"อินทรีเหล็ก" เยอรมนี ประสบความล้มเหลวแบบไม่เป็นท่าในศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา จากการที่พวกเขาจอดป้ายตั้งแต่รอบแรก แถมพลิกล็อกแพ้ เกาหลีใต้ 0-2 เป็นการปิดท้าย และหลังจากนั้นฟอร์มของพวกเขาก็รูดลงเรื่อยๆ จนน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะในศึก ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เอ พวกเขามีโอกาสสูงเหลือเกินที่จะตกชั้น เพราะยังชนะใครไม่เป็น จากการลงเตะ 3 นัด (เสมอ 1 แพ้ 2) และการแพ้ ฝรั่งเศส 1-2 ในเกมล่าสุด เมื่อคืนวันอังคารที่ 16 ตุลาคม ที่ผ่านมานั้น ถือเป็นการปราชัยหนที่ 6 ในปี 2018 ซึ่งถือเป็นสถิติที่สูงสุดตลอดกาลของทีมแชมป์โลก 4 สมัยเลยทีเดียว หากนับตามรอบปีปฏิทิน

แน่นอนว่า ตอนนี้ทีม "อินทรีเหล็ก" มีปัญหามากมายเต็มไปหมดทั้งภายนอกและภายใน และหากวิเคราะห์กันที่ขุมกำลังตอนนี้ เห็นได้ชัดว่า แข้งหลักที่พาทีมได้แชมป์โลกเมื่อปี 2014 หลายคนเริ่มหมดไฟแล้ว และไม่สามารถช่วยยกระดับให้กับทีมได้ จนน่าจะถึงเวลาที่ต้องหลีกทางให้พวกรุ่นน้อง จะมีใครกันบ้าง และตรงใจกับที่ท่านผู้อ่านบ้างมั๊ย ลองมาดูกัน
   
- เยโรม บัวเต็ง (ลงเล่น 76 นัด, ทำ 1 ประตู)
ถือเป็นคนแรกเลยที่พุ่งเข้ามาในหัว จากที่เคยเล่นได้แข็งแกร่งมากๆ เมื่อราว 4-5 ปีก่อน แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่า บัวเต็ง ได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว เชื่องช้า และกลายเป็นจุดอ่อนของทีมไปเลย ซึ่งก็อย่างที่หลายๆ คนได้เห็นกันในจังหวะที่เจ้าตัวถูก จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม มิดฟิลด์ทีมชาติฮอลแลนด์ โยกผ่านแบบง่ายๆ (แถมหงายหลังโชว์เหมือนตอนที่โดน ลิโอเนล เมสซี่ เล่นงานเมื่อปี 2015) ก่อนเข้าไปยิงประตูปิดท้ายในเกม เนชั่นส์ ลีก ที่ "อินทรีเหล็ก" บุกพ่าย "อัศวินสีส้ม" หมดสภาพ 0-3 เมื่อวันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม

ไม่ใช่แค่กับทีมชาติเท่านั้น ตอนนี้ ปราการหลังวัย 30 ปี ก็ไม่ใช่ตัวจริงแบบถาวรที่ บาเยิร์น มิวนิค เช่นกัน และดูเหมือนว่า "เสือใต้" มีแผนที่จะโละทิ้งหลังจบฤดูกาลนี้ ดังนั้น เยโรม บัวเต็ง คือชื่อแรกเลยที่ควรจะพิจารณาหลีกทางให้นักเตะรุ่นน้องได้แล้ว เพราะจะว่าไป เยอรมนี ก็มีเซนเตอร์แบ็กหลายคนที่พร้อมพิสูจน์ตัวเอง อย่าง นิคลาส ซือเลอ, โจนาธาน ทาห์ รวมถึง อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ที่ตอนนี้กลายเป็นปราการหลังตัวหลักที่ เชลซี ไปแล้ว

* อัตราความเหมาะสมในการรีไทร์ทีมชาติ : 9/10

- มานูเอล นอยเออร์ (ลงเล่น 82 นัด)
หลายคนอาจไม่เห็นด้วย แต่บางคนอาจจะเห็นด้วย เพราะตอนนี้ นอยเออร์ ไม่ใช่นายทวารที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกอีกแล้ว โดยเฉพาะฟอร์มการป้องกันประตูหลังปัญหาบาดเจ็บที่เท้า ซึ่งเห็นได้ชัดว่า นายทวารจาก บาเยิร์น มิวนิค วัย 32 ปีคนนี้เล่นไม่ได้ตามมาตรฐานเดิม และไม่มีชอตเซฟยากๆ ให้เห็น ดังนั้นมันคงถึงเวลาที่ต้องเสียตำแหน่งมือหนึ่งให้คนอื่นได้แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ มาร์ค อันเดร แทร์ สเตเก้น นายด่าน บาร์เซโลน่า ที่กำลังหนุ่มแน่น และมีฟอร์มที่ดีกับต้นสังกัด

จริงๆ แล้ว แทร์ สเตเก้น ควรได้รับการโปรโมตให้ขึ้นมาเป็นมือหนึ่งตั้งแต่ศึกฟุตบอลโลกที่ รัสเซีย ด้วยซ้ำ ขณะที่ตัวเลือกอื่นๆ อย่าง แบร์นด์ เลโน่ ของ อาร์เซน่อล และ เควิน ทรัปป์ ของ ไอร์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ต่างก็น่าจะได้รับโอกาสจากกุนซือ โยอาคิม เลิฟ มากกว่านี้

* อัตราความเหมาะสมในการรีไทร์ทีมชาติ : 7.5/10    
   
- โธมัส มุลเลอร์ (ลงเล่น 98 นัด, ทำ 38 ประตู)
จากที่เคยเป็นนักเตะกำลังสำคัญที่ทีม "อินทรีเหล็ก" ขาดไม่ได้ และมักจะเป็นตัวทีเด็ดที่ช่วยทำประตูสำคัญๆ ได้เสมอ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า มุลเลอร์ ไม่ได้มีความหมายอะไรต่อทีมอีกแล้ว
 อย่างไรก็ตาม หากมองอีกมุมนึงก็น่าเห็นใจ มุลเลอร์ เช่นกัน เพราะเรื่องตำแหน่งการเล่นที่เหมาะสมของเจ้าตัวยังคงเป็นเครื่องหมายคำถามตัวใหญ่ๆ เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วกับทีมชาติ มุลเลอร์ มักจะถูกใช้งานในตำแหน่งปีก แต่ ณ เวลานี้เขาไม่มีความรวดเร็วหรือมีเทคนิคสูงพอที่จะเล่นงานคู่แข่ง และถ้าหากโยกมาเล่นเป็นตัวที่ยืนอยู่ข้างหลังกองหน้า ก็เป็นไปได้ยากอีก เพราะ เลิฟ นิยมใช้ระบบการเล่น 4-3-3 เป็นหลัก

ดังนั้นด้วยสถานการณ์หลายๆ อย่าง อาจจะบีบบังคับให้ ดาวเตะจาก บาเยิร์น มิวนิค (อีกแล้ว) วัย 29 ปี หมดความหมายต่อทีม "อินทรีเหล็ก" ไปโดยปริยาย เพราะนักเตะตัวรุกที่คล่องตัวกว่าและหนุ่มกว่าอย่าง ลีรอย ซาเน่, ยูเลียน ดรักซ์เลอร์ และ ยูเลียน บรันด์ท น่าจะเป็นตัวเลือกที่ใช่สำหรับ เลิฟ ในการสร้างทีมเพื่ออนาคต 

 * อัตราความเหมาะสมในการรีไทร์ทีมชาติ : 7/10