ผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับปี 2016 และในปีที่ผ่านมาก็มีเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้นในวงการกอล์ฟต่างประเทศ โดย ''ฟอร์บส์'' สื่อดังของสหรัฐฯ ก็ได้คัด 5 เรื่องราวที่น่าสนใจให้มารับรู้กัน

            1. สิ้นตำนาน อาร์โนลด์ พาล์มเมอร์

            วงการกอล์ฟต้องพบกับข่าวเศร้า หลังจาก อาร์โนลด์ พาลเมอร์ ตำนานก้านเหล็กสหรัฐฯ เสียชีวิตในวัย 87 ปี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน ที่ผ่านมา หลังจากที่ฝากผลงานอันสุดยอดเอาไว้มากมายตลอดช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา

            พาลเมอร์ เกิดเมื่อวันที่ 10 กันยายน 1929 เป็นหนึ่งในนักกอล์ฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ และเป็นขวัญใจของแฟนๆ ซึ่งกองเชียร์ของเขาถูกขนานนามว่า "อาร์นี่ส์ อาร์มี่" รวมทั้งยังเป็นก้านเหล็กคนแรกที่นับเป็นซูเปอร์สตาร์อย่างแท้จริงในยุคที่ เริ่มมีการถ่ายทอดการแข่งขันทางโทรทัศน์ช่วงทศวรรษที่ 1950

            จากการที่เป็นคนธรรมดาสามัญและมีการพูดจาแบบเป็นกันเองทำให้ พาลเมอร์ เปลี่ยนแปลงมุมมองของกีฬากอล์ฟ จากที่เป็นเกมของชนชั้นสูงมาสู่การเล่นของชนชั้นระดับกลางและระดับแรงงาน

            นอกจากนี้ พาลเมอร์ ยังถูกยกให้เป็นหนึ่งใน "เดอะบิ๊กทรี" ของวงการกอล์ฟในช่วงทศวรรษที่ 1960 ร่วมกับตำนานอย่าง แจ็ค นิคลอส และ แกรี่ เพลเยอร์ จนทำให้กีฬาดวลวงสวิงกลายเป็นที่นิยมไปทั่วโลก    

            พาลเมอร์ ได้รับการบรรจุเข้าสู่เวิลด์ กอล์ฟ ฮอลล์ ออฟ เฟม ในปี 1974 หลังจากคว้าแชมป์มากมายตลอดอาชีพ ซึ่งรวมถึงเดอะ มาสเตอร์ส (1958, 1960, 1962, 1964), ยูเอส โอเพ่น (1960) และดิ โอเพ่น แชมเปี้ยนชิพ (1961, 1962)

            2. ทีมสหรัฐฯ คว้าแชมป์ ไรเดอร์ คัพ 

            ทีมนักกอล์ฟชายทีมชาติสหรัฐอเมริกาได้แชมป์ ไรเดอร์ คัพ ครั้งที่ 41 ไปครอง หลังจากเอาชนะทีมทยุโรป ไปด้วยสกอร์รวม 17-11 คะแนน เมื่อเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา

            ในการแข่งรอบสุดท้าย ก้านเหล็กจากแดนลุงแซมเอาชนะไปได้ถึง 7 คู่ โดยที่ฝั่งยุโรปได้คะแนนไปแค่ 4 คู่เท่านั้น ส่วนอีกคู่จบลงที่การเสมอกัน โดย แพททริค รีด นักกอล์ฟชาวมะกันเอาชนะความหวังของทีมยุโรปอย่าง รอรี่ แม็คอิลรอย ไปได้ด้วยสกอร์ 1 อัพ ขณะที่ตัวเก่งของฝั่ง สหรัฐอเมริกา อย่าง จอร์แดน สปีธ แพ้ เฮนริค สเตนสัน แต่เพื่อนร่วมทีมของเขาทำผลงานได้ดีจนได้แชมป์ไปครอง

            ทั้งนี้ นี่ถือเป็นแชมป์ ไรเดอร์ คัพ ครั้งแรกของ สหรัฐอเมริกา นับตั้งแต่ปี 2008 และนับเป็นการชนะใน ไรเดอร์ คัพ ครั้งที่ 26 ของทัพนักหวดจากแดนลุงแซมด้วย

