''ทีมตาหมากรุก'' โครเอเชียของนายใหญ่ ซลัตโก้ ดาลิช ผลงานร้อนแรงเก็บชัยสามนัดรวด มี 9 คะแนนเต็มยิงได้ถึง 7 ประตู เสียแค่ลูกเดียวเท่านั้น การจัดทัพนำลุยโดย ลูก้า โมดริช เช่นเคย ทางด้าน อาเก้ ฮาไรเด้ กุนซือ "เดนมาร์ก" นำทีมไม่แพ้ใครมา 18 นัดติดต่อกันผ่านเข้ารอบมาเป็นอันดับสองของกลุ่มซี มี คริสเตียน เอริคเซ่น ลงบู๊สู้ ในศึกฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย 2018 วันอาทิตย์ที่ 1 ก.ค. นี้ (เวลา : 01.00)
ปรีวิวฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย 2018
วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม 2561
รอบ 16 ทีม
โครเอเชีย - เดนมาร์ก
ถ่ายทอดสดเวลา : (เวลา : 01.00) : True Sport HD3,True4U
สนาม: นิซนี่ นอฟโกรอด สเตเดี้ยม, (นิซนี่ นอฟโกรอด, รัสเซีย)

    ''ทีมตาหมากรุก'' โครเอเชีย ลงสนามนัดแรกในศึกฟุตบอลโลก 2018 ไปแล้ว โชว์ฟอร์มได้ดีทุบไนจีเรียไป 2-0 เมื่อวันเสาร์ที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนร่ายฟอร์มสุดยอดต้อนอาร์เจนตินา อดีตแชมป์โลกสองสมัยไปสวยงาม 3-0 เมื่อวัน
พฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา จากนั้นเกมที่สามส่งผู้เล่นสำรองลงสนามถึง 9 ราย แต่ยังคว้าชัยเหนือไอซ์แลนด์ 2-1 เมื่อวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา เก็บชัยสามนัดรวด มี 9 คะแนนเต็ม ยิงได้ถึง 7 ประตู เสียแค่ลูกเดียวเท่านั้น

    ซลัตโก้ ดาลิช เทรนเนอร์วัย 51 ปี ชาวบอสเนียฯ ของทีมชาติโครเอเชีย ตัดสินใจส่งตัว นิโกล่า คาลินิช กองหน้าจากสโมสรเอซี มิลานกลับบ้านเรียบร้อยแล้ว หลังเจ้าตัวมีปัญหาบาดเจ็บหลัง แล้วปฏิเสธที่จะลงสนามเป็นตัวสำรองในเกมชนะ
ไนจีเรีย

    กรณีนี้ทางโครเอเชียไม่สามารถเรียกนักเตะเข้ามาเพิ่มได้แล้ว ทำให้เหลือนักเตะเพียง 22 คน สำหรับใช้งานตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์

      ดาลิชกุนซือฝีมือดีวัย 51 ปี ของโครเอเชียจะเรียกผู้เล่นตัวหลักทั้ง 9 ราย กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้งในเกมนี้

    รูปแบบการเล่นของโครเอเชีย ยังยึดสูตร 4-3-3 ให้ ซิเม่ เวอร์ซัลจ์โก้, เดยัน ลอฟเรน, โดมากอย วีด้า และ อิวาน สตรินิช ยืนเป็นแบ็กโฟร์ช่วยป้องกันประตู ก่อนถึง ดานิเยล ซูบาซิช นายทวารของทีม

    ในแดนกลางวาง อิวาน ราคิติช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช, ลูก้า โมดริช ลงมาทำเกม โดยสามประสานแดนหน้าส่ง อันเต้ เรบิช, มาริโอ มานด์ซูคิช และ อิวาน เปริซิช ลงถล่มตาข่าย

     อาเก้ ฮาไรเด้ กุนซือชาวนอร์เวย์ของทีมชาติเดนมาร์ก วัย 64 ปี นำทีมไม่แพ้ใครมา 18 นัดติดต่อกัน หลังจากเสมอฝรั่งเศสแบบจืดชืดโนสกอร์ 0-0 ในการเล่นรอบแบ่งกลุ่ม นัดที่สาม ที่ซามาร่า อารีน่า, ซามาร่า เมื่อวันอังคารที่ 26 มิถุนายนที่ผ่าน
มา ทำให้มีทั้งหมด 5 คะแนน จากสามนัด ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย มาด้วยการเป็นทีมอันดับสองของกลุ่มซี

    ความพร้อมเกมนี้เดนมาร์กไม่มี วิลเลี่ยม ควิสต์ มิดฟิลด์ตัวเก่งจากสโมสรโคเปนเฮเก้นบาดเจ็บบริเวณซี่โครง หลังจากปะทะกับ เจฟเฟอร์สัน ฟาร์ฟาน ปีกของเปรู จนถูกหามลงเปลออกจากสนามนาทีที่ 35 แมตช์ชนะเปรู 1-0 ในรอบแบ่งกลุ่ม
นัดแรกที่มาร์โดเวีย อารีน่า, ซารานส์ค เมื่อวันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน หมดสิทธิ์ลงสนามตลอดทัวร์นาเมนต์นี้ เท่ากับว่าเดนมาร์กเหลือผู้เล่นให้ใช้งานแค่ 22 คน

    อย่างไรก็ตามข่าวดีคือได้ตัว ยุสซุฟ โพลเซ่น ปีกขวาพ้นโทษแบนกลับมาลงสนามช่วยทีม ทำให้ มาร์ติน เบรธเวท หลุดไปเป็นสำรอง ส่วนเกมรับได้ ซิมอน เคียร์ กัปตันทีมบัญชาการแผงหลังร่วมกับ อันเดรียส คริสเตนเซ่น

    แนวรุกวาง คริสเตียน เอริคเซ่น จอมทัพจากท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ปั้นเกมร่วมกับ ยุสซุฟ โพลเซ่น และ ปิโอเน่ ซิสโต้ คอยป้อนบอลให้ นิโคไล ยอร์เกนเซ่น หัวหอกจากสโมสรเฟเยนูร์ด เข้าทำประตู

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะได้ลงสนาม

    โครเอเชีย : ดานิเยล ซูบาซิช - ซิเม่ เวอร์ซัลจ์โก้, เดยัน ลอฟเรน, โดมากอย วีด้า, อิวาน สตรินิช - อิวาน ราคิติช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช, ลูก้า โมดริช (กัปตันทีม) - อันเต้ เรบิช, มาริโอ มานด์ซูคิช, อิวาน เปริซิช

เทรนเนอร์ : ซลัตโก้ ดาลิช

    เดนมาร์ก : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล - เฮนริค ดาลสการ์ด, ซิมอน เคียร์ (กัปตันทีม), อันเดรียส คริสเตนเซ่น, เยนส์ สตรายเกอร์ ลาร์เซ่น - ลาสส์ โชน, โธมัส เดลานี่ย์ - ยุสซุฟ โพลเซ่น, คริสเตียน เอริคเซ่น, ปิโอเน่ ซิสโต้ - นิโคไล ยอร์เกนเซ่น

เทรนเนอร์ : อาเก้ ฮาไรเด้

ผู้ตัดสิน : เนสเตอร์ ปิตาน่า (อาร์เจนตินา)   

ข้อมูลที่น่าสนใจก่อนเกม

- ทั้งสองทีมเคยพบกัน 5 ครั้ง สถิติเท่าเทียมกันเป๊ะ โครเอเชียชนะ 2 เดนมาร์กชนะ 2 และเสมออีกหนึ่งนัด

- มีสกอร์รวมเกิน 2.5 ประตูเกิดขึ้น 2 ใน 3 เกมหลังสุดที่ทั้งคู่พบกัน

- โครเอเชียเก็บชัยได้ถึง 5 จาก 6 เกมหลังสุดในทุกรายการ รวมถึงรอบแบ่งกลุ่มที่ชนะรวดได้ 9 แต้มเต็ม ที่เหลืออีกนัดคือการอุ่นเครื่องแพ้บราซิล

- มีสกอร์รวมเกิน 2.5 ลูกเกิดขึ้น 3 จาก 4 นัดหลังสุดที่ทีมตาหมากรุกลงสนาม

- เดนมาร์กไม่แพ้ใครมาแล้ว 7 นัดติดต่อกันทุกรายการ สถิติอยู่ที่ชนะ 3 เสมอ 4

- มีสกอร์รวมเกิดขึ้นไม่ถึง 2.5 ประตูตลอด 7 เกมหลังสุดที่ทีมโคนมลงสนาม

- เดนมาร์กเสียจุดโทษถึง 2 จาก 3 นัดในรอบแบ่งกลุ่ม