิงประตูมากมายขนาดนี้มาก่อน อย่างที่บอก ผมไม่เคยเล่นกองหน้ามาก่อน ผมเคยเล่นแต่กองกลาง”

ด้วยหน้าตาของคุณที่เหมือน คริสเตียโน โรนัลโด้ ช่วงแรกผู้คนก็เลยเรียกคุณว่า “คริสเตียโน โรนัลโด ไทยลีก”

“ผมไม่ชอบเลยนะ เวลาโดนเอาเปรียบกับใคร ต่อให้เขาจะเก่งขนาดไหนก็ตามเหอะ ผมต้องการให้ทุกคนจำชื่อ เคลตัน ซิลวา มากกว่า อย่างเจ (ชนาธิป สรงกระสินธ์) เขาถูกเอาไปเปรียบกับเมสซี่ เขาก็ไม่ได้ชอบนะ ผมว่านักฟุตบอลต่างมีทักษะ ความสามารถที่ต่างกัน ทุกคนนล้วนมีความเป็นตัวของตัวเอง”

ทำไมถึงตัดสินย้ายไปร่วมทีมบีอีซี เทโรศาสน

“เพราะเทโร แสดงให้ผมเห็นว่าพวกเขามีโปรเจคต์ที่น่าสนใจ ทั้งการนำเข้าผู้เล่นฝีเท้าดี และดันแข้งดาวรุ่งขึ้นมา เราจบซีซั่นด้วยอันดับ 3 และปี 2014 พวกเขาก็สามารถคว้าแชมป์(โตโยต้า ลีก คัพ) มาครองได้ โดยที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงทีมมากนัก ผมไม่รู้สึกเสียดายนะ ที่ไม่ได้อยู่ร่วมความสำเร็จกับพวกเขา เพราะอย่างไรนักเตะเทโรฯคือเพื่อนผมทั้งทีม”

“ผมดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเทโรฯ และขอบคุณพวกเขาที่ช่วยให้ผมพัฒนาขึ้นไปอีกระดับ ส่วนแฟนบอล พวกเขามีบุญคุณกับผม บางคนก็หาว่าผมเป็น จูดาส แต่ก็ไม่เป็นไร ผมหวังว่าสักวันพวกเขาจะเข้าใจผม แม้จะไม่หายโกรธผมก็ตาม (ยิ้ม) ผมไม่มีทางลืมวันที่พวกเขาอยู่เคียงข้างผม รวมถึง มิสเตอร์ไบรอัน (แอล มาร์คา) ด้วยที่ผมต้องขอบคุณ”

มังกรไฟกำลังไปได้สวยและท้ายที่สุดก็คว้าแชมป์ลีกคัพ ส่วนคุณก็ไปล้มเหลวที่ต่างประเทศ

“เอาจริงๆ มันเป็นช่วงเวลาที่ลำบากมาก แต่ก็ถือเป็นประสบการณ์ชีวิต เริ่มจาก อัล ซาดด์ (ทีมดังกาตาร์ ที่มี ราอูล กอนซานเลซ ค้าแข้งในเวลานั้น) เชิญผมไปที่กาตาร์ ผมได้ลงทีมซ้อมกับพวกเขาทุกวันอยู่ 2 สัปดาห์ ทุกอย่างมันโอเคหมด และผมก็มั่นใจว่าทำได้ดีด้วย แต่สุดท้ายก็ไม่มีการเซ็นสัญญาเกิดขึ้น จนป่านนี้ผมยังไม่รู้เหตุผลที่พวกเขาไม่เลือกผมเลย”

“จากนั้น ผมมีโอกาสย้ายไปต่างประเทศอีกครั้งกับ เกเรตาโร ผมตื่นเต้นมากและหาข้อมูลเกี่ยวกับสโมสร และทุกอย่างในเมืองนั้น พอผมเดินทางไปถึงสนามบิน พวกเขาดันส่งตัวผมไปให้ทีมน้องอย่าง เดลฟิเนส ผมนี่อึ้งไปเลยเมื่อรู้ว่าต้องไปอยู่กับอีกทีม แล้วผมนั่งเสิร์ชหาข้อมูลแทบตายเพื่อจะไปเล่นกับ เกเรตาโร สุดท้ายดันโดนส่งไป เดลฟิเนส ซึ่งมันต่างกันลิบลับ”

