ในเวลานี้ผู้จัดการทีมที่แบกแรงกดดันเอาไว้เต็มสองบ่าคงหนีไม่พ้น โชเซ่ มูรินโญ่ หลังจากที่เจ้าตัวโดนโจมตีจากหลายทิศทางในเรื่องต่างๆ มากมายทั้งปัญหากับนักเตะ, บอร์ดบริหาร, สไตล์การเล่น รวมไปถึงการควบคุมอารมณ์เวลาที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อ จนทำให้ตอนนี้ฟอร์มการเล่นของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังเป๋ไปเป๋มา

ผลงานแพ้ 2 จาก 4 เกมแรกในพรีเมียร์ลีก พร้อมกับปัญหามากมายทั้งในและนอกสนาม ทำให้ มูรินโญ่ กลายเป็นกระแสถูกพูดมากที่สุดในเรื่องโอกาสโดนปลดจากตำแหน่งนายใหญแห่งถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด พร้อมกับมีชื่อของ ซีเนดีน ซีดาน ที่เตรียบเสียบหน้าที่นี้ทันที

สำหรับในช่วงพักเบรกทีมชาติ ถือเป็นเวลาที่ดีสำหรับ มูรินโญ่ ในการเคลียร์ทุกอย่าง และคิดทบทวนเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น รวมไปถึงการใช้เวลาเดินทางไปชมบรรดาลูกทีมชุดใหญ่ของเขาที่ลงทำหน้าที่ให้กับชาติบ้านเกิด และหลังจากพักสมองแล้ว ได้เวลาที่เจ้าตัวต้องจัดการสิ่งสำคัญ 5 เรื่องเพื่อที่จะนำ แมนฯ ยูไนเต็ด ฟื้นขึ้นจากหลุมอีกครั้ง และหากทำได้มีโอกาสสูงมากที่ทีมของเขาจะกลับมาลุ้นความสำเร็จในฤดูกาลนี้ แถมยังทำให้ขาเก้าอี้ของเขาแข็งแรงอีกครั้ง

1. สมานฉันท์และดึงฟอร์มเก่ง ปอล ป็อกบา  ออกมา

ช่วงที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้มีรายงานอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่าง โชเซ่ มูรินโญ่ กับ ปอล ป็อกบา ที่ค่อยๆ ขยายตัวขึ้นเรื่องๆ โดยความสัมพันธ์ของทั้งสองคนค่อนข้างตึงเครียด ก่อนหน้านี้ "เฮียมู" ก็เคยดร็อป ป็อกบา หลายแมตช์เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ขณะที่นักเตะก็มักจะพร่ำกับสื่อว่าเขากลับที่จะโดนปรับถ้าเปิดปากเรื่องบางเรื่องออกไป

สำหรับในเวลานี้ กุนซือชาวโปรตุกีส ต้องบอกได้ว่ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก แน่นอนว่าการเป็นโค้ชคุณมีสิทธิ์ที่จะโต้เถียงกับนักเตะตัวหลักในเรื่องต่างๆ ได้ และผู้จัดการทีมสมควรได้รับการเคารพอย่างสูง แต่ มูรินโญ่ ต้องการ ป็อกบา มากกว่าที่ ดาวเตะเลือดเฟร้นช์ ต้องการ "เฮีมู" ในเวลานี้

อย่าลืมว่า ป็อกบา ประสบความสำเร็จในอาชีพอย่างสูงเมื่อช่วยทีมชาติฝรั่งเศสคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 และสามารถเซ็นสัญญากับสโมสรไหนก็ได้บนโลกใบนี้ ขณะที่ มูรินโญ่ ต้องเริ่มเรียกมันสมองที่ชาญฉลาดของเขากลับคืนมาถ้าเขาอยากที่จะสร้างผลงานชั้นยอดกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ป็อกบาเป็นนักเตะที่มีอิทธิพลอย่างสูงกับเพื่อนร่วมทีม ซึ่งทุกๆ คนคงเห็นกันเต็มสองตาแล้วที่รัสเซีย ในแง่ของความเป็นผู้นำทีมไปสู่ชัยชนะ โดย ดาวเตะน้ำหอม ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในระดับเวิลด์คลาสภายใต้เสื้อ "เร้ด เดวิลส์" ได้ แต่ มูรินโญ่ ต้องดึงฟอร์มเก่งของเขาออกมาให้ได้ทุกสัปดาห์

 2. ปรับแผงแบ็กโฟร์ให้ลงตัว

มูรินโญ่ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาต้องการเซนเตอร์แบ็กอย่างน้อย 1 คนในช่วงซัมเมอร์นี้ และก็ต้องผิดหวังเมื่อบอร์ดบริหารปฏิเสธที่จะทุ่มเงินให้กับเขาในการดึงนักเตะที่ปรารถนา

 แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องที่น่าผิดหวังที่สุด อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาเดียวกันเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา มูรินโญ่ ก็เคยทำผิดพลาดมหันต์ เมื่อสะกิดบอร์ด "ปีศาจแดง" ให้ทุ่มเงินจำนวน 30 ล้านปอนด์ (ราว 1,350 ล้านบาท) เพื่อคว้าตัว วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ แต่สุดท้ายนักเตะกลับเล่นไม่คุ้มค่าเงินแม้แต่เพนนีเดียว

สำหรับฤดูกาล 2018-19 มูรินโญ่ ประกาศตัวชัดเจนว่าเขาไม่คิดว่ากองหลังของเขายอดเยี่ยมแต่อย่างใด ซึ่งนั่นทำให้ความมั่นใจของพวกเขาแตกละเอียดไม่เหลือชิ้นดี และที่สำคัญ "เฮียมู" ยังขยันที่จะสลับสับเปลี่ยนแนวรับอยู่ตลอดเพื่อที่จะหาจุดลงตัวที่สุด

ผลลัพธ์ที่ออกมานะเหรอ ? ฟอร์มของนักเตะที่ว่ากันว่ามีพรสวรรค์หลายๆ คนกลายสภาพเป็นความยุ่งเหยิงสับสอลหม่านไปหมด สำหรับในเวลานี้ มูรินโญ่ ไม่รู้ว่าใครเป็นคู่เซนเตอร์แบ็กที่ดีที่สุดสำหรับเขา แต่เขาจำเป็นต้องทำเรื่องนี้ให้ดีที่สุดและต้องให้เร็วที่สุดด้วย

การปรับระบบแบ็กโฟร์ให้เหนียวแน่นและมีความมั่นคง รวมทั้งการพัฒนาความเชื่อมั่นให้กับกองหลัง และการสร้างความสัมพันธ์ในการเล่นร่วมกับ ดาบิด เด เคอา (ผู้รักษาประตู) เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ที่ มูรินโญ่ ต้องรีบจัดการให้ได้โดยเร็วพลัน

 3. เริ่มต้นทำทุกอย่างให้ดีที่สุดด้วยขุมกำลังที่มี

สำหรับในเวลานี้ มูรินโญ่ จำเป็นที่จะต้องมองข้าเรื่องผิดหวังจากการไม่ได้เซ็นสัญญาหนึ่งใน 5 นักเตะที่เขาต้องการในช่วงตลอดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์นี้ สิ่งแรกที่เขาต้องทำในฐานะโค้ช และต้องเริ่มลงมือทันทีก็คือการเล่นในแนวทางที่เขาต้องการให้ลูกทีมเล่น

 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีสตาร์ระดับโลกหลายคนซึ่งย้ายมาจากสโมสรอื่นๆ มากมายทั้ง อเล็กซิส ซานเชซ, ปอล ป็อกบา และ ดาบิด เด เคอา เป็นต้น ฉะนั้นในเวลานี้ มูรินโญ่ ต้องเริ่มทำทุกอย่างให้เต็มที่ที่สุดจากขุมกำลังที่มี ได้เวลาที่เขาต้องยอมรับว่าเขาไม่สามารถเซ็นสัญญากับนักเตะชั้นยอดแล้ว และควรจะหันมาสนใจสร้างนักเตะดาวรุ่งและให้โอกาสพวกเขาได้ลงสนาม

4. พิสูจน์ผลงานกับบอร์ดบริหาร 

เมื่อจัดการปัญหาภายในสนามได้แล้ว ตอนนี้ก็ต้องถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนใจกับบอร์ดบริหาร โดย มูรินโญ่ มีปัญหามากมายกับ เอ็ด วู๊ดเวิร์ด รองประธานบริหารสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในฤดูกาลนี้

กุนซือเลือดฝอยทอง ไม่ปลื้มที่ไม่ได้รับการหนุนหลังจาก รองประธานบริหาร "ผีแดง" ในเรื่องการทุ่มเงินเพื่อซื้อนักเตะช่วงซัมเมอร์นี้ และมีปากเสียงกันอย่างหนักจนนำไปสู่แรงกดดันนายใหญ่แมนฯ ยูไนเต็ด ที่สำคัญบรรดานักเตะรู้เกี่ยวกับปัญหาระหว่าง มูรินโญ่กับบอร์ดบริหารซะด้วย และรู้สึกถึงความไม่แน่นอนภายในทีม   

 เวลานี้ อดีตนายใหญ่อินเตอร์ มิลาน, เรอัล มาดริด และ เชลซี จำเป็นต้องทำหลายๆ อย่างให้ดีที่สุดร่วมกับบอร์ดบริหาร ถ้าเขาอยากพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาเป็นคนที่เหมาะสมกับงานนี้ เหนือสิ่งอื่นใด วู๊ดเวิร์ด เป็นคนกำอนาคตของ มูรินโญ่ เอาไว้ในมือ

 5. หยุดทะเลาะกับชาวบ้านโดยไม่จำเป็น

นี่เป็นสิ่งที่ มูรินโญ่ ทำมาตลอดอาชีพของเขา แต่ก็เป็นสิ่งที่เขาจำเป็นต้องหยุดในเวลานี้ เคล็ดลับในการเป็นผู้จัดการทีมที่ดีเพื่อที่จะได้อยู่ในวงการได้นานก็คือการปรับตัว เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เป็นคนที่พยายามทดลองในสิ่งใหม่ๆ และเรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเองเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ

เมื่อเร็วๆ นี้ มูรินโญ่ เพิ่งจะแสดงความเห็นเกี่ยวกับความสำเร็จในอดีตของเขา (โจมตี เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ไม่ประสบความสำเร็จในเวทีฟุตบอลถ้วยยุโรป) แต่ปัญหาก็คือการพูดแบบนี้ในเวลานี้มันไม่เหมาะอีกต่อไปแล้ว ความสำคัญของเขาเป็นอดีตไปแล้ว

ในฐานะผู้จัดการทีมฟุตบอล มันเป็นอะไรที่โหดร้ายไม่ใช่เล่น และมีกุนซือมากมายที่มีประวัติการทำงานที่ประสบความสำเร็จแต่ก็ต้องกระเด็นออกจากตำแหน่งเมื่อผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ ลองดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับ หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือที่ผ่านการคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก มาแล้ว (กับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม) เขาโดนเฉดหัวทิ้งทั้งๆ ที่นำ "ผีแดง" คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ แท้ๆ

ตอนนี้ได้เวลาที่ มูรินโญ่ ต้องปรับตัวแล้ว เขาจำเป็นต้องพลิกสถานการณ์และกลับมาสู้อย่างเต็มที่ ไม่สติแตกจนอารมณ์เสียเวลาให้สัมภาษณ์กับสื่อ สิ่งที่เขาต้องทำในเวลานี้ก็คือปล่อยวางแรงกดดันออกไปให้หมด