จนถึงตอนนี้ตลาดซื้อ-ขายนักเตะรอบสองจะปิดทำการอยู่แล้ว แต่ ลิเวอร์พูล ยอดสโมสรแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ก็ยังไม่ซื้อใครมาร่วมทีมแม้แต่คนเดียว ทั้งที่ตอนนี้พวกเขากำลังมีลุ้นแชมป์ลีกอย่างเต็มที่ จากการนำเป็นจ่าฝูงโดยที่นำหน้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยู่ 4 คะแนน

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวลือว่า ลิเวอร์พูล แอบให้ความสนใจในตัว อาเดรียง ราบิโอต์ มิดฟิลด์ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง อยู่ หลังจากที่ดาวเตะวัย 23 ปีทำท่าว่าจะหมดอนาคตในถิ่น ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเขาถึงขั้นถูกส่งไปซ้อมกับทีมสำรองเลย

จากสถานการณ์ที่ ลิเวอร์พูล ยังไม่ซื้อใครมาร่วมทีมเลยนั้น ทำให้มันดูเหมือนว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมของพวกเขาจะพอใจกับสภาพขุมกำลังในปัจจุบัน แต่ความจริงแล้วถ้าได้ ราบิโอต์ มาร่วมทีมในช่วงเดือนมกราคมนี้ มันก็จะถือเป็นการเสริมทัพที่ส่งผลดีต่อโอกาสการได้แชมป์ลีกเป็นหนแรกในรอบ 29 ปีของ "หงส์แดง" เลย และนี่คือสาเหตุว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น

- คุณภาพชั้นยอด
ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยได้รับโอกาสลงเล่นมากเท่าไหร่นับตั้งแต่ที่ ปารีสฯ เปลี่ยนมาใช้ โธมัส ทูเคิ่ล เป็นกุนซือของทีม เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่ที่จริง ราบิโอต์ มีฝีเท้าที่ดีในระดับหนึ่ง อูไน เอเมรี่ ผู้จัดการทีม อาร์เซน่อล ที่เคยกุมบังเหียน "เปแอสเช" รู้ถึงเรื่องนั้นเป็นอย่างดี เพราะเขาเคยให้โอกาส ราบิโอต์ ได้ลงเล่นหลายนัด

หนึ่งในฤดูกาลที่ ราบิโอต์ ได้ลงเล่นเยอะคือซีซั่น 2017-18 โดยเขาได้ลงเล่นในลีกไป 33 เกม แบ่งเป็นในฐานะตัวจริง 27 นัด และตัวสำรอง 6 หน ซึ่งเขามีเปอร์เซ็นตืผ่านบอลสำเร็จถึง 92.2 เปอร์เซ็นต์ด้วยกัน และยังเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งได้ 1.2 หนต่อเกมด้วย

ขณะที่ถ้าย้อนไปในฤดูกาล 2016-17 ที่เขาได้ลงเล่นในลีกไป 27 นัดนั้น ราบิโอต์ ก็ผ่านบอลเข้าเป้าถึง 90 เปอร์เซ็นต์ด้วยกัน และยังมีค่าเฉลี่ยเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งอยู่ที่ 1.5 ครั้งต่อเกมอีกต่างหาก

เรียกได้ว่าตอนนี้ ราบิโอต์ คือของดีที่โดนเก็บอยู่ตรงมุมห้องอยู่ และเขาก็กำลังรอโอกาสที่จะได้โชว์ให้คนทั่วโลกเห็นว่าตัวเองก็มีดีพอตัว ซึ่งเขาก็อาจจะระเบิดฟอร์มเก่งอีกครั้งในสีเสื้อของ ลิเวอร์พูล ได้ ถ้าหากเจ้าตัวได้รับโอกาสลงสนาม

- ช่วยให้ คล็อปป์ โยกกองกลางคนอื่นไปเล่นเกมรับได้แบบสบายใจ
แน่นอนว่าหนึ่งในปัญหาหลักของ ลิเวอร์พูล ในช่วงนี้คือการที่แนวรับของพวกเขาโดนอาการบาดเจ็บตามเล่นงานอยู่เรื่อยๆ ซึ่งถ้าเขาไม่สามารถหากองหลังมาร่วมทีมในเดือนแรกของปี 2019 ได้แล้วล่ะก็ เขาก็อาจจะจำเป็นต้องโยกนักเตะในตำแหน่งมิดฟิลด์ไปช่วยเกมรับ ซึ่งตอนนี้มันก็มีกองกลางบางคนที่โดนโยกไปเล่นในแนวรับแบบขัดตาทัพได้ อย่างเช่น ฟาบินโญ่, จอร์จินโย่ ไวนัลดุม และ เจมส์ มิลเนอร์ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม การทำอย่างนั้นมันก็หมายความว่า ลิเวอร์พูล ต้องเสียสละนักเตะในตำแหน่งกองกลางไปช่วยเกมรับ ซึ่งมันอาจจะส่งผลเสียกับการขึ้นเกมของพวกเขาได้ ด้วยเหตุนี้ ถ้าเกิด ราบิโอต์ เข้ามาอยู่กับ ลิเวอร์พูล แล้วล่ะก็ คล็อปป์ ก็จะมีตัวเลือกในตำแหน่งมิดฟิลด์มากขึ้น และสามารถเอากองกลงางคนอื่นไปเล่นเกมรับได้แบบไม่ต้องเครียดมากนัก

- เลือด ลิเวอร์พูล เข้มข้น
ถึงแม้ว่า ปารีส แซงต์-แชร์กแมง จะเป็นทีมใหญ่ทีมหนึ่งของประเทศ และเป็นทีมที่ ราบิโอต์ อยู่ด้วยในสมัยที่เขายังเป็นเพียงเยาวชน แต่ส่วนหนึ่งในใจของเขาแล้วนั้นมันมีเลือดของ ลิเวอร์พูล ไหลเวียนอยู่

ราบิโอต์ เป็นแฟนตัวยงคนหนึ่งของ ลิเวอร์พูล เขาชื่นชอบ "หงส์แดง" มาตั้งแต่ตอนเป็นเด็กแล้ว โดยเจ้าตัวยังเคยให้สัมภาษณ์กับ อาร์เอ็มซี สื่อรายหนึ่งในบ้านเกิดว่า "ผมอยากเล่นใน พรีเมียร์ลีก มันไม่สำคัญหรอกว่าจะเป็นกับทีมไหน แต่ที่จริงตอนเด็กๆ เนี่ย ผมก็เป็นแฟนพันธุ์แท้ของ ลิเวอร์พูล นะ"

นอกจากนี้ ไอดอลที่ ราบิโอต์ นับถือเป็นอย่างมากก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็น สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตำนานมิดฟิลด์ของ ลิเวอร์พูล นั่นเอง โดยตอนที่ เจอร์ราร์ด ประกาศแขวนสตั๊ดเมื่อปี 2016 ราบิโอต์ ถึงขั้นออกมาโพสต์ผ่าน อินสตาแกรม เลยว่า "สตีฟ เจอร์ราร์ด! เขาสามารถผ่านบอลเป็นระยะ 40 หลาได้ เขาแข็งแกร่ง และดุดันสุดๆ สตีฟ เจอร์ราร์ด เจอร์ราร์ด! เขาคือตำนานของวงการฟุตบอล คุณมีอาชีพการค้าแข้งที่ยอดเยี่ยมมากๆ"

ขณะเดียวกัน มันก็มีรายงานระบุว่าที่จริง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ทาบทาม ราบิโอต์ ไปร่วมทัพด้วย แต่เจ้าตัวตอบปฏิเสธคำชวนของ "ไก่เดือยทอง" ไป เพราะต้องการไปเล่นให้กับทีมรักอย่าง ลิเวอร์พูล มากๆ

ทั้งหมดทั้งมวลนี้แสดงให้เห็นว่า ราบิโอต์ รัก ลิเวอร์พูล จากใจจริง และถ้าเกิดเขาได้มาอยู่กับทีมแล้วล่ะก็ เชื่อได้ว่าเจ้าตัวจะทุ่มเทให้ทีมแบบเกิน 100 เปอร์เซ็นต์เต็มแน่นอน ซึ่งนั่นจะเป็นผลดีกับ ลิเวอร์พูล อย่างมาก ในเส้นทางการลุ้นแชมป์ลีกประจำฤดูกาลนี้