“ผมเจอเรื่องราววุ่นวายมากมาย ชีวิต 5 เดือนที่นั้นเหมือนตกนรก ทั้ง เรื่องสัญญาที่ซับซ้อน เงินเดือนก็ไม่ได้ เดือดร้อนจนผมต้องไปฟ้องร้องกับสมาคมฟุตบอลฯ(เม็กซิโก) อีกตั้งหาก นับเป็นช่วงเวลาที่เหนื่อยมาก (ถอนหายใจ) ตอนนั้นดูเหมือนปัญหาทุกอย่างจะถาโถมเข้ามาใส่ผม จริงๆ ไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากสุดในชีวิตผมหรอก ผมเคยเจอหนักกว่านี้อีก เรื่องเกี่ยวพวกกับเซ็นสัญญานี่แหละ ตอนอายุ 17 ปี”

คุณเดินทางกลับมาเมืองไทย และเลือกย้ายไป เมืองทอง ยูไนเต็ด

“ใช่ ประเทศไทยเหมือนบ้านหลังที่สองของผม ผมแทบไม่ต้องปรับตัวอะไร เพราะผมรู้จักฟุตบอลไทยเป็นอย่างดี จริงๆ มีหลายทีมติดต่อเข้ามานะ แต่ที่ผมเลือกเมืองทองฯ เพราะอะไรรู้ไหม”

“เรื่องมันเกิดขึ้นตอนที่ผมอยู่กับโอสถสภาฯ ทีมเรามีคิวเจอกับเมืองทองฯ ในเกมเอฟเอ คัพ ซึ่งผมลงเล่นไม่ได้เพราะยังไม่ถูกใส่ชื่อลงไปในรายการนี้ ผมนั่งชมเกมอยู่ด้านบนตรงอัฒจันทร์ฝั่งทีมเยือน (พูดเสร็จก็ชี้) ใช่ๆ ตรงนั้นเลย ผมมองเห็นบรรยากาศรอบๆ (สนามเอสซีจี สเตเดี้ยยม) ผมทึ่งมาก นี่คือสนามแรกในไทยที่ผมได้เข้ามาชมเกมฟุตบอล พอมีโอกาสได้ย้ายมาเล่นกับเมืองทอง ผมก็เลยตอบตกลง”

ความรู้สึกได้ย้ายมาร่วมงานกับ อดีตกองหน้าคู่แข่ง ธีรศิลป์ แดงดา ที่ครองดาวซัลโวร่วมกับคุณในปี 2013

“ฮ่าๆ ตอนนั้นมันสนุกมากที่ต้องยิงแข่งกับ มุ้ย(ธีรศิลป์ แดงดา) มุ้ยยิง ผมยิง ผลัดกันอยู่อย่างนี้จนจบฤดูกาล สุดท้ายเราทั้งคู่ยิงกันคนละ 24 ประตู ผมดีใจมาก เป็นช่วงเวลาที่พิเศษสำหรับการได้เป็นดาวซัลโวครั้งแรกในชีวิต หลังจากผมทุ่มเททำงานหนักตลอดทั้งฤดูกาลเพื่อช่วยทีม (เทโร)”

“พอเราเล่นร่วมกันมันเยี่ยมมาก สำหรับผมแล้ว คู่หูที่ดีที่สุดของผมมีแค่ 3 คนเท่านั้น คือมุ้ย (ธีรศิลป์ แดงดา) เจ (ชนาธิป สรงกระสินธ์) และ มาริโอ ยูรอฟสกี้ เพราะพวกเขาเป็นนักเตะที่คิดเร็วทำเร็ว โดยเฉพาะ มุ้ย เขาเร็วมาก”

“เชื่อผมไหม มุ้ยสามารถค้าแข้งที่บราซิลได้ ฟุตบอลไทยมีความคล้ายกับบราซิล เรื่องอายุไม่ใช่ปัญหา 28 แล้วไง? ผม 29 ยังรู้สึกเหมือนตัวเอง 25 เลย ส่วนเจ (ชนาธิป สรงกระสินธ์) ผมว่าเขาเป็นพวกสไตล์เอเชี่ยนนะ แบบนักเตะญี่ปุ่น แต่ผมเชื่อว่าสักวันเขาจะได้ไปเล่นที่เจลีก อย่าเพิ่งรีบไปไหนนะ เราเพิ่งได้กลับมาเล่นร่วมกับแค่ปีเดียวเอง”   

ตอนนี้ ธีรศิลป์ ยิงไป 91 ประตูในไทยลีกแล้ว คิดว่าเขาจะตามมาทำสถิติ 100 ประตูแบบคุณไหม

