ลูก้า โมดริช เพลย์เมกเกอร์ชาวโครแอต ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกองกลางที่เก่งที่สุดในโลก และเป็นผู้เล่นที่มีบทบาทสำคัญมากๆ กับ เรอัล มาดริด ในช่วงหลายฤดูกาลที่ผ่านมา
    อดีตสตาร์ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ลงสนามให้กับ "ราชันชุดขาว" ไปแล้ว 272 แมตช์ และช่วยต้นสังกัดคว้าแชมป์ ลา ลีกา 1 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 4 สมัย รวมทั้ง โกปา เดล เรย์ 1 สมัย และ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ (สโมสรโลก) 3 สมัย นอกจากนี้เขายังติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่า 4 ครั้ง และคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมยุโรปประจำฤดูกาล 2017-18

    นอกจากนี้ โมดริช ยังเป็นตัวเต็งที่จะซิวรางวัลบัลลงดอร์ ในปีนี้ด้วย อย่างไรก็ตามด้วยวัยที่ปาเข้าไป 33 ปี และฟอร์มการเล่นในปัจจุบันค่อนข้างแผ่วลงไป ทำให้ เรอัล มาดริด ไม่สามารถพึ่งพาเขาได้นานนัก และจำเป็นต้องมองหากองกลางคนใหม่เพื่อเตรียมเอาไว้แทนที่ ยอดแข้งเลือดโครแอต

    5. ปอล ป็อกบา

    ป็อกบา เริ่มต้นอาชีพกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ล้มเหลวในการเบียดขึ้นมายึดตำแหน่งตัวจริง (ตอนนั้นยังเป็นดาวรุ่ง) ทำให้เจ้าตัวเลือกย้ายไปอยู่กับ ยูเวนตุส ซึ่งทำให้เขาได้รับโอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นกองกลางชั้นดีที่ได้รับการจับตามองที่สุดในโลกช่วง 2-3 ปี

    แชมป์ฟุตบอลโลก 2018 หวนคืนถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อปี 2016 และกลายเป็นกำลังสำคัญของ "ปีศาจแดง" โดย ป็อกบา ช่วยทีมคว้าแชมป์อีเอฟแอล คัพ (คาราบาว คัพ) 2016-17 และ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ในฤดูกาลแรกที่หวนคืนรัง พร้อมกับคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมถ้วยใบเล็กยุโรปด้วย

    แม้จะเป็นนักเตะมีทักษะสูง แต่ช่วงที่ผ่านมามีรายงานว่า ป็อกบา ไม่มีความสุขกับการทำงานร่วมกับกุนซือโชเซ่ มูรินโญ่ และมีความเป็นไปได้ว่าเจ้าตัวพยายามหาทางทิ้ง "โรงละครแห่งความฝัน" เป็นครั้งที่สอง และจุดหมายปลายทางน่าจะไปที่ซานติอาโก้ เบร์นาเบว

    4. เซอร์เก มิลินโควิช-ซาวิช

    เซอร์เก มิลินโควิช-ซาวิช อาจจะไม่ค่อยได้รับความสนใจมากนักตอนที่ย้ายจาก เกงค์ ไปเล่นให้ ลาซิโอ เมื่อปี 2015 แต่นักเตะทำผลงานได้อย่างโดดเด่นและเป็นกำลังสำคัญของ "อินทรีฟ้าขาว" ทำให้ตอนนี้เขากลายเป็นมิดฟิลด์ที่เป็นที่ต้องการที่สุดในโลกเช่นกัน

    กองกลางวัย 23 ปี ลงเล่นให้ "เบียงโคเชเลสเต้" ไปแล้ว 104 เกมพร้อมกับตะบันไปเบาๆ สบายเกือก 18 ประตู โดยเขาได้รับรางวัลบรอนซ์บอลจากผลงานการคุมเกมในแดนกลางเหนือกว่าคู่แข่งในการเล่นฟุตบอลโลกรุ่นอายุไม่เกิน 20 ไปเมื่อปี 2015 และช่วย ลาซิโอ คว้าแชมป์ซูเปอร์โคปปา อิตาเลีย เมื่อปี 2017

    ด้วยส่วนสูง 6 ฟุต 4 นิ้ว หรือประมาณ 192 เซนติเมตร, มิลินโควิช-ซาวิช เป็นมิดฟิลด์ที่มีร่างกายแข็งแกร่งซึ่งพร้อมที่จะช่วยทีมได้ทั้งเกมรุก และรับ เขายังเลี้ยงบอลได้ดี และเล่นได้ทุกๆ ตำแหน่งในแดนกลาง นอกจากนี้ ดาวเตะทีมชาติเซอร์เบีย ซัดไปแล้ว 14 ประตูและมากกว่า 4 แอสซิสต์ จากการเล่นเกมลีก 35 แมตช์ในฤดูกาล 2017-18

    มิลินโควิช-ซาวิช มีข่าวว่าจะย้ายไปเล่นกับ "ราชันชุดขาว" เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา และคงเป็นอะไรที่เพอร์เฟกต์ในการเข้ามาแทนที่ ลูก้า โมดริช หาก "ราชันชุดขาว" อย่างไรก็ตาม "โลส บลังโกส" อาจต้องเจอกับคู่แข่งตัวฉกาจนั่นก็คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ ยูเวนตุส ทั้งจ้องเซ็นสัญญากับนักเตะเช่นกัน

    3. คริสเตียน อีริคเซ่น 

    ด้วยศักจภาพในการผ่านบอลที่น่าเหลือเชื่อ, มันสมองในการสร้างสรรค์เกม, วิสัยทัศน์ในการอ่านเกม และความสามารถในการควบคุมเกมจากแดนกลาง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ คริสเตียน อีริคเซ่น จะได้รับการเชิดชูในเวลานี้ว่าเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่เก่งที่สุดในยุโรป

    ดาวเตะทีมชาติเดนมาร์ก เป็นผลผลิตชั้นดีจากศูนย์เยาวชนอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม และเป็นหนึ่งในกลุ่มแข้งดาวรุ่งพุ่งแรงของทีมที่ได้ลงเล่นเปิดตัวเมื่อปี 2010 เขาลงเล่นในสีเสื้ออาแจ็กซ์ ไปถึง 113 แมตช์ ก่อนที่จะเก็บเสื้อผ้าไปหาความท้าทายใหม่กับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ด้วยค่าตัว 11.5 ล้านปอนด์ (ราว 517.5 ล้านบาท) เมื่อปี 2013

    มิดฟิลด์วัย 16 ปี เป็นหนึ่งในขุมกำลังสำคัญที่เล่นเข้ากับสไตล์ของกุนซือเมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ที่สเปอร์ส และเขายังเป็นผู้เล่นชาวเดนิชที่ยิงประตูได้มากที่สุดในพรีเมียร์ลีกด้วยจำนวน 41 ประตู เขาเป็นนักฟุตบอลคนแรกที่คว้ารางวัลแข้งยอดเยี่ยมแห่งปีของวงการลูกหนังโคมนม 3 ปีซ้อน   

    อีริคเซ่น แสดงให้เห็นว่าเขามีความปรารถนาที่จะอำลาถิ่นไวท์ ฮาร์ท เลน ในช่วงที่ผ่านมา และ เรอัล มาดริด อาจจะใช้โอกาสทองเกี่ยวกับสถานการณ์ของนักเตะในเวลานี้ อย่างไรก็ตาม เขาคงมีค่าตัวค่อนข้างมหาศาลและ "ราชันชุดขาว" ต้องเจอคู่แข่งอย่าง บาร์เซโลน่า ที่อยากได้นักเตะเช่นกัน

    2. มาร์โก แวร์รัตติ

    มาร์โก แวร์รัตติ เป็นหนึ่งในกองกลางฝีเท้าดีที่สุดในโลก ณ เวลานี้ และสร้างผลงานได้ดีเยี่ยมในการเล่นให้กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง

    ดาวเตะชาวอิตาเลียน วัย 26 ปี เริ่มต้นอาชีพนักเตะด้วยการเล่นให้กับเปสคาร่า และเล่นให้กับทีม 174 เกม ยิงไป 2 ประตู ก่อนจะย้ายไปอยู่กับ "เปแอสเช" เมื่อปี 2012 โดยเขาลงสนามในเกมลีก 164 แมตช์และซัดไปแล้ว 9 ประตู
 
    ในเรื่องทักษะต้องยอมรับว่า มิดฟิลด์ทีมชาติอิตาลี เป็นกองกลางพรสวรรค์อย่างแท้จริง เขามีความรวดเร็ว, คล่องแคล่วว่องไว และเลี้ยงบอลได้ดีเยี่ยม เขาสามารถควบคุมเกมจากแดนลากง และสามารถคุมจังหวะการเล่นให้กับทีมได้เป็นอย่างดี  
 
    1. เควิน เดอ บรอยน์

    เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเบลเยียม เป็นหนึ่งในกองกลางพรสวรรค์ และเป็นนักเตะสำคัญของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งเพิ่งจะทำลายสถิติกวาด 100 คะแนน ได้สำเร็จเป็นทีมแรกและยิงเกิน 100 ประตู คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก เมื่อฤดูกาล 2017-2018

    เควิน เดอ บรอยน์ เป็นนักเตะจอมสร้างสรรค์เกมของ "เรือใบสีฟ้า" และแอสซิสต์ได้ถึง 16 ครั้ง รวมทั้งยิงไปเบาะๆ 8 ประตูในเกมลีกเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา เขามักจะคอยทำหน้าที่ควบคุมเกม และทำหน้าที่คุมจังหวะในการนำต้นสังกัดเดินเครื่องไล่บี้คู่แข่ง

    เขาได้รับการพิจารณาว่าเป็นหนึ่งในสี่นักเตะที่เก่งที่สุดในโลกจาก "เดอะ การ์เดียน" สื่อดังในประเทศอังกฤษ เมื่อปี 2017 นอกจากนี้ เดอ บรอยน์ ยังมีลุ้นรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ เมื่อซีซั่น 2017-18 และติดดรีมทีมฟุตบอลโลก 2018 ด้วย

    อย่างไรก็ตาม จอมทัพวัย 26 ปี โชคร้ายที่ได้รับบาดเจ็บในฤดูกาลนี้ และทำให้เขาได้ลงเล่นเกมลีกเพียงแค่ 3 แมตช์เท่านั้น แต่กระนั้น เดอ บรอยน์ ยังคงเป็นนักเตะชั้นยอด และน่าจะเป็นตัวตายตัวแทนที่เพอร์เฟกต์หาก โมดริช อำลา เรอัล มาดริด