"ตราหมี" แอตเลติโก มาดริด ซิวถ้วยออดี้ คัพ ในปีนี้ไปครองได้สำเร็จ หลังดวลจุดโทษเอาชนะ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล 5-4 โดยในเวลา90นาทีเสมอกัน 1-1 ในการแข่งขันฟุตบอลรายการพิเศษ ออดี้ คัพ 2017 ที่อัลลิอันซ์ อารีน่า ประเทศเยอรมัน เมื่อคืนวันพุธที่ 2 สิงหาคม ที่ผ่านมา

ฟุตบอลออดี้ คัพ 2017
(นัดชิงชนะเลิศ)
วันพุธที่ 2 สิงหาคม 2560
แอต.มาดริด (สเปน) 1 - ลิเวอร์พูล (อังกฤษ) 1
(แอต.มาดริด ชนะจุดโทษ 5-4)

สนาม : อัลลิอันซ์ อารีน่า, (มิวนิค, เยอรมัน)

    ''ตราหมี'' แอต.มาดริด ทีมแกร่งของลา ลีกา สเปน เบียดเอาชนะ นาโปลี ของอิตาลี มาได้หวุดหวิด 2-1 โดยเกมนี้ไม่มี ดีเอโก้ โกดิน ปราการหลังตัวเก่งชาวอุรุกวัย ที่ติดโทษแบนจากการโดนใบเหลือง-แดง ไล่ออกในเกมดังกล่าว เลยต้องให้ ลูก้าส์ แอร์กน็องเดซ ลงมายืนเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟคู่กับ โฮเซ่ คีเมเนซ แทน โดยแบ็กซ้ายให้ เซร์จี้ กอนซาเลซ จากทีมชุดเยาวชนของสโมสร ลงสนาม

    แนวรุกวาง เกอิดี้ บาเร่ ดาวเตะวัย 19 ปี ชาวแอลเบเนีย ลงมาล่าตาข่ายร่วมกับ อังเคล คอร์เรอา และ ลูเซียโน่ เวียตโต้ ส่วน เฟร์นานโด ตอร์เรส กับ อองตวน กรีซมันน์ มีชื่อเป็นเพียงสำรอง 

    ทางด้าน ''หงส์แดง'' ลิเวอร์พูล ต้อน บาเยิร์น มิวนิค เจ้าภาพมาสวยงาม 3-0 ในเกมเมื่อวานนี้ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการเสีย แดเนียล สเตอร์ริดจ์ กองหน้าที่มีอาการบาดเจ็บต้นขาจากเกมดังกล่าว

    นอกจากนั้นทำการพักผู้เล่นสำคัญอย่าง ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, เดยัน ลอฟเรน และ อัลเบร์โต้ โมเรโน่ เอาไว้

    ตำแหน่งผู้รักษาประตูให้ แดนนี่ วอร์ด ลงมาเฝ้าเสา พร้อมได้ความช่วยเหลือจากแนวรับอย่าง จอน ฟลานาแกน, โจ โกเมซ, รักนาร์ คลาวาน และ เจมส์ มิลเนอร์ (กัปตันทีม)

    แดนกลางส่ง จอร์จินโย่ ไวนัลดุม, เอ็มเร่ ชาน และ อดัม ลัลลาน่า ลงมาทำเกม ส่วนสามประสานแดนหน้าใช้งาน เบน วู้ดเบิร์น, ซาดิโอ มาเน่ และ โดมินิก โซลันกี้ ลงขยี้ตาข่าย

    เปิดเกมครึ่งแรกมาได้ 14 นาที หงส์แดงได้โอกาสก่อน เมื่อ อดัม ลัลลาน่า โยนไปเสาไกลให้กับ เบน วู้ดเบิร์น ดาวรุ่งของทีมกระโดดวอลเลย์ทันที แต่ไม่ผ่านการป้องกันของ มิเกล อังเคล โมย่า นายทวารของแอต.มาดริด

    อย่างไรก็ตามเป็นตราหมีที่มาได้ประตูขึ้นนำไปก่อน 1-0 ในนาทีที่ 33 จากจังหวะที่ ซิเม่ เวอร์ซัลจ์โก้ เปิดจากกรอบเขตโทษด้านขวาให้ อังเคล คอร์เรอา ชาร์จจ่อๆ แดนนี่ วอร์ด นายทวารลิเวอร์พูล ปัดไปชนคานเด้งตกลงมาเข้า
ทางของ เกอิดี้ บาเร่ ดาวเตะวัย 19 ปี ชาวแอลเบเนีย โขกซ้ำเข้าประตูไปช่วยให้ แอต.มาดริด ขึ้นนำก่อน 1-0 เมื่อหมดครึ่งแรก

