ปัจจุบัน ลิโอเนล เมสซี่ ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่เก่งที่สุดตลอดกาลของบาร์เซโลน่า และของวงการลูกหนังโลก หลังจากสร้างผลงานดีมีคุณภาพเยอะแยะมากมายรวมไปถึงการได้แชมป์ร่วมกับต้นสังกัด และรางวัลเกียรติยศส่วนตัวมาประดับบารมี

ย้อนไปในวัน 12 ปี หนูน้อยเมสซี่ ต้องเจ็บปวดรวดร้าวหัวใจเมื่อ ริเวอร์เพลท สโมสรยักษ์ใหญ่ในอาร์เจนตินา ปฏิเสธโอกาสที่จะเซ็นสัญญากับเขา โดยในช่วงเวลานั้นสื่อระบุเหตุผลเยอะแยะมากมายรวมไปถึงเรื่องที่ ริเวอร์เพลท ไม่ต้องการจ่ายเงินเพื่อเป็นค่ารักษาพยาบาลนักเตะที่มีปัญหาภาวะการขาดฮอร์โมนเจริญเติบโต

ขณะเดียวกันมีอีกเหตุผลก็คือที่ ริเวอร์เพลท มีบ้านพักสำหรับเด็กที่อายุ 13 ปีหรือแก่กว่านั้น นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเขาถึงโดนปฏิเสธ ยังไม่หมดแค่นั้นเพราะเมื่อ เมสซี่ อายุ 13 ปีเขาก็ยังโดนปฏิเสธอีกครั้ง สุดท้ายครอบครัวของเขาได้รับโอกาสสำคัญจาก บาร์เซโลน่า และนักเตะได้เซ็นสัญญาที่สุดลือลั่นบนผ้าเช็ดปากภายในร้านอาหารของสโมสร

นี่คือจุดเปลี่ยนของชีวิตอย่างแท้จริง เพราะหลังจากนั้น เมสซี่ ได้แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการลูกหนังระดับเทพประทาน และนำความสำเร็จมาสู่ถิ่นคัมป์ นู มากมายรวมทั้งแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 4 สมัย, ลา ลีกา 9 สมัย และ โกปา เดล เรย์ 6 สมัย รวมไปถึงรางวัลทรงเกียรติส่วนตัวที่โดดเด่นที่สุดก็คือได้บัลลงดอร์ หรือบอลทองคำ 5 สมัย

อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จมหาศาลเหล่านี้จะแปรเปลี่ยนไปในทันที หากในวันนั้น ริเวอร์เพลท กล้าที่จะเสี่ยงกับเด็กชายลิโอเนล เมสซี่ และถ้าเป็นแบบนั้น ประวัติศาสตร์ลูกหนังหลายๆ อย่างก็คงเปลี่ยนไปชนิดที่เราๆ ท่านๆ คงแทบไม่อยากจะเชื่อ

- เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อาจไม่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่
กวาร์ดิโอล่า ก้าวขึ้นมาทำหน้าที่นายใหญ่บาร์เซโลน่า ในช่วงระหว่างปี 2008-2012 ซึ่งได้ปั้น เมสซี่ จากการเป็นกองกลางที่สุดยอด ให้เป็นหัวหอกชั้นยอดซึ่งทำให้เขามีโอกาสทำประตูได้มากมายก่ายกอง จนช่วยให้ บาร์ซ่า ประสบความสำเร็จคว้าโทรฟี่สำคัญจนล้นตู้โชว์ในถิ่นคัมป์ นู

อย่างไรก็ตามถ้า เมสซี่ ไม่ได้อยู่กับทีม บาร์ซ่าคงไม่มีกองหน้าจอมสร้างสรรค์เกม เพราะ กวาร์ดิโอล่า จัดการขาย โรนัลดินโญ่ ไปให้ เอซี มิลาน เรียบร้อยแล้ว นี่อาจจะนำไปสู่สถิติการยิงประตูที่ลดน้อยลง และอาจจะลามไปถึงโทรฟี่แชมป์ที่ไม่มากมายขนาดนี้

ความจริงที่ต้องยอมรับก็คือในฤดูกาลไหนก็ตามที่ อัจฉริยะลูกหนังชาวอาร์เจนไตน์ ทำผลงานได้อย่างสุดยอด มันจะนำไปสู่ฤดูกาลที่ยิ่งใหญ่ของ บาร์เซโลน่า ด้วยเช่นกัน

- ริเวอร์เพลท จะยิ่งเป็นมหาอำนาจลูกหนัง
ริเวอร์เพลท เป็นที่รู้กันดีว่ามีแฟนบอลบ้าคลั่งสุดๆ โดยเฉพาะในแมตช์ดวลกับ โบคา จูเนียร์ส ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นโคตรเกมลูกหนัง "ซูเปอร์กลาซิโก้" ซึ่งไม่ต่างอะไรกับเกม "เอล กลาซิโก้" ระหว่า "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด พบกับ "เจ้าบุญทุ่มในดินแดนกระทิงดุ