“ผมมั่นใจเลยว่า ฤดูกาลนี้มุ้ยจะยิงเกิน 100 ลูกในไทยลีกได้เหมือนผม แต่รอบนี้เราสองคนไม่ได้มาแข่งกันแล้วนะ เพราะเราอยู่ทีมเดียวกันแล้ว ผมยินดีจะช่วยเขา ที่ผ่านมาเขาน่าจะเป็นคนที่ผ่านบอลสวยๆ ให้ผมจบสกอร์หลายครั้ง เอาไว้พอเขายิงถึง 99 ลูกแล้ว ผมจะเลิกส่งบอลให้เขาเลย (หัวเราะ)

ล้อเล่นนะ เขาคือนักฟุตบอลที่ดีที่สุดของไทย ดังนั้นเขาคู่ควรที่จะไปถึงจุดนั้นเช่นเดียวกับที่ผมทำได้”

เมืองทองออกสตาร์ทฤดูกาลได้ยอดเยี่ยม มองไปถึงแชมป์ลีกครั้งแรกของคุณหรือยัง

“ฟังนะ ซีซั่นนี้กับซีซั่นก่อน มันต่างกันมากเลย ปีก่อนเราเล่นได้ดุดัน มีพลัง แต่ปีนี้เราเล่นได้สวยงาม มีจังหวะชัดเจน ผมคิดว่าเรามีโอกาสจะทำได้ ผมพูดตามตรงเลยว่า นี่คือเมืองทองที่แข็งแกร่งสุดเท่าที่ผมเคยเห็นมาเลย ช่วงก่อนเปิดฤดูกาลเรามีความกังวลเล็กน้อย ด้วยผู้เล่นที่เข้ามาใหม่มากมาย แต่สุดท้ายเราก็สามารถปรับจูนกันลงตัว ผลงานก็ดีตามไปด้วย ผมว่าเราทุกคนในทีมต่างมีเป้าหมายเดียวกัน”

กองหน้าทุกคนต้องมีช่วงเวลาที่ปืนฝืด คุณมีวิธีจัดการตัวเองอย่างไร เวลายิงประตูไมได้หลายเกม

“คิดบวกสิ มองโลกในแง่ดีเข้าไว้ ที่สำคัญคุณต้องไม่เสียความมั่นใจ อย่าไปกดดันตัวเอง เพราะอาชีพนักฟุตบอล คุณไม่สามารถเสียความมั่นใจได้เลย เพราะเมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกแย่ ปุ๊บ คุณคงไม่สามารถเรียกฟอร์มที่ดีกลับมาได้ จริงไม่”

“วิธีคิดของผมก็คือเล่นฟุตบอลให้มีความสุข ที่บราซิลมีนักเตะมากมายที่เขาเก่งกว่าผม แต่ไม่ได้มีโอกาสอย่างผม การมาเล่นในเมืองไทยถือเป็นโอกาสของผม ดังนั้นผมไม่มีเวลาที่จะมานั่งสูญเสียความมั่นใจหรอกนะ”

101 ประตูที่ทำได้ในไทยลีก ลูกยิงไหนที่คุณชอบมากสุด

“ต้องเกมกับ ราชบุรีฯ สิ (สมัยเล่นให้ เทโรฯ บุกไปชนะ 1-0 ปี 2013) ผมเลี้ยงครึ่งสนามลากเข้าไปยิง มันสวยงามจริงๆ จังหวะที่ได้บอล ผมเหลือบไปเห็น อมร ธรรมนาม อยู่อีกฝั่งของสนาม เขาวิ่งหน้าตั้งเลย (พร้อมทำท่าเงยหน้าวิ่งสับแขน) ฮ่าๆ ผมรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ไม่ยอมจ่ายให้เขา เพราะมีตัวประกบวิ่งตามเจ่มา ส่วนชิโม เขาวิ่งประคองมาอีกคน ผมคิดว่าถ้าส่งให้เขา คงโดน ศิลา (ศรีกำปัง) แย่งไปแน่ ผมเลยตัดสินลากตัดผ่าน รัตนะ (เพ็ชรอาภรณ์) เข้าไปยิงมันเองซะเลย”

ว่าแต่ ฟาบิโอ บาร์โบซา คนที่ชวนคุณมาที่นี่ เขารู้ยังว่าคุณทำประตูได้เกิน 100 ลูกแล้วนะ

“เขาก็น่าจะรู้ ก่อนที่ผมไปบอกเขาด้วยซ้ำ เขาน่ารัก ที่ผ่านมาเขาสนับสนุนโดยดีผมมาตลอด และเขาก็เอ่ยปากแสดงความยินดีกับความสำเร็จครั้งนี้ของผมด้วย (ปัจจุบัน บาร์โบซ่า ผันตัวเองจากนักเตะมาเป็นเอเยนต์ส่วนตัวของ เคลตัน ซิลวา)

“และตอนนี้ผมรู้สึกมีความสุขมากเลย "