โชเซ่ มูรินโญ่ ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมที่เก่งที่สุดในโลก เขาสามารถเสกความสำเร็จให้กับทุกๆ สโมสรที่เข้ามากุมบังเหียน รวมทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เป็นเหมือนแสงสว่างให้กับแฟนบอลเมื่อทำงานปีแรกก็นำทีมคว้า 2 แชมป์อย่างยิ่งใหญ่
5 เหตุผลที่ มูรินโญ่ ต้องโบกมือลาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

โชเซ่ มูรินโญ่ ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมที่เก่งที่สุดในโลก เขาสามารถเสกความสำเร็จให้กับทุกๆ สโมสรที่เข้ามากุมบังเหียน รวมทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เป็นเหมือนแสงสว่างให้กับแฟนบอลเมื่อทำงานปีแรกก็นำทีมคว้า 2 แชมป์อย่างยิ่งใหญ่

อย่างไรก็ตาม สำหรับฤดูกาลที่สอง ทุกอย่างเริ่มไม่โสภา เนื่องจากฟอร์มการเล่นก็โดนวิจารณ์ว่าน่าเบื่อเน้นผลการแข่งขัน จนโดนแซวว่ามี "รสบัส" จอดขวางหน้าประตู แต่ขนาดเล่นบอลอุดก็ยังแพ้บ่อยๆ แถมแชมป์ก็ไม่มีเอาไว้ประดับตู้โชว์ในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ทำให้เริ่มเกิดคำถามขึ้นมาว่า มูรินโญ่ มีดีพอที่จะนำความยิ่งใหญ่เหมือนยุครุ่งเรืองที่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้สร้างเอาไว้ได้ไหม

สำหรับตอนนี้แม้จะเป็นช่วงอุ่นเครื่องปรีซีซั่น แต่การที่ฟอร์มของทีมย่ำแย่ แถมล่าสุดเพิ่งโดน ลิเวอร์พูล คู่อริร่วมงาน จัดการฌาปนกิจคาดินแดนมะกันแบบไม่เหลือซาก ทำให้ "เด็กผี" หลายคนออกอาการไม่อยากได้ "เฮียมู" ทำหน้าที่นายใหญ่อีกต่อไปแล้ว และอาจเป็นไปได้ว่านี่คือซีซั่นสุดท้ายของเขากับ แมนฯ ยูไนเต็ด

1. การใช้เงินมหาศาล

มูรินโญ่ โดนเล่นงานด้วยสงครามประสาทจาก เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่เข้ามากุมบังเหียน "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล หลังจากที่เขาใช้เงินจำนวนมหาศาลในการซื้อนักเตะมาเสริมทัพนับตั้งแต่เข้ามาทำหน้าที่นายใหญ่ "ปีศาจแดง" แต่ตอนนี้ "เดอะ เร้ดส์" ก็ทำพฤติกรรมไม่ต่างกันในการทุ่มเงินเซ็นสัญญากับผู้เล่นหลายๆ คนในช่วงซัมเมอร์นี้

 "เฮียมู" ทุ่มเงินสร้างทีมไปถึง 392.55 ล้านปอนด์ (ราว 17,664 ล้านบาท) นับตั้งแต่ปี 2016 และขายนักเตะได้เงินเพียง 85.3 ล้านปอนด์ (ราว 3,838 ล้านบาท) ยอดเงินที่พวกเขาใช้จ่ายเมื่อหักลบแล้วสูงถึง 307.25 ล้านปอนด์ (ราว 13,826 ล้านบาท) ขณะที่ ลิเวอร์พูล ใช้จ่ายไปถึง 411.5 ล้านปอนด์ (ราว 18,517 ล้านบาท) แต่พวกเขาได้เงินคืนจากการขายนักเตะถึง 289.65 ล้านปอนด์ (ราว 13,034 ล้านบาท) โดยเฉพาะในรายของ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ที่ย้ายไปเล่นกับ บาร์เซโลน่า เมื่อหักลบกันแล้ว "หงส์แดง" ใช้จ่ายเงินไปเพียง 121.9 (ราว 5,485 ล้านบาท) เท่านั้น

 ยิ่งไปกว่านั้นเม็ดเงินที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทุ่มลงไปดูเหมือนว่าจะไม่คุ้มค่ามากนักในแง่ของคุณภาพของผู้เล่นที่ดึงมาเสริมทัพ รวมทั้งฟอร์มการเล่น และผลการแข่งขันของทีม ฉะนั้นจะคนที่จะต้องรับผิดชอบเต็มๆ ก็คือผู้จัดการทีมของพวกเขานั่นเอง

2. ไม่แย่แสพัฒนานักเตะเยาวชน

ภายใต้การกุมบังเหียนของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ต้องยอมรับว่า แมนฯ ยูไนเต็ด มีการพัฒนานักเตะเยาวชนของพวกเขาจนก้าวขึ้นมาเป็นสตาร์ลูกหนังโลกมากมาย และยังมีการเซ็นสัญญากับผู้เล่นวัยเยาว์เพื่อนำมาฝึกปรือฝีเท้าในศูนย์เยาวชนของพวกเขา

ขณะที่จากประวัติการกุมบังเหียนในหลายๆ สโมสรของ มูรินโญ่ เขาไม่ค่อยใส่ใจกับศูนย์เยาวชน และโปรแกรมการพัฒนาผู้เล่นดาวุร่งมากนัก โดยมักจะพึ่งพาบรรดาผู้เล่นมากประสบการณ์เพื่อเป็นแกนหลักของทีม อาจจะมีแฟน "ผีแดง" หลายคนค้านหัวชนฝา เพราะนักเตะอย่าง สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ เป็นเด็กปั้นของ "เฮียมู" เรื่องนี้ถูกต้อง!! แล้วมีคนอื่นอีกไหมที่ได้รับโอกาสอย่างสม่ำเสมอแบบนี้ !!??

กรณีของ มาร์คัส แรชฟอร์ด,  อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล, มัตเตโอ ดาร์เมียน และ ลุค ชอว์ ที่มักจะโดนจับดองเค็มอยู่ในซุ้มม้านั่งสำรอง และทำให้การพัฒนาฝีเท้าของพวกเขาต้องสะดุด นักเตะเหล่านี้สามารถพัฒนาขึ้นมาเป็นผู้เล่นระดับโลกได้ หากกุนซือกล้าที่จะใช้งานพวกเขา

3 ขาดความสำเร็จ

 โชเซ่ มูรินโญ่ มักจะตอบคำถามสื่อ และแฟนบอลว่าไม่ได้คาดหวังอะไรมากนักกับฤดูกาลแรกที่เข้ามากุมบังเหียน และจะคาดหวังมากยิ่งขึ้นกับฤดูกาลที่สอง ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงๆ กับทุกๆ สโมสรที่เขาคุม อย่างไรก็ตามกับ แมนฯ ยูฯ มันกลับตาลปัตรกันเมื่อเขาประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ อีเอฟแอล คัพ กับ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ในซีซั่น 2016-17 แน่นอนว่ามันเจ๋งสุดๆ แต่กลับล้มเหลวไม่ได้แชมป์เลยในฤดูกาล 2017-18

 การได้เพียงแค่รองแชมป์ลีกเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา (แถมแต้มยังห่างกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์ ถึง 19 คะแนน) ถือว่าล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับจำนวนเงินมหาศาลที่ทุ่มลงไปในการเสริมทัพ เขามักจะมีข้อแก้ตัวบ่อยๆ และเริ่มที่จะตำหนิลูกทีม ส่วนในซีซั่นที่สามนี้หากผลลัพธ์ยังออกมาย่ำแย่  มีความเป็นไปได้ที่นักเตะกับสโมสรจะไม่หนุนหลังเขาอีกต่อไป

4 ไม่มีอัตลักษณ์ความเป็นแมนฯ ยูไนเต็ด 

กุนซือชาวโปรตุกีส ขึ้นชื่อลือชาเรื่องการเน้นแท็คติกเป็นหลัก เขาเป็นผู้จัดการทีมที่เชื่อว่าตำแหน่งกองกลางมีความสำคัญมาก ทุกๆ สโมสรที่เขาเคยคุมมักจะมีอัตลักษณ์แบบนี้ พวกเขามีสไตล์การเล่นที่มักจะเน้นจังหวะการสวนกลับ และให้แผงมิดฟิลด์ทำหน้าที่ควบคุมเกม

สำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ใช่ทีมที่มีสไตล์การเล่นแบบนั้น ลองดูสไตล์ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กับ แมนฯ ซิตี้ หรือ คล็อปป์ กับ ลิเวอร์พูล หรือแม้แต่ (อาร์แซน) เวนกอร์ กับ อาร์เซน่อล เห็นแบบนี้แล้วคงเข้าใจถึงแผนและสไตล์การเล่นแล้วใช่ไหม

กรณีของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่มีอะไรที่สอดคล้องตรงกันกับสไตล์การเล่นสำหรับทุกๆ ทีมที่ มูรินโญ่ เคยคุมเลย แน่นอนว่าการนำแท็คติกแบบนี้มาใช้สร้างความสับสนให้กับนักเตะ และส่งผลกระทบต่อผลการแข่งขันของทีมอย่างเห็นได้ชัด

5 การบริหารจัดการนักเตะ

มูรินโญ่ ทำเรื่องผิดพลาดมหันต์ในการบริหารจัดการผู้เล่นอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด กับ อ็องโตนี่ย์ มาร์กซิยาล ซึ่งทั้งสองคนได้ชื่อว่าเป็นนักเตะที่น่าจับตามองและเหมาะสมกับวงการฟุตบอลสมัยใหม่ รวมทั้งมีคุณภาพที่จะก้าวขึ้นไปเป็นผู้เล่นระดับโลก

อย่างไรก็ตาม "เฮียมู" กับปฏิบัติกับทั้งสองคนย่ำแย่มากๆ ปอล ป็อกบา ซึ่งเพิ่งจะโชว์ฟอร์มเทพกับ ฝรั่งเศส จนคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 เป็นนักเตะอีกคนที่โดน มูรินโญ่ ใช้งานไม่เป็นจนฟอร์มออกทะเลกลายสภาพจากแข้งฟอร์มฮอตเป็นนักเตะจอมแฟชั่นไปซะงั้น ในรายของ โรเมลู ลูกากู ทำผลงานได้ดีกับทีมชาติเบลเยียม แต่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ฟอร์มของเขาก็ไม่น่าอภิรมย์

ส่วนในกรณีของ ดาบิด เด เคอา นายทวารจอมหนึบที่เป็นผู้เล่นที่ฟอร์มที่ดีที่สุดของ "ผีแดง" ไม่ได้อยู่ในข่ายนักเตะฟอร์มหลุด แต่หาก มูรินโญ่ บริหารจัดการผิดพลาดด้วยการขายให้กับ เรอัล มาดริด (กรณีที่พวกเขาแห้ว ติโบต์ กูร์กตัวส์) งานนี้ นายใหญ่เลือดฝอยทอง คงยากที่จะอยู่ที่นี่เพราะกองทัพ "เร้ด อาร์มี่" ไม่ยอมอยู่เฉยๆ แน่นอน