            3. กอล์ฟเข้าสู่โอลิมปิก

            กีฬากอล์ฟได้โอกาสลงชิงชัยในศึกโอลิมปิกเกมส์เป็นครั้งแรกในรอบ 112 ปี ใน "ริโอเกมส์ 2016" โดยผลปรากฎว่า จัสติน โรส ก้านเหล็กจากสหราชอาณาจักร ได้เหรียญทองในประเภทชาย ขณะที่ พาร์ค อินบี โปรสาวเกาหลีใต้ ได้เหรียญทองในประเภทหญิง

            โรส ทำผลงานได้ดีมาตลอด 3 วันแรก โดยวันสุดท้ายเขาต้องแข่งกับ เฮนริค สเตนสัน ก้านเหล็กจากสวีเดน ซึ่งสุดท้ายโปรวัย 36 ปีก็โชว์ฟอร์มได้ดี เก็บเพิ่ม 4 อันเดอร์พาร์ ในวันสุดท้าย จนทำให้ได้เหรียญทองด้วยสกอร์รวม 16 อันเดอร์พาร์ 268

            "พูดตรงๆ นะ มันคือฝันที่เป็นจริงเลย ผมคิดเกี่ยวกับ ริโอ มาเป็นเวลานาน แค่การกลับบ้านพร้อมเหรียญรางวัลสักเหรียญมันก็เป็นผลงานที่ดีแล้ว แต่การได้เหรียญทองมันถือเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมสุดๆ ผมได้สู้แบบสนุกกับ เฮนริค ซึ่งเป็นเพื่อนที่ดีของผม มันต้องเล่นด้วยฟอร์มระดับโลกถึงจะได้เป็นผู้ชนะในวันนี้ ดังนั้นผมจึงภูมิใจมากๆ กับความสำเร็จนี้ และตอนนี้ผมก็ต้องซึมซับกับมันให้เต็มที่" โรส เปิดใจ

            ขณะที่ พาร์ค อินบี โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยม เก็บเพิ่ม 5 อันเดอร์พาร์ ในการแข่งรอบสุดท้าย  ทำให้เธอทำสกอร์รวมเข้ามาที่ 16 อันเดอร์พาร์ 268 และได้เหรียญทองไปครอง

            พาร์ค เริ่มต้นรอบนี้ด้วยการเป็นผู้นำแบบเดี่ยวๆ และเธอก็สานต่อฟอร์มอันสุดยอด ชดเชย 2 โบกี้ ด้วยการกวาดไปถึง 7 เบอร์ดี้ ทำให้เธอได้เหรียญทองโดยที่ทิ้งห่างอันดับ 2 อย่าง ลิเดีย โค ก้านเหล็กจากนิวซีแลนด์ถึง 5 สโตรก ขณะที่เหรียญทองแดงตกเป็นของ เฟิ่ง ฉานฉาน โปรชาวจีน

            พาร์ค ซึ่งก่อนหน้านี้มีอาการบาดเจ็บนั้น เผยว่านี่เป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชีวิตของเธอเลย "มันเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่พิเศษที่สุดในอาชีพการเล่นของฉัน และในชีวิตของฉันด้วย การได้เป็นตัวแทนให้ประเทศของคุณแล้วได้เหรียญทองถือเป็นสิ่งที่พิเศษมาก"

            "มันเป็นสิ่งที่ฉันต้องการ ฉันมีความสุขสุดๆ กับผลงานในครั้งนี้ หลังจากตัดสินใจลงแข่งแล้วนั้น บางส่วนในจิตใจของฉันก็เชื่อมั่นในตัวเองว่าฉันมีโอกาสทำได้ ถ้าฉันไม่มั่นใจในตัวเองแล้วเนี่ย ฉันคงไม่ลงแข่งในสัปดาห์นี้หรอก" อดีตก้านเหล็กมือ 1 ของโลก เปิดใจ

            4.การกลับมาของ ดัสติน จอห์นสัน 

            ดัสติน จอห์นสัน โปรกอล์ฟหนุ่มสหรัฐฯ ทำผลงานยอดเยี่ยมคว้าแชมป์รายการเมเจอร์ที่ 2 ของปี "ยูเอส โอเพ่น" ที่ที่สนามโอ๊คมอนต์ คันทรี คลับ ระยะ 7,255 หลา พาร์ 70 เพนซิลวาเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา

            ก้านเหล็กเจ้าถิ่นทำ 3 เบอร์ดี้ และเสีย 2 โบกี้ ส่งผลให้จบรอบ 4 ลงด้วยสกอร์ที่เหนือกว่า จิม ฟิวริค (66), สกอตต์ เพียร์ซี่ (69) และ เชน ลอว์รี่ (76) ที่คว้าอันดับ 2 ร่วม 3 สโตรก โดยหลังจากพัตต์เบอร์ดี้ในหลุมสุดท้าย จอห์นสัน วัย 32 ปี ได้ชูกำปั้นด้วยความสะใจ ก่อนที่จะยกพัตเตอร์ขึ้นรับเสียงโห่ร้องจากแฟนๆ และเข้าสวมกอดกับแคดดี้คู่ใจ สำหรับการคว้าแชมป์ยูเอส โอเพ่น ครั้งที่ 116 

            "รู้สึกดี รู้สึกดีจริงๆ รู้สึกดีมาก ผมมีโอกาสหลายครั้งที่ผมไม่สามารถทำได้ ดังนั้น แชมป์นี้จึงเป็นสิ่งที่น่ายินดีอย่างยิ่ง ผมรู้ว่าผมสวิงได้ดี และผมก็แค่คิดว่ามันมีเพียงแค่ผมกับสนามแห่งนี้ ผมแข่งกับสนาม ผมไม่สามารถควบคุมสิ่งที่คนอื่นๆ ทำได้ ดังนั้น จึงแค่พยายามตีกอล์ฟ พยายามตีมันให้เข้าใกล้หลุม และทำ 2 พัตต์" จอห์นสัน กล่าว 

            ขณะที่บรรดากองเชียร์ข้างสนามต่างตะโกน "ดีเจ, ดีเจ, ดีเจ" และ "ยูเอสเอ, ยูเอสเอ, ยูเอสเอ" เพื่อให้กำลังใจ จอห์นสัน ซึ่งคว้าแชมป์เมเจอร์เป็นครั้งแรก หลังจากที่อกหักมาหลายต่อหลายรายการแล้ว 

            5.การต่อสู้กันอย่างดุเดือดในศึก บริติช โอเพ่น

            ในรอบสุดท้ายของ ดิโอเพ่น 2016 ที่สนาม รอยัล ทรูน เป็นการต่อสู้กันระหว่าง เฮนริค สเตนสัน นักกอล์ฟสวีเดน กับ ฟิล มิคเคลสัน โปรสิงห์อีซ้าย โดยทั้งคู่สู้กันอย่างดุเดือด โดย แจ็ค นิคลอส ชี้ว่า เป็นการดวลกันที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์กอล์ฟเลยทีเดียว

            สเตนสัน เก็บเพิ่ม 8 อันเดอร์พาร์ ในการแข่งรอบสุดท้าย ทำให้สกอร์รวมอยู่ที่ 20 อันเดอร์พาร์ 264 ส่งผลให้เขาได้แชมป์รายการนี้ไปครอง ขณะที่ มิคเคลสัน ทำสกอร์รวม 17 อันเดอร์พาร์ 267 หลังวันสุดท้ายเก็บเพิ่ม 6 อันเดอร์พาร์

            สเตนสัน เผยหลังคว้าแชมป์ว่า "ผมรู้สึกว่ามันถึงเวลาของผมแล้ว แน่นอนว่าคุณไม่มีทางการันตีอะไรได้ และผมต้องเล่นให้ดีเพื่อไปให้ถึงจุดนั้น แต่ผมก็เชื่อมั่นในตัวเอง และทำผลงานได้เยี่ยม"