    มาเล่นกันต่อในครึ่งหลัง หงส์แดงเปลี่ยนผู้เล่นรวดเดียวหกรายให้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, โฌแอล มาติ๊ป, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, มาร์โก กรูยิช, ไรอัน เคนท์ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ลงมาเล่นแทน มิลเนอร์, ฟลานาแกน, ชาน, ลัลลาน่า, วู้ดเบิร์น และ ซาดิโอ มาเน่

    กระเถิบมานาทีที่ 63 ลิเวอร์พูลได้โอกาสเมื่อ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แบ็กซ้ายคนใหม่ชาวสกอตแลนด์เปิดบอลเข้าไปในเขตโทษ โฮเซ่ คีเมเนซ กองหลังของตราหมีสกัดบอลหลุดออกหลังไปอย่างหวุดหวิด

    ล่วงเลยมานาทีที่ 74 แอต.มาดริดเปลี่ยนผู้เล่นรวดเดียว 5 ราย โดยในจำนวนนี้มี เฟร์นานโด ตอร์เรส กองหน้าคนดังลงมาเจอกับต้นสังกัดเก่าด้วย 

    ถัดมานาทีเดียวหงส์แดงมีลุ้นฟีร์มีโน่เปิดให้กับกรูยิชยิงจากริมกรอบเขตโทษ บอลเหินข้ามคานไป

    ท้ายเกมนาทีที่ 82 ลิเวอร์พูลมาได้จุดโทษจากจังหวะที่ ดิว็อค โอริกี้ กองหน้าร่างใหญ่ชาวเบลเยียมที่ลงมาเป็นสำรองได้บอลในกรอบเขตโทษแต่งหาเหลี่ยมยิง แต่โดน ฟิลิเป้ หลุยส์ แบ็กซ้ายตราหมีที่ลงมาเป็นสำรองสกัดข้อเท้าล้มลงไป ผู้ตัดสินเป่าทันที ก่อนที่ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ดาวยิงชาวบราซิลรับหน้าที่สังหารด้วยขวาเข้าประตูไปช่วยให้หงส์แดงตามมาเป็น 1-1

    ก่อนจบเกมสองนาทีแอต.มาดริดน่าได้ประตู เมื่อเปิดมุมเข้ามาถึง ลูก้าส์ แอร์กน็องเดซ ได้ยิงในกรอบเขตโทษ แต่ แดนนี่ วอร์ด ผู้รักษาประตูของหงส์แดงปัดข้ามคานไปได้ทัน

    เวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้อีก จบเกมเสมอ 1-1 ต้องดวลจุดโทษตัดสินเพื่อหาผู้ชนะ

    ในช่วงของการดวลจุดโทษตัดสิน ปรากฏว่าแอต.มาดริดแม่นกว่าชนะไป 5-4 ผงาดคว้าแชมป์ออดี้ คัพ 2017 ไปครอง โดยผู้เล่นตราหมียิงเข้าหมดทั้งห้าคน คนสุดท้ายคือ ฟิลิเป้ หลุยส์ สังหารไม่พลาด ขณะที่ลิเวอร์พูลยิงเข้า 4 คน ซึ่งคนที่พลาดคือ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ยิงไปติดเซฟ
   
    รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

    แอต.มาดริด: มิเกล อังเคล โมย่า - ซิเม่ เวอร์ซัลจ์โก้, โฮเซ่ คีเมเนซ, ลูก้าส์ แอร์กน็องเดซ, เซร์จี้ กอนซาเลซ - มาตีอาส คราเนวิตเตร์, เอากุสโต้ เฟร์นานเดซ, โธมัส พาร์ตีย์ - เกอิดี้ บาเร่, อังเคล กอร์เรอา, ลูเซียโน่ เวียตโต้

    ลิเวอร์พูล: แดนนี่ วอร์ด - จอน ฟลานาแกน, โจ โกเมซ, รักนาร์ คลาวาน, เจมส์ มิลเนอร์ (กัปตันทีม) - จอร์จินโย่ ไวนัลดุม, เอ็มเร่ ชาน, อดัม ลัลลาน่า - เบน วู้ดเบิร์น, ซาดิโอ มาเน่, โดมินิก โซลันกี้