ถือว่าตอนนี้ โชเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังเจอกับความกดดันอย่างหนักจริงๆ หลังจากที่เขามีปัญหากับบอร์ดบริหาร แถมยังพาทีมทำผลงานได้ไม่ดีในฤดูกาลนี้อีก จนทำให้เกิดการลือกันแล้วว่าเจ้าตัวอาจจะต้องตกงานในเร็ววันนี้

ทั้งนี้ คนที่เหล่า "เร้ด อาร์มี่" อยากให้มาคุมทีมแทน มูรินโญ่ มากที่สุดในตอนนี้เห็นจะไม่พ้น ซีเนดีน ซีดาน จากการที่เขาเคยประสบความสำเร็จอย่างมากกับ เรอัล มาดริด แต่มันก็ไม่ใช่ว่า ซีดาน จะมีงานง่ายรออยู่ถ้าเขาเข้ามารับงานดังกล่าวจริง และวันนี้เราก็จะมาชี้แจงให้ฟังว่า "ซิซู" จะเจอปัญหาอะไรบ้างถ้าเจ้าตัวเป็นทายาทของ มูรินโญ่

- คุณภาพของขุมกำลัง

แน่นอน ถ้ามองแค่ผิวเผินแล้วนั้น ขุมกำลังชุดปัจจุบันของ แมนฯ ยูไนเต็ด ดูมีความแข็งแกร่งพอตัว จากการที่แนวรุกของพวกเขามีทั้ง โรเมลู ลูกากู, อเล็กซิส ซานเชซ, ฆวน มาต้า ส่วนแผงกลางก็มี ปอล ป็อกบา ให้พร้อมใช้งาน ขณะที่ตำแหน่งผู้รักษาประตูก็มี ดาบิด เด เคอา คอยเฝ้าเสาให้

อย่างไรก็ตาม แนวรับของ "ปีศาจแดง" ดูย่ำแย่พอตัว คนที่พอฝากผีฝากไข้ได้มีแค่ เอริก ไบยี่ เพียงคนเดียวเท่านั้น การเสียไปถึง 7 ประตูจากเกมลีก 3 นัดแรกถือเป็นการยืนยันถึงเรื่องนั้นได้เป็นอย่างดี ซึ่งนั่นต่างกับสมัยที่ ซีดาน คุม เรอัล มาดริด อย่างสิ้นเชิง เพราะที่นั่นเขาเคยมีอย่าง เซร์คิโอ รามอส กับ ราฟาแอล วาราน เป็นเซนเตอร์แบ็กให้ใช้งาน

นอกจากนี้ แนวรุกทั้งหมดในเบื้องต้นของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เทียบไม่ได้กับ เรอัล ในยุคของ ซีดาน ที่มี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ แกเร็ธ เบล พร้อมล่าตาข่ายด้วย นั่นก็หมายความว่า ซีดาน จะมีขุมกำลังคุณภาพด้อยกว่าสมัยคุม "ราชันชุดขาว" แน่นอน

 - บรรยากาศการแข่งที่ดุเดือดและกดดันมากขึ้น

ไม่มีใครปฏิเสธว่าการขับเคี่ยวลุ้นแชมป์ ลา ลีกา ระหว่าง เรอัล กับ บาร์เซโลน่า ถือเป็นการเบียดลุ้นแชมป์ลีกที่ดุเดือดมากที่สุดอันหนึ่งในวงการฟุตบอล เพราะทั้งสองทีมต่างก็เป็นทีมใหญ่ และมีนักเตะฝีเท้าดีเต็มไปหมด

อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้วความกดดันในการเบียดลุ้นแชมป์ ลา ลีกา มันด้อยกว่า พรีเมียร์ลีก ค่อนข้างชัดเจน ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็คือในลีกสูงสุดของสเปนนั้น ทีมที่พอจะเบียดลุ้นแชมป์กับทั้ง เรอัล และ บาร์เซโลน่า มีเพียง แอตเลติโก มาดริด เพียงทีมเดียวเท่านั้น หรือก็คือมันมีแค่ 3 ทีมที่แย่งแชมป์กัน ขณะที่ใน พรีเมียร์ลีก ทีมใหญ่นอกเหนือจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ที่มีศักยภาพดีพอสำหรับการลุ้นแชมป์ลีกมีทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ลิเวอร์พูล, เชลซี, อาร์เซน่อล และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์

ทั้งนี้ ความกดดันในการลุ้นแชมป์ที่ ซีดาน จะเจอนั้น ต่างกับสมัยคุม ลา ลีกา ราวฟ้ากับเหวแน่นอน และมันจะเป็นบททดสอบชิ้นใหญ่สำหรับเขาถ้าหากเขามารับงานในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

    - บอร์ดบริหารที่ต่างกัน

ถึงแม้ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธาน เรอัล จะมีชื่อเสียงไม่ดีในด้านที่เคยชอบปลดกุนซือเป็นว่าเล่น แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเป็นคนที่ทุ่มเทให้กับทีมเกิน 100 เปอร์เซ็นต์ การทุ่มเงินไล่คว้าแข้งเก่งๆ มาร่วมทีมหลายคนตลอดช่วงที่ผ่านมาคือสิ่งที่สื่อถึงเรื่องนั้นได้เป็นอย่างดี แถมเวลาชอบใครแล้วนั้นเขาก็จะให้การสนับสนุนคนๆ นั้นอย่างเต็มที่ด้วย เหมือนในรายของ ซีดาน ที่ได้รับการหนุนหลังเต็มเปี่ยม

 กรณีดังกล่าวนับได้ว่าต่างกับตระกูลเกลเซอร์ เจ้าของทีม แมนฯ ยูไนเต็ด พอตัว โอเคว่าหลายฤดูกาลก่อนหน้านี้พวกเขาอาจจะให้การสนับสนุนเรื่องการเสริมทัพเป็นอย่างดี แต่ถ้าเทียบแล้วพวกเขาก็ดูให้ความจริงจังกับทีมไม่เท่ากับ เปเรซ

ในสมัยนี้นั้น ความร่วมมือกันระหว่างกุนซือและผู้บริหารถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ และถ้าทั้ง 2 ฝ่ายเกิดปัญหาในการทำงานร่วมกันแล้วล่ะก็ มันก็จะทำให้กุนซือทำทีมยากตามไปด้วย