ลองจินตนาการดูซิว่าแฟนบอลเหล่านี้จะโคตรคลั่งเป็นทวีคูณมากขนาดไหนถ้าสโมสรอันเป็นที่รักของพวกเขาคว้าแชมป์ลีกฟ้าขาว และแชมป์โกปา ลิเบอร์ตาดอเรส เป็นว่าเล่น และ เมสซี่ จะได้เล่นเคียงบ่าเคียงไหล่กับซูเปอร์สตาร์ของทีมในปัจจุบันได้แก่ กอนซาโล่ มาร์ติเนซ และเอเซเกล ปาลาซิออส

ต้องยอมรับเลยว่าหาก เมสซี่ เล่นกับ ริเวอร์เพลท พร้อมกับนักเตะชั้นยอดของพวกเขาแน่นอนว่านี่คือทีมที่โลกนี้ต้องหวาดหวั่น ที่สำคัญนี่ก็จะเป็นเหมือนฝันร้ายสำหรับกองหลังทุกคนทั่วโลก แต่อาจมีบางคนสะกิดว่ายกเว้นตอนเล่นระดับทีมชาติน่ะ.....

- เมสซี่-โรนัลโด้ คงไม่ได้เป็นคู่แข่งร่วมชาติกัน 
ถ้า ริเวอร์เพลท เซ็นสัญญากับเด็กชาย "ลีโอ".....การเป็นคู่ต่อกรระหว่าง ลิโอเนล เมสซี่ กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซึ่งปัจจุบันครองความเป็นสุดยอดนักเตะโลกอาจจะลดน้อยลง หรือไม่แน่ว่าทั้งสองคนอาจจะไม่ใช่คู่แข่งแย่งความสำเร็จส่วนตัว

ความเป็นคู่ต่อกรของ เมสซี่-โรนัลโด้ เริ่มต้นจริงๆ จังๆ หลังจากที่ กัปตันทีมชาติโปรตุเกส ซึ่งปัจจุบันมีทายาท 4 คน ย้ายจาก "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาเล่นกับ เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวเป็นสถิติโลกในเวลานั้น ลองนึกภาพดูว่าหาก เมสซี่ กับ โรนัลโด้ ไม่ได้เล่นในทวีปเดียวกัน งานนี้ ลา ลีกา คงเหงาหงอย แถมการนำทั้งคู่มาเปรียบเทียบกันก็คงไม่ค่อยมีบ่อยนัก เพราะทั้งสองคนไม่เคยดวลกัน

ยิ่งไปกว่านั้น คงไม่มีนักเตะนอกยุโรปคว้ารางวัลบัลลงดอร์ มากมายจำนวนถึง 5 สมัย เพราะรางวัลนี้คือหนึ่งในสิ่งที่หลายๆ คนมักจะใช้ในการนำไปเปรียบระหว่าง เมสซี่ กับ โรนัลโด้ นอกจากนี้ความสำเร็จกับสโมสรที่ผู้คนเลือกใช้วัดคุณภาพของทั้งคู่ก็ลดลงไปด้วย ฉะนั้นหาก เมสซี่ อยู่เล่นในอาร์เจนตินา ความเป็นคู่แข่งของทั้งสองคนก็คงน้อยมากๆ

 
- มีลุ้นกลายเป็นนักเตะที่ค่าตัวแพงที่สุดในโลก
การที่ เมสซี่ ย้ายมาอยู่กับ บาร์เซโลน่า ในศูนย์เยาวชนทำให้เขาเป็นนักเตะที่ค้าแข้งกับทีมมาตั้งแต่วัยละอ่อนจนกระทั่งหนวดเคราเต็มหน้า และไม่เคยมีความคิดที่จะย้ายออกจากแคว้นคาตาลุนย่าซะด้วย ฉะนั้นโอกาสจะได้เห็นเขาเป็นนักเตะที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลกแทบจะไม่มีทางเกิดขึ้น

แต่หากวันนั้น ริเวอร์เพลท เลือกใช้โอกาสทองมอบสัญญาให้ เมสซี่ ได้สลัดน้ำหมึกเพื่อเป็นนักเตะของพวกเขา ไม่แน่ว่าผลงานของเจ้าตัวอาจจะสร้างความฮือฮาให้กับโลกลูกหนัง และทำให้บรรดาสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรปพร้อมที่จะทุ่มเงินมหาศาลเพื่อดึงเขามาร่วมทีม

ไม่แน่ว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เชลซี หรือ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง รวมไปถึง เรอัล มาดริด และ บาร์ซ่า (ด้วย) คงพร้อมเขียนเช็คยั่วใจให้ ริเวอร์เพลท ยอมปล่อย เมสซี่ ออกมาก็ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งนี้ไม่เกิดขึ้นแล้วเนื่องจากทีมดังลีกอาร์เจนตินา เลือกทิ้งโอกาสเก็บแข้งเงินแข้งทองเอาไว